ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 361-5 ควำมพ่ำยแพ้ของกองทัพเป่ยจิ้ง กำร ตำยของเหรินฉีหนิง
ความมีชีวิตชีวาที่เต็มไปด้วยความงดงามพาดผ่าน ก้นบึ้งนัยน์ตาคู่สวยของเขาไป ในยามนั้นเขาเพิ่งจะเข้า พิธีสวมหมวก ชายหนุ่มแรกรุ่นได้พบกับเด็กสาวบริสุทธิ์ และชาญฉลาดที่ยังไม่เคยประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆ ในโลก นางช่วยชีวิตเขาไว้ ยามว่างระหว่างพักฟื้น เขา เด็ดดอกไม้ป่ามาท าเป็นมงกุฎดอกไม้มอบให้แก่นาง ใบหน้างดงามของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ สร้างความ ประทับใจมากกว่าสตรีมากเสน่ห์ทุกนางที่เขาเคยพบมา
หลังจากนั้นเขาก็ขอนางเป็นภรรยา นางให้ก าเนิด บุตรชายและอบรมสั่งสอนบุตรสาวให้แก่เขา…ถ้าหากเขา ไม่ใช่หลินย่วน ถ้าหากเขาไม่มีภาระหน้าที่ความ รับผิดชอบเหล่านี้…
“ซูอี๋เอ่อร์…”
书呆子
เยี่ยหลีมองกระบี่ล้ าค่าที่อาบย้อมไปด้วยโลหิตตวัด ผ่านล าคอเขาไปอย่างสงบ กระบี่เล่มยาวร่วงหล่นลงกับ พื้น แล้วบุรุษที่สวมชุดมังกรก็ค่อยๆ ล้มลง “ซูอี๋เอ่อร์…”
จากที่พักอาศัยอยู่ร่วมกันกับองค์หญิงเห่อหลันใน ช่วงเวลาหนึ่ง เยี่ยหลีจ าได้ว่าองค์หญิงเห่อหลันเคยตรัส ว่า ญาติผู้พี่ของนาง ผู้เป็นราชีนีองค์ก่อนหน้านี้มีชื่อว่าซูอี๋ เอ่อร์…ไข่มุกเม็ดงามที่พร่างพราว
“พระชายา” เหลิ่งเฮ่าอวี่และคนอื่นๆ ก้าวตามมา เหลือบมองคนที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วเหลิ่งเฮ่าอวี่ ก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะ…”
เยี่ยหลีเอ่ยเสียงเบาอย่างทอดถอนใจ “จัดพิธีศพให้ เขาเถิด เขาก็นับว่าเป็นท่านอ๋องของอีกฝ่าย มอบ บรรดาศักดิ์ให้เขาเป็นชางซิ่งอ๋อง ฝังศพเขาร่วมกับราชินี แห่งเป่ยจิ้งก็แล้วกัน” จั๋วจิ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ทูลพระชายา เถ้ากระดูกของราชินีแห่งเป่ยจิ้งและองค์
书呆子
หญิงองค์ชายทุกพระองค์ ถูกองค์หญิงเห่อหลันน า กลับไปเป่ยจิ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีครุ่นคิด “จัดเตรียมอนุสรณ์สถานให้เขาก็ แล้วกัน จัดคนน าเถ้ากระดูกไปส่งที่เป่ยจิ้ง แล้วปล่อยให้ องค์หญิงเป็นผู้จัดการ” เยี่ยหลีเอ่ยจบก็มีท่าทางหมด ความสนใจ ไม่มองคนที่อยู่บนพื้นอีก เพียงหมุนกายเดิน กลับค่ายไป วันที่สิบห้า เดือนแปด…ควรจะกลับไปได้ แล้ว
“ปล่อยให้องค์หญิงเห่อหลันเป็นผู้จัดการหรือ” จั๋วจิ้งตกตะลึง ด้วยความเกลียดชังที่องค์หญิงเห่อหลันมี ต่อเหรินฉีหนิงก็คงจะน าเถ้ากระดูกของเขาไปโปรยไว้บน ถนน ปล่อยให้ผู้คนเหยียบย่ ากระมัง
ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีคนมาน าศพของเหรินฉีหนิงไป ริมทะเลสาบกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เมื่อผ่านไป เนิ่นนาน บุรุษสวมชุดสีฟ้าผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นที่ริม
书呆子
ทะเลสาบ หลังจากเหม่อมองคราบโลหิตสีแดงคล้ าที่อยู่ บนพื้นอยู่พักใหญ่ ก็ยื่นมือออกไปหยิบกระบี่ที่อยู่บนพื้น ขึ้นมา ถกชายเสื้อข้างหนึ่งแล้ววาดกระบี่ตัดให้ขาด บุรุษ ผู้สวมชุดสีฟ้าใช้ชายเสื้อเช็ดคราบโลหิตเกรอะกรังที่ติด อยู่บนกระบี่อย่างเชื่องช้า พลางทอดถอนใจ “คาดไม่ถึง เลยจริงๆ ว่าเจ้าจะ…เดิมข้ายังนึกว่า…” เดิมยังคิดมา ตลอดว่าระหว่างเจ้ากับข้าจะต้องได้ประมือกันสักครา กลับกลายเป็นกระทั่งหน้าก็ยังไม่เคยได้พบ…
บุรุษผู้สวมชุดสีฟ้าโยนผ้าในมือทิ้งแล้วสะบัด ชายเสื้อเดินจากไป ผ้าผืนสีฟ้าที่อาบย้อมไปด้วยโลหิต ค่อยๆ ถูกลมพัดให้ลอยตกลงไปบนพื้นผิวทะเลสาบที่มี ระลอกคลื่นเล็กน้อย ผ้าผืนนั้นค่อยๆ เปียกชุ่ม ก่อนโลหิต จะกระจายตัวหายไปในทะเลสาบ…
ภายในกระโจมหลังใหญ่ของกองทัพตระกูลม่อ เยี่ย หลีเงยหน้าขึ้นมองดูบุรุษผู้สวมชุดสีฟ้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า
书呆子
สายตาหยุดลงที่กระบี่ในมือเขาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้าวางแผนจะท าเช่นใด”
ถานจี้จือยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจ พลางเอ่ยว่า “หาก พระชายาตั้งใจจะจับข้าเอาไว้ต่อไปก็ไม่เป็นไร แต่หาก พระชายาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น ข้าก็คิดจะจากไปแล้ว”
เยี่ยหลีเลิกคิ้ว ยิ้มเรียบๆ และเอ่ยว่า “ไปที่ใดหรือ หาสถานที่แห่งใหม่เพื่อที่จะกลับมายืนหยัดอีกครั้งอย่าง ยิ่งใหญ่น่ะหรือ”
ถานจี้จือส่ายศีรษะ ตอบว่า “บางทีอาจจะร่อนเร่ ไปทั่ว หรือไม่ก็…ไปยังดินแดนตะวันตกหรือไม่ก็ล่องเรือ ไปตามทะเล”
เยี่ยหลีมองเขาด้วยความสนใจ เอ่ยว่า “แคว้นอัน ยิ่งใหญ่ของท่านเล่า ไม่ต้องการมันแล้วหรือ”
书呆子
ถานจี้จือยิ้มเฝื่อน “มีติ้งอ๋องและพระชายาอยู่ทั้ง คน แคว้นอันยิ่งใหญ่จะมีที่ให้ผู้คนยื่นมือเข้าไปหรือ ข้าน้อยยังรู้จักประเมินตนเองอยู่หลายส่วน เมื่อเห็นจุด จบของเขาแล้ว…เดิมยังมีหลายส่วนที่ข้าตรองดูแล้วไม่ เข้าใจ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าไม่มีอันใดส าคัญอีกแล้ว” คน สองคนที่มีชื่อ ภารกิจและหน้าที่ความรับผิดชอบอย่าง เดียวกัน กลับผ่านประสบการณ์และมีวิธีการแก้ไขที่ แตกต่างกัน เมื่อเห็นจุดจบเช่นนี้ของเหรินฉีหนิง ถาน จี้จือที่รู้สึกว่าตนเองเคียดแค้นเขามาตลอดกลับมี ความรู้สึกโศกเศร้าและเป็นทุกข์กับบุคคลผู้มีชะตากรรม เดียวกัน ความทะเยอทะยานที่มีมาแต่เดิมก็ดูจืดชืดน่า เบื่อขึ้นมาหลายส่วน
“ตัวข้าในยามที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ยุทธภพนั้นเต็มไป ด้วยปณิธานอันแรงกล้า และจิตใจอันมุ่งมั่นที่จะทะยาน ไปในเมฆา แต่เมื่อผ่านประสบการณ์รื่นรมย์ และหมอง
书呆子
เศร้าบนโลกมนุษย์มามากมายก็ต้องทอดถอนใจให้กับ ชีวิตของมนุษย์เราที่ช่างแสนสั้น ตอนนั้นก็ท าได้เพียงคุย เล่นเกี่ยวกับปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะครองใต้หล้า หากรู้ว่า จะเป็นเช่นนี้ มิสู้ไขว่คว้าหาความสุขในตอนแรกเสียยัง ดีกว่าหรือ ชีวิตคนเราก็เหมือนกับช่วงเวลาที่เมามาย ไม่มี ความจ าเป็นอันใดที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่ปณิธาน ถูกท าลาย” เยี่ยหลีเอ่ยเสียงเบา ถานจี้จือที่เหม่อลอย เล็กน้อย กลับยิ้มออกมาอย่างปล่อยวาง และผงกศีรษะ เอ่ยชมเชย “พระชายามีอารมณ์ มีความคิดเช่นนี้…ถาน จี้จือละอายแก่ใจที่ไม่สามารถเทียบท่านได้ นับแต่วันนี้ บนโลกใบนี้จะมีเพียงข้าถานจี้จือ ไม่มีหลินย่วนหรือคน อื่นๆ อีกแล้ว…พระชายา ข้าน้อยขอลา”
เยี่ยหลีมองเขา “ไม่คิดจะกลับไปพบท่านหมอหลิน หน่อยหรือ”
书呆子
ถานจี้จือส่ายศีรษะ ยิ้มเจื่อนและเอ่ยว่า “ช่างมัน เถิด คิดว่าท่านพ่อก็ไม่อยากพบข้าผู้เป็นบุตรอกตัญญู เช่นกัน หลังจากนี้ขอให้พระชายาช่วยดูแลท่านด้วย” เยี่ยหลีผงกศีรษะ “ก็ดี เจ้าตัดสินใจเองก็แล้วกัน”
ถานจี้จือไม่เอ่ยอันใดให้มากความ ประสานมือท า ความเคารพ “ลาก่อน”
“ลาก่อน”
เมื่อเห็นถานจี้จือออกไปแล้ว ฉินเฟิงที่ยืนอยู่ ด้านหลังเยี่ยหลีก็เอ่ยเสียงเบา “พระชายา จะปล่อยให้ เขาจากไปทั้งอย่างนี้หรือขอรับ หากว่าเขามีแผนการอัน ใดอีก เช่นนั่นคงจะยุ่งยากแล้ว” เยี่ยหลีส่ายศีรษะ “ถาน จี้จือเป็นคนฉลาด เมื่อรู้ว่าไม่สามารถท าได้ก็ไม่ดื้อดึงที่จะ ท ามัน เพียงแต่ว่า…หากว่าเขามีการเคลื่อนไหวอันใดที่ นอกลู่นอกทาง ก็ไม่ต้องถามอันใดอีก ฆ่าทิ้งได้ทันที”
书呆子
ฉินเฟิงผงกศีรษะ ถานจี้จือตัวคนเดียว ทั้งยังไป ล่วงเกินม่อจิ่งหลี คิดอยากจะเล่นลูกไม้อันใดก็คงไม่ง่าย แล้ว
“พระชายา ถานจี้จือกับเหรินฉีหนิง ใครกันแน่ที่ เป็นองค์ชายก าพร้าของราชวงศ์ก่อนหรือพ่อย่ะค่ะ” ฉิน เฟิงเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ เยี่ยหลีส่ายศีรษะนิ่งๆ เอ่ย ยิ้มๆ ว่า “ไม่รู้ ใครใช่ใครไม่ใช่ จะมีความหมายอันใดอีก เล่า”
ฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ผงกศีรษะเอ่ยยิ้มๆ “พระชายากล่าวได้ถูกต้องแล้ว” จะสนใจไปไยว่าใครใช่ ใครไม่ใช่ หากมีความทะเยอทะยาน แม้ว่าพวกเขาจะฆ่า ถานจี้จือไปก็จะมีหลินย่วน หวังย่วน จ้าวย่วนคนที่สาม คนที่สี่ขึ้นมาอีกอยู่ดี