ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 362-2 กำรกลับมำของเยี่ยหลี แคว้นเป่ยหรง แสดงฝีมือ
“แม้ว่าพระชายาติ้งอ๋องจะเป็นสตรี แต่นางกลับมี จิตใจและบุคลิกเยี่ยงบุรุษที่ต้องการจะพลิกปฐพีโดยไม่ เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา” เหลยเจิ้นถิงทอดถอนใจเสียง เบา
สองพ่อลูกพากันทอดถอนใจ แต่สุดท้ายก็ท าได้ เพียงแค่ทอดถอนใจเงียบๆ ในความโชคดีของม่อซิวเหยา เท่านั้น
เจียงหนาน ภายในต าหนักผู้ส าเร็จราชการแทน พระองค์แห่งต้าฉู่ ม่อจิ่งหลีที่ได้รับข่าวสารกลับไม่สงบนิ่ง ดังเช่นสองพ่อลูกเหลยเจิ้นถิง มือใหญ่สะบัดกวาดสิ่งของ ทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือลงไปที่พื้น มือก า กระดาษจดหมายแน่นจนหลังมือปรากฏเส้นเลือดปูดโปน
书呆子
“เยี่ยหลี… เยี่ยหลีตัวดี!” ไม่ว่าตอนนี้ในมือม่อจิ่ง หลีจะมีอ านาจยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ พอใจอยู่ตลอดเวลา บางทีเนิ่นนานก่อนหน้านี้เขาก็ อาจจะเข้าใจแล้วว่า การที่ทิ้งสตรีผู้นี้ไปก็คือความสูญเสีย และความเสียใจที่มากที่สุดในชีวิตของเขา และในยามนี้ คุณงามความดีที่ต าหนักติ้งอ๋องสร้างเอาไว้ทุกอย่างก็ คล้ายกับประกาศให้ทราบโดยทั่วกันถึงความไร้ ความสามารถของเขา ข่าวที่เยี่ยหลีปราบปรามเป่ยจิ้งให้ สงบได้ที่ส่งมาในวันนี้ก็ยิ่งคล้ายกับก าลังเสียดสีและเยาะ หยันเขามากกว่าเดิม
“ท่านก าลังอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องใดอีก?” ตงฟาง โยวปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องหนังสือ นางไม่ได้ใส่ชุด สีขาวราวกับหิมะอีกแล้ว แต่เปลี่ยนมาอยู่ในเครื่องแต่ง กายของพระชายาเอกแห่งผู้ส าเร็จราชการอันงดงามแทน ความงามบนใบหน้าแต่เดิมของตงฟางโยวจึงถูกขับให้
书呆子
รู้สึกว่างามเลิศล้ าขึ้นไปอีก แต่เมื่อมองเห็นสายตาเย็นชา เจือแววเสียดสีที่มองไปทางม่อจิ่งหลีของนางแล้ว อย่างไรก็ท าให้ผู้คนคิดเชื่อมไปไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นคู่สามี ภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานใหม่
ม่อจิ่งหลีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยด้วยความไม่พอใจ “เจ้ามาท าอันใดกัน”
ตงฟางโยวกลับไม่สนใจสีหน้าของเขา ก้าวเข้าไปใน ห้องหนังสือ เดินข้ามของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นไป หยุดอยู่หน้าม่อจิ่งหลี เอ่ยอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “ท่านก าลังมีโทสะเรื่องต าหนักติ้งอ๋องกับเยี่ยหลีที่จัดการ เหรินฉีหนิงได้หรือ”
ม่อจิ่งหลีแค่นเสียงเบา เอ่ยเสียดสีขึ้นว่า “ข่าวสาร ของภูเขาซางหมางช่างรวดเร็วเสียจริง”
书呆子
ตงฟางโยวเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “ข่าวสารของภูเขาซาง หมางนั้นรวดเร็วเป็นธรรมดา มีอันใดให้น่าประหลาดใจ กัน ข้ารู้ข่าวตั้งแต่สิบวันก่อนหน้านี้แล้ว”
ม่อจิ่งหลีพลันสีหน้าเปลี่ยนไป คว้าตัวตงฟางโยวไว้ พลางเอ่ยว่า “สิบวันก่อนหรือ แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เอ่ยถึง มันเลย?!” ตงฟางโยวปัดมือเขาออกอย่างไม่ใส่ใจ ยิ้ม หยันเอ่ยว่า “เหตุใดข้าต้องเอ่ยถึงด้วยเล่า ท่านนึกว่าข้า แต่งงานกับท่านแล้ว ท่านจะควบคุมภูเขาซางหมางได้ หรือ ม่อจิ่งหลี ท่านประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว ท่าน อาจารย์ข้าเห็นด้วยที่จะให้ความช่วยเหลือท่านก็เพราะไม่ มีทางเลือกเท่านั้นเอง ไม่ดูเสียบ้างว่าตนเองเป็นใคร!”
ม่อจิ่งหลีที่ถูกภรรยาตนเองแดกดันเช่นนี้ ใบหน้าก็ พลันบิดเบี้ยว ผลักตงฟางโยวออกไปพร้อมตวาดเสียงดัง ว่า “สตรีแพศยา เจ้า…” ตงฟางโยวตัดบทเขาอย่างไม่ เกรงใจแม้แต่น้อย “ท่านอาจารย์ข้าให้ข้าบอกท่านว่า
书呆子
อย่ามัวแต่คิดเองเออเองโดยไม่ถามความเห็นของผู้ที่ เกี่ยวข้อง ให้รู้จักประมาณก าลังของตนเองในตอนนี้ เอาไว้เสียบ้าง หากท าให้เหลยเจิ้นถิงมีโทสะขึ้นมาจริงๆ ท่านก็จ าต้องแบกรับผลที่จะตามมาในภายหลัง เช่นเดียวกัน!”
ตงฟางโยวเอ่ยจบก็ไม่สนใจสีหน้าของม่อจิ่งหลีอีก หมุนตัวเดินออกนอกประตูไปทันที ม่อจิ่งหลีที่มีสีหน้า เย็นชาอ ามหิต มองจ้องไปยังแผ่นหลังตกฟางโยวที่ หายไปจากหน้าประตู พลางกัดฟันเอ่ยว่า “ตง ฟาง โยว …”
ม่อจิ่งหลีจะกัดฟันด้วยความเคียดแค้นมากเพียงใด ก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าตอนนี้เขา ท าอันใดตงฟางโยวมิได้ คราแรกที่วางแผนแต่งงานกับตง ฟางโยว สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงก าลังอ านาจของภูเขา ซางหมางเท่านั้น ตอนนี้เขาได้มันมาแล้ว แต่ก็เข้าใจว่า
书呆子
เหตุใดม่อซิวเหยาถึงได้ไม่ยี่หระในอ านาจของภูเขาซาง หมาง เหตุใดเหลยเจิ้นถิงที่มีจิตใจทะเยอทะยานถึงไม่ได้ สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องภูเขาซางหมางตั้งแต่แรก
ไม่ผิด ก าลังอ านาจของภูเขาซางหมางนั้นท าให้ ผู้คนตื่นตะลึงได้จริงๆ หลังจากที่มีก าลังอ านาจของภูเขา ซางหมางให้ความช่วยเหลือแล้ว ก าลังของต้าฉู่ก็เพิ่มมาก ขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ชั่วเวลาลาเพียงไม่กี่เดือน แม้ว่าตอนนี้การต่อสู้กับเหลยเจิ้นถิงจะยังไม่จ าเป็นต้อง ทุ่มสุดก าลัง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกควบคุมโดยภูเขา ซางหมางเช่นกัน การตัดสินใจทุกสิ่งล้วนจ าเป็นต้องได้รับ ความเห็นชอบจากตงฟางฮุ่ยก่อน และตงฟางโยวก็จ้อง จะจับผิดตนไปทุกเรื่องด้วยความเกลียดชัง ผู้ส าเร็จ ราชการแทนพระองค์ที่ยิ่งใหญ่กลับถูกควบคุมโดยสตรี สองนาง ความอัปยศเช่นนี้ แม้ว่าจะมีอ านาจยิ่งใหญ่
书呆子
มากกว่านี้ก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะชดเชยโทสะที่อยู่ในใจ ของม่อจิ่งหลีได้
ในขณะที่แต่ละฝ่ายก าลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น เยี่ยหลีก็จัดการภารกิจน้อยใหญ่ที่เมืองชางชิ่งจนเสร็จ เรียบร้อย นางโยนเรื่องจุกจิกหยุมหยิมที่เหลือให้กับเหลิ่ง เฮ่าอวี่ เหลิ่งไหว และคนอื่นๆ ส่วนตนเองก็น าจั๋วจิ้งและ คนจ านวนไม่กี่คนข้ามด่านไปยังค่ายทหารตระกูลม่อที่ม่อ ซิวเหยาพักอยู่
ม่อซิวเหยานั้นรออยู่หน้าประตูนานแล้ว เมื่อ เห็นเยี่ยหลีและคนอื่นๆ ควบม้ามาก็รีบเหาะออกไป ต้อนรับทันที เขาโรยตัวลงบนหลังม้าของเยี่ยหลี ม้าที่เยี่ย หลีนั่งอยู่คือม้าเหงื่อโลหิตที่คัดเลือกมาจากยอดอาชา จ านวนมาก ถึงอยู่ดีๆ จะมีคนนั่งลงบนหลังมันอีกคนหนึ่ง ก็ไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด ยังคงวิ่งไปยัง ทิศทางเบื้องหน้าอย่างมั่นคง ม่อซิวเหยานั่งอยู่
书呆子
ด้านหลังเยี่ยหลี มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวนาง อีกข้างหนึ่ง ดึงบังเหียนขึ้น ยอดอาชากู่ร้องก่อนจะเบนศีรษะวิ่งไปอีก ทิศทางหนึ่ง ทิ้งฉินเฟิง จั๋วจิ้งและคนอื่นๆ ที่เหลือที่ได้แต่ มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะตามไปหรือไม่ควรจะ ตามไปดี
ผ่านไปครู่หนึ่งฉินเฟิงจึงส่ายศีรษะ พลางเอ่ยว่า “พวกเรากลับไปกันก่อนเถิด มีท่านอ๋องอยู่ทั้งคน น่าจะ ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับพระชายาหรอก” ท่านอ๋อง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการอยู่กับพระชายาตามล า พัก หากว่าพวกเขายังไม่ตระหนักแล้วตามไป นั่นจะไม่ เป็นการท าให้ท่านอ๋องจดจ าพวกเขาเอาไว้ไม่ลืมหรอก หรือ ไม่แน่ว่าเมื่อใดอาจต้องโชคร้ายเข้าสักวัน คนอื่นๆ ก็ รู้สึกว่ามีเหตุผลเป็นอย่างมาก จึงควบม้ามุ่งหน้าไปยัง ทิศทางของค่ายทหารดังเดิม เมื่อถึงเวลาเหล่าแม่ทัพที่รอ ต้อนรับการกลับมาของพระชายาอยู่นอกค่ายล้วนพบแต่
书呆子
ความว่างเปล่า แต่ละคนได้แต่มองสลับกันไปมาแล้วก็ได้ แต่ลูบจมูกแยกย้ายกันกลับไป
ม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีขี่อยู่บนหลังม้าตัวเดียวกัน เมื่อควบออกมาได้พักหนึ่ง ม่อซิวเหยาก็ไม่สนใจมันอีก ปล่อยให้มันพาตนเองเดินเที่ยวเตร่ไปเรื่อย ไม่ก็หยุดเพื่อ แทะเล็มหญ้าอ่อนบนพื้น ม่อซิวเหยาเพียงแค่โอบเยี่ยหลี เข้ามาในอ้อมแขน คางเกยอยู่บนไหล่ของนาง ถูไปถูมา ด้วยความสนิทสนม “อาหลี ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
เยี่ยหลีหันกลับไปประทับริมฝีปากลงบนใบหน้าเขา อย่างจนปัญญา พิงร่างอยู่ในอ้อมแขนเขา เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าก็คิดถึงท่านมากเช่นกัน”
ม่อซิวเหยานัยน์ตาเป็นประกาย เชยคางเล็กได้รูป ของนางขึ้นมา จ้องมองริมฝีปากสีแดงสดชุ่มชื้นของนาง แล้วกดจุมพิตลงไป “อาหลี…”
书呆子
“ซิวเหยา…อย่าเล่น…” เยี่ยหลีถูกความร้อนเร่า ของเขาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันท าให้สะดุ้งตกใจ ม่อซิว เหยากลับไม่ยินยอมที่จะหยุด ยกมือขึ้นจับท้ายทอยนาง ไว้เพิ่มความลึกซึ้งให้กับจุมพิตนี้ เยี่ยหลีจนปัญญา ในใจก็ ทอดถอนใจเสียงเบาก่อนจะยกมือคล้องคอเขา และจม อยู่ในสัมผัสคลอเคลียอันใกล้ชิดนี้
ม่อซิวเหยาโอบกอดเยี่ยหลีเอาไว้ ร่างกายเอียงไป ด้านหนึ่ง ทั้งสองร่วงหล่นลงจากหลังม้าทันที เยี่ยหลีรีบ กอดม่อซิวเหยาไว้แน่น ก่อนร่างทั้งสองจะร่วงลงบนพื้น หญ้าและกลิ้งไปไกลก่อนจะหยุดลง ม่อซิวเหยาก้มมอง ใบหน้างดงามที่แดงระเรื่อใต้ร่าง ผละริมฝีปากออกอย่าง อ้อยอิ่ง ซุกศีรษะเข้ากับกลุ่มผมของเยี่ยหลี และหัวเราะ เสียงเบาออกมา “อาหลี อาหลี…”
เส้นผมสีเงินที่คลอเคลียไปกับเส้นผมสีด านิลช่างดู สะดุดตาเป็นพิเศษ คล้ายกับเกิดมาเพื่อกันและกัน
书呆子
อย่างไรอย่างนั้น เยี่ยหลียิ้มหวาน เอ่ยเสียงเบาว่า “ซิว เหยา ข้ากลับมาแล้ว”
ม่อซิวเหยาประคองเยี่ยหลีให้ลุกขึ้น ทั้งสองคนนั่ง เคียงไหล่กันอยู่บนพื้นหญ้า ที่แท้ม้าตัวนี้ของเยี่ยหลีก็เดิน เตร็ดเตร่ไปมาอย่างสบายอารมณ์ จนมาถึงพื้นที่ราบ ระหว่างภูเขาที่อยู่ไม่ไกลแห่งหนึ่ง ทั้งสองนั่งลงบนพื้นที่ ราบระหว่างภูเขาตรงนั้นแล้วมองลงไป จากสถานที่ ห่างไกลตรงนี้สามารถมองเห็นค่ายพักทหารของทัพใหญ่ แคว้นเป่ยหรงได้พอดิบพอดี
“อาหลีสามารถปราบปรามเป่ยจิ้งให้สงบได้ภายใน ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนกว่า แต่สองเดือนกว่ามานี้ สามีกลับไร้ซึ่งผลงาน ช่างน่าละอายใจเสียยิ่งนัก” ม่อซิว เหยามองเยี่ยหลีตาปริบๆ พลางพูดสัพยอกยิ้มๆ
เยี่ยหลียื่นมือออกไปจับใบหน้าหล่อเหลาของเขา เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ได้แคว้นเป่ยหรงกับเป่ยจิ้งมาแล้ว เหตุใด
书呆子
เยียหลี่ว์เหยี่ยจึงยังไม่มาทุ่มก าลังสู้กับท่านอีกเล่า” แม้ว่า จะเป็นแคว้นสองแคว้น แต่เป่ยหรงกับเป่ยจิ้งก็แตกต่าง กันราวฟ้ากับดินเลยไม่ใช่หรือ แคว้นเป่ยหรงก่อร่างสร้าง แคว้นมานับร้อยปี รุกรานจงหยวนมาแล้วทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าจะไม่เคยโจมตีจงหยวนอย่างจริงจัง แต่ใน ประวัติศาสตร์ก็กล่าวว่าแคว้นเป่ยหรงเป็นภัยคุกคามต่อ ราชส านักจงหยวน อีกทั้งท าเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อม แคว้นเป่ยหรงนั้นเลวร้าย ราษฎรนิยมชมชอบและนับถือ ในความกล้าหาญ รวมถึงทักษะการรบยิ่งกว่าเป่ยจิ้งมาก นัก สามารถกล่าวได้ว่า แม้ว่าเยียหลี่ว์เหยี่ยจะร่วมมือ กับเป่ยจิ้ง แต่ความจริงแล้วก็แค่ใช้เหรินฉีหนิงเป็นหมาก ที่คอยขัดตาทัพกองทัพตระกูลม่อเท่านั้น ซึ่งไม่เคยเห็น เขาอยู่ในต าแหน่งของพันธมิตรมาก่อน