ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 361-2 ควำมพ่ำยแพ้ของกองทัพเป่ยจิ้ง กำร ตำยของเหรินฉีหนิง
ฉินเฟิงผงกศีรษะ เมื่อโบกมือ เหล่าองครักษ์ ต าหนักติ้งอ๋องก็พุ่งตัวเข้าไป สองฝ่ายเข้าห้ าหั่นต่อสู้กัน ไม่ได้เบาไปกว่าสงครามขนาดย่อมเท่าใดนัก
“เหรินฉีหนิง ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ โผล่หัวเจ้าออกมา เดี๋ยวนี้นะ!” องค์หญิงเห่อหลันตวัดมีดใส่นักฆ่าชุดด าผู้ หนึ่ง พลางตะโกนเสียงก้องไปรอบด้าน
เสียงเย็นเยียบดังขึ้นในจุดที่ไม่ไกลมากนัก “ข้าจะ ช่วยให้ท่านสมปรารถนา” เห็นเพียงเหรินฉีหนิงกระโดด ลงมาจากยอดเขาเล็กๆ ข้างทาง กระบี่เล่มยาวในมือแทง ตรงมาทางองค์หญิงเห่อหลันเหมือนกับวิญญาณอสรพิษ
เหอซู่และฉินเฟิงที่อยู่ด้านข้างลอยตัวพุ่งไป ข้างหน้า กระบี่ยาวสองเล่มรับการโจมตี และสะท้อน กระบี่ของเหรินฉีหนิงกลับไปในเวลาเดียวกัน หลินหานที่
书呆子
อยู่ด้านหลังดึงองค์หญิงเห่อหลันแล้วผลักไปอยู่ข้าง กายเยี่ยหลี เหรินฉีหนิงกวาดตามองเหอซู่กับฉินเฟิงที่อยู่ ด้านหน้า และมองไปทางหลินหานกับจั๋วจิ้งที่อารักขาอยู่ ข้างกายเยี่ยหลี ในใจรู้ดีว่าถ้าไม่จัดการพวกเขา วันนี้คง ไม่สามารถท าอันใดองค์หญิงเห่อหลันได้แม้แต่เส้นผม จึง ไม่พูดอันใดให้มากความ เสือกกระบี่เล่มยาวพุ่งตรงไป ทางฉินเฟิงทันที
แม้ว่าวิทยายุทธ์ของเหรินฉีหนิงจะไม่ได้สูงส่งที่สุด ในใต้หล้า แต่ก็สูงสุดในบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ ในปีนั้นห ลิงเถี่ยหานและเหลยเจิ้นถิงเอ่ยพูดอย่างจริงจังด้วย ตนเองว่าในบรรดาสิบยอดฝีมือของใต้หล้าจะต้องมีเหริน ฉีหนิงเป็นหนึ่งในนั้น แต่การฝึกวิทยายุทธ์ของเหอซู่กับ ฉินเฟิง แม้ว่าจะห่างชั้นกับเหรินฉีหนิงอยู่เล็กน้อย แต่ใน ต าหนักติ้งอ๋อง โดยเฉพาะหน่วยกิเลนนั้นเชี่ยวชาญการ ต่อสู้แบบสอดประสานอย่างที่สุด คราแรกหน่วยกิเลน
书呆子
สองสามคนที่เกิดจากกระท่อมใบจากยังสามารถจับเป็นมู่ ฉิงชาง หนึ่งในสี่ยอดฝีมือได้ ครานี้เหอซู่ร่วมมือกับฉินเฟิง เหรินฉีหนิงจึงไม่อาจปลีกตัวไปไหนได้ภายในช่วงเวลาอัน สั้น
เหรินฉีหนิงต่อสู้กับเหอซู่และฉินเฟิงไปกว่าครึ่งชั่ว ยาม ในช่วงเวลานี้ นักฆ่าที่เขาน ามาด้วยถูกองครักษ์ ต าหนักติ้งอ๋องจัดการไปพอสมควรแล้ว เยี่ยหลีเห็นฉิน เฟิงและเหอซู่เริ่มตกเป็นรองอย่างช้าๆ ในใจก็นึกชื่นชม ไม่ว่าเหรินฉีหนิงผู้นี้จะเป็นคนเช่นไร แต่วิทยายุทธ์ของ เขาไม่เลวเลยจริงๆ อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าถาน จี้จือมากนัก
“คุณชายเหริน ต่อสู้กันต่อไปเช่นนี้ก็ไม่มีผลอันใด ไม่สู้ฟังค าพูดของข้าสักค า ทุกคนเลิกแล้วต่อกันเป็น อย่างไร” เยี่ยหลีเอ่ยเสียงดัง
书呆子
เหรินฉีหนิงหัวเราะเยาะ การโจมตีในมือนั้นเพิ่ม ความรุนแรงขึ้นไปอีก
ดวงตาทรงเสน่ห์ของเยี่ยหลีหรี่ตาลง “คุณชายเห ริน แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเป็นผู้มีคุณธรรม เพียงแต่ให้ ความส าคัญกับกฎระเบียบเรื่องไม่ใช้คนมากกว่ารังแกคน น้อยกว่า” ความหมายภายใต้วาจานั้นคือ ถ้าหากเหรินฉี หนิงยังคงดื้อดึงจะสู้ต่อไป นางก็ไม่สนใจเรื่องที่จะใช้คน จ านวนมากรังแกคนจ านวนน้อย เหรินฉีหนิงแค่เป็นฝ่าย เหนือกว่าเหอซู่และฉินเฟิงเท่านั้น หากฉินเฟิงกับเหอซู่สู้ เต็มที่ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่แน่ว่าเหรินฉีหนิงจะสามารถถอน ตัวออกมาได้ ถ้าหากว่าเพิ่มจั๋วจิ้งและหลินหานเข้าไป เห รินฉีหนิงจะต้องพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วเหรินฉีหนิงก็ แค่นเสียงเย็น ก่อนในที่สุดจะล่าถอยออกมาด้วยสีหน้า เคร่งขรึม นักฆ่าที่เหลือไม่กี่คนก็รามือกลับไปยืนอยู่
书呆子
ด้านหลังเหรินฉีหนิง เมื่อเห็นบุรุษฝ่ายตรงข้ามมีสีหน้าบูด บึ้ง เยี่ยหลียิ้มบางๆ ก้าวขึ้นไปด้านหน้า พลางเอ่ยว่า “คุณชายเหริน เพิ่งบอกลากันที่เมืองหลี คิดไม่ถึงว่าจะได้ พบหน้ากันเร็วขนาดนี้”
เมื่อได้ยินที่นางพูด เหรินฉีหนิงก็มีสีหน้าไม่น่ามอง ยิ่งกว่าเดิม แววตามืดมนกวาดมองผ่านเยี่ยหลีและทุกคน แวบหนึ่ง ชี้กระบี่เล่มยาวไปทางองค์หญิงเห่อหลันแล้ว เอ่ยว่า “ส่งสตรีแพศยานางนั้นออกมาเสีย เรื่องแพ้ชนะ ระหว่างข้ากับต าหนักติ้งอ๋องนั้นค่อยไปก าหนดกันอีกครั้ง ที่สนามรบ”
เยี่ยหลีส่ายศีรษะด้วยความเสียใจ พลางเอ่ยว่า “องค์หญิงเห่อหลันเป็นสหายของต าหนักติ้งอ๋อง อย่าง น้อยก่อนที่นางจะออกไปพ้นชายแดน ต าหนักติ้งอ๋องไม่ สามารถให้ผู้ใดลงมือกับนางได้ ถ้าหากคุณชายเหริน ต้องการจะฆ่านางแล้วล่ะก็ สามารถรอให้นางกลับไป
书呆子
ถึงเป่ยจิ้งแล้วค่อยว่ากัน ถึงตอนนั้นข้าก็ท าอันใดไม่ได้ และไม่ต้องล าบากใจแล้วมิใช่หรือ”
เหรินฉีหนิงหัวเราะเสียงเย็นหลายครั้ง จ้องไปที่เยี่ย หลี พลางเอ่ยว่า “ความหมายของพระชายาติ้งอ๋องก็คือ จะปกป้องสตรีแพศยานางนั้นให้ได้สินะ?”
เยี่ยหลีทอดถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอบกลับว่า “ไม่มีทางเลือก คุณชายโปรดให้อภัย”
“ท่านคิดว่าที่ข้ากล้ามาถึงที่นี่ จะมีแค่คนพวกนี้ หรือ” เหรินฉีหนิงเอ่ยด้วยน้ าเสียงทุ้มต่ า “ข้าจะต้องสับ สตรีแพศยาผู้นี้เป็นหมื่นๆ ชิ้นให้ได้!”
“พอได้แล้ว เจ้าคนแซ่เหริน?” เมื่อถูกคนชั่วช้าสาร เลวเช่นเหรินฉีหนิงด่าทอเช่นนี้ องค์หญิงเห่อหลันยัง สามารถอดทนได้ก็แปลกแล้ว นางก้าวไปยืนอยู่ข้าง กายเยี่ยหลี ถลึงตาใส่เหรินฉีหนิง พร้อมกับเอ่ยว่า “บน โลกใบนี้ยังมีคนที่ชั่วช้ายิ่งกว่าเจ้าอีกหรือ ญาติผู้พี่ของข้า
书呆子
ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ ท่านลุงข้าให้ญาติผู้พี่ข้าแต่งงานกับเจ้า เจ้ากลับแสร้งท าตัวน่าสงสารหลอกใช้พวกเขา ท าให้ญาติ ผู้พี่ของข้าต้องตายไป! ใช้บุรุษชาวเป่ยจิ้งของข้ามาช่วย เจ้าท าสงครามก่อร่างสร้างอาณาจักร พอมีโทสะก็เกิดจ า ไม่ได้เสียแล้ว มีเจตนาชั่วร้ายคิดอยากจะท าลายชนเผ่าเป่ ยจิ้งของข้า หากใช้ค าพูดของพวกเจ้าชาวจงหยวนล่ะก็ คนประเภทเจ้าควรจะเรียกว่า ชั่วช้า! ขยะไร้ค่า! เศษ สวะ! ดวงวิญญาณของเหล่าทหารเป่ยจิ้งหลายแสนที่ถูก ฆ่าไปไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าขอสาปแช่งเจ้า ขอให้ ชาตินี้และชาติหน้า เจ้าไร้ผู้สืบสกุล สิ้นชีพอย่างโดดเดี่ยว คนชั่วช้าสามานย์เช่นเจ้าคิดอยากจะกอบกู้แว่นแคว้น หรือ เจ้าฝันกลางวันต่อไปเถิด”
เยี่ยหลีที่อยู่อีกด้านอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากกลั้น รอยยิ้มในใจของนาง ภาษาจงหยวนของเห่อหลันนั้น เพียงธรรมดา แต่เมื่อด่าคนขึ้นมา ชาวจงหยวนสามคนก็
书呆子
เกรงว่าจะสู้นางคนเดียวมิได้ เพียงแค่มองใบหน้าหล่อ เหลาของเหรินฉีหนิงที่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วงก็รู้แล้วว่านาง ก่นด่าได้ยอดเยี่ยมเพียงใด
เยี่ยหลีกระแอมไอเสียงเบา เอ่ยกับองค์หญิงเห่อห ลันว่า “พอแล้ว เห่อหลัน” สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ จะมาสู้รบกัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนอยู่ใกล้กันเพียงนี้ หาก ท าให้เหรินฉีหนิงบันดาลโทสะขึ้นมาจริงๆ แล้วท าร้าย ใครจนบาดเจ็บเข้าล้วนไม่เป็นการดี
องค์หญิงเห่อหลันยังอยากจะด่าต่ออยู่บ้าง แต่ติด ที่ว่า อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าเยี่ยหลีจึงสงบปากลงด้วย ความโกรธแค้น
เมื่อเห็นเหรินฉีหนิงสงบลงแล้ว เยี่ยหลีจึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายเหริน บุญคุณความแค้นระหว่างท่านกับเป่ยจิ้ง ข้าไม่มีสิทธิ์จะยื่นมือเข้าไปยุ่ง และก็พูดไม่ได้ว่าใครถูก ใครผิด ข้าเพียงแค่อยากถามคุณชายประโยคหนึ่ง ฆ่า
书呆子
องค์หญิงเห่อหลันแล้วจะส่งผลกระทบอันใดกับ สถานการณ์ในยามนี้หรือไม่”
เหรินฉีหนิงตะลึงไป สถานการณ์ในยามนี้ กองทัพ ใหญ่เป่ยจิ้งได้จากไปแล้ว ไม่ว่าจะฆ่าองค์หญิงเห่อหลัน หรือไม่ ก็ไม่ได้ส่งผลอันใดต่อสถานการณ์ อย่างมากที่สุด ก็เป็นการระบายโทสะของตนเอง หรือตบหน้าต าหนักติ้ง อ๋องครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเยี่ยหลีไม่ยอมถอยให้ เขา จะต้องแลกมาด้วยอะไรจึงจะสามารถเอาชีวิตของเห่อห ลันได้ เมื่อหันกลับมามองนักฆ่าจ านวนกว่าร้อยนายที่ ตนเองน ามาด้วยแต่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงบางตา แววตาเห รินฉีหนิงหม่นแสงลง
ได้ยินเพียงเยี่ยหลีเอ่ยต่อว่า “ข้ารู้ว่าคุณชายเหริน ยังคงแอบซ่อนทหารที่คอยดักซุ่มโจมตีเอาไว้ แต่ คุณชาย เหรินก็คงทราบเช่นกันว่า ข้าเองก็คงไม่ได้มาถึงที่นี่โดยน า ผู้คุ้มกันติดมาเพียงไม่กี่คน กล่าวกันตามจริง ความเป็น
书呆子
ความตายขององค์หญิงเห่อหลันไม่ได้ส่งผลกระทบอันใด ต่อต าหนักติ้งอ๋อง แต่ถ้าหากว่าคุณชายเหรินยืนยันที่จะ ลงมือ ข้าก็คงท าได้เพียงลงมือเป็นเพื่อนท่าน ต าหนักติ้ง อ๋องให้ค ามั่นสัญญาเอาไว้ว่าจะส่งชาวเป่ยจิ้งทุกคน กลับไปอย่างปลอดภัย จึงมิอาจเอ่ยวาจาที่ไม่อาจเชื่อถือ ได้อย่างเด็ดขาด”
เหรินฉีหนิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่เยี่ยหลี่แล้วยิ้ม เยาะ “พระชายาปล่อยให้พวกเขาจากไปในเวลานี้ ไม่ กลัวว่าจะกลายเป็นการเลี้ยงศัตรูไว้ในอนาคตหรือ ครา แรกที่ข้าสามารถพูดโน้มน้าวใจพวกเขาได้ส าเร็จ เป็น เพราะพวกเขาถูกข้าหลอกทั้งหมดอย่างนั้นหรือ หาก พวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานเป็นของตนเอง จะถูกข้า โน้มน้าวใจส าเร็จได้เช่นไร”
เยี่ยหลีตอบกลับนิ่งๆ “ผู้ใดก็ไม่กล้ารับประกันว่า จะสงบสุขและรุ่งเรืองตลอดไป อย่างเช่นในตอนนี้ เป่ยจิ้ง
书呆子
ไม่ได้อยากจะยึดครองใต้หล้า หากไม่ใช่เพราะมีคุณชาย เหริน ตอนนี้พวกเขาคงยังใช้ชีวิตตกปลาล่าสัตว์อยู่ที่ ภูเขาฉังไป๋และแม่น้ าเฮยหลง ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใด กับจงหยวนเลยแม้แต่น้อย ข้าก็ไม่สามารถท าลายชนเผ่า เป่ยจิ้งเพื่อสิ่งที่เรียกว่าอนาคตได้ใช่หรือไม่ ถ้าหากว่า แผ่นดินจงหยวนมีก าลังทางทหารที่แข็งแกร่งตลอดกาล ก็เป็นธรรมดาที่คนต่างเผ่าจะไม่กล้ามีใจออกห่าง แต่หาก ปล่อยปละละเลยให้ตนเองตกต่ า แม้ว่าวันนี้จะท าลายเป่ ยจิ้งให้สูญสิ้นไป คุณชายเหรินจะรับประกันได้เช่นไรว่า ในวันพรุ่งจะไม่มีซีจิ้งหรือตงจิ้งเกิดขึ้นมาอีก?”
เหรินฉีหนิงแค่นเสียงเบา รู้ว่าหาเหตุผลมาพูด ให้เยี่ยหลียอมถอยไม่ได้ สตรีเช่นเยี่ยหลีนี้ล้วนมีข้อสรุป ทุกสิ่งอยู่ในใจนานแล้ว และยากที่จะถูกคนโน้มน้าวใจได้ จริงๆ เหรินฉีหนิงมองไปทางองค์หญิงเห่อหลันด้วยแวว ตาราวกับลูกธนู พลางเอ่ยว่า “ทางที่ดีที่สุดชั่วชีวิตนี้เจ้า
书呆子
อย่าได้ออกจากเป่ยจิ้งอีกเลยแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นชั่ว ชีวิตนี้ของข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างศพไม่สมประกอบ”