ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 362-5 กำรกลับมำของเยี่ยหลี แคว้นเป่ยหรง แสดงฝีมือ
เยียหลี่ว์เหยี่ยพยักหน้า เขาไม่ใช่บุคคลที่ไม่เห็นใคร อยู่ในสายตาหรือไร้แผนการใดๆ แต่ในตอนที่ต้อง เผชิญหน้ากับม่อซิวเหยา เขาก็ยินยอมที่จะเพิ่มความ ระมัดระวังขึ้นสักหน่อย เยียหลี่ว์เหยี่ยเอ่ย “เฮ่อเหลียน เผิง เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร?”
เฮ่อเหลียนเผิงกล่าว “กระหม่อมตั้งใจจะลอง ทดสอบก าลังทหารของกองทัพตระกูลม่อพ่ะย่ะค่ะ”
เยียหลี่ว์เหยี่ยมองมาทางเขาด้วยความสนใจ “เจ้า วางแผนจะทดสอบเช่นไร? กว่าครึ่งปีมานี้กองทัพพวกเรา สู้รบน้อยใหญ่กันมากกว่าสิบครั้ง ข้ากล่าวได้เพียงแค่ว่า กองทัพตระกูลม่อสมแล้วที่ตลอดสองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วหล้าในเรื่องการเป็นกองก าลังที่ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความแข็งแกร่ง ไม่หวั่นเกรงที่
书呆子
จะต้องเสียสละพลีชีพ” เมื่อกล่าวถึงก าลังการสู้รบของ กองทัพตระกูลม่อ แม้นจะเป็นเยียหลี่ว์เหยี่ยก็จ าต้องชื่น ชมและยอมรับ เดิมพื้นฐานร่างกายชาวจงหยวนนั้นสู้ พวกเขาที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อนไม่ได้ แม้ว่าชาวจงหยวน จ านวนมากจะฝึกฝนก าลังภายใน เป็นผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่ง จนสามารถประมือกันหนึ่งต่อสิบได้ แต่สุดท้ายการฝึก วิทยายุทธ์ก็จ าเป็นต้องใช้เวลา และไม่ใช่ว่าทุกคนจะ สามารถฝึกฝนจนกลายเป็นผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งได้ ดังนั้น แต่ไหนแต่ไรมา จ านวนก าลังทหารที่เท่ากัน เมื่อเทียบกัน แล้วก าลังการสู้รบทางทหารของจงหยวนมักจะด้อยกว่า แคว้นเป่ยหรงเสมอ แต่เห็นได้ชัดว่ากองทัพตระกูลม่อ เป็นข้อยกเว้น ทหารทุกคนของกองทัพตระกูลม่อล้วนมี พละก าลังที่ไม่เหมือนกับนักรบผู้กล้าของแคว้นเป่ยหรง นี่จึงท าให้การสู้รบดุเดือดขึ้นทุกครั้งเมื่อทั้งสองกองทัพท า สงครามกัน
书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “หน่วย กิเลน”
“หน่วยกิเลน?” เมื่อค านี้หลุดออกมา กระทั่งเยียห ลี่ว์เหยี่ยและเฮ่อเหลียนเจินก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว หน่วย กิเลนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพได้ไม่นานนัก แต่ กลับปฏิบัติภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้จนส าเร็จได้ หลายครั้ง ชัยชนะของกองทัพตระกูลม่อในหลายๆ ครั้ง ล้วนมีเงาร่างของพวกเขาอยู่ด้วย แต่กลับมีผู้คนจ านวน น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยที่ได้พบเห็นตัวตนของพวกเขาจริงๆ หน่วยกิเลนนั้นแทบจะเหมือนกับการด ารงอยู่ของภูตผี
เยียหลี่ว์เหยี่ยกล่าว “หน่วยกิเลนมีพระชายาแห่ง ต าหนักติ้งอ๋องเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง และ ยังเป็นหน่วยที่ลึกลับที่สุดของกองทัพตระกูลม่อ มีพระ ชายาติ้งอ๋องเป็นผู้บัญชาการ เฮ่อเหลียนเผิงคิดอยากจะ ประมือกับพระชายาติ้งอ๋องหรือ”
书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงเลิกคิ้ว ตอบกลับว่า “ไม่ได้หรือพ่ะ ย่ะค่ะ?”
เยียหลี่ว์เหยี่ยเอ่ยยิ้มๆ “ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ข้ายังนึกว่า เฮ่อเหลียนเผิงหยิ่งผยองถือตัว คิดจะประมือกับม่อซิว เหยาตรงๆ เสียอีก” เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “กระหม่อมมิได้ดูถูกสตรี โดยเฉพาะยามที่สตรีผู้นี้เป็นถึง พระชายาติ้งอ๋อง อีกทั้ง ไม่รู้ว่าท าไม กระหม่อมมักจะ รู้สึกว่า ถ้าหากไม่จัดการหน่วยกิเลนทิ้งไปเสียก่อน ไม่ช้า ก็เร็วแคว้นเป่ยหรงจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ในมือของ พวกเขา”
เยียหลี่ว์เหยี่ยถามอย่างตกตะลึงเล็กน้อย “เหตุใด จึงคิดเช่นนี้?”
เฮ่อเหลียนเผิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่มีความรู้สึกเช่นนี้ นับตั้งแต่หน่วยกิเลนปรากฏตัวขึ้น ก็มักจะยกทัพเข้า
书呆子
โจมตีในจุดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันระวัง ทุกครั้งที่แสดงฝีมือ มักจะโจมตีฝ่ายตรงข้ามในจุดส าคัญ โดยไม่เหลือช่องให้ ถอยหลังกลับ การเผชิญหน้าต่อสู้กันตัวต่อตัวในสนามรบ นั้น นักรบแคว้นเป่ยหรงของพวกเราอาจจะไม่ได้ หวาดกลัวผู้ใด แต่การที่ต้องรับมือกับศัตรูที่ใช้วิธีการ ลึกลับซับซ้อนเช่นนี้กลับเป็นจุดอ่อนของกองทัพพวก เรา”
เยียหลี่ว์เหยี่ยพยักหน้าเห็นด้วย สู้รบกับกองทัพ ตระกูลม่อมานานขนาดนี้ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เขาก็รู้ เช่นกัน เพียงแต่จุดแข็งและจุดอ่อนของกองทัพแคว้นเป่ย หรงนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ชนเผ่าท ามาหลายร้อยปีจน กลายเป็นความเคยชิน คิดจะเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา ประเดี๋ยวประด๋าวนั้นคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้” เฮ่อ เหลียนเผิง เจ้าวางแผนจะประมือกับหน่วยกิเลนหรือ”
书呆子
เฮ่อเหลียนเจินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยยิ้มๆ ว่า “นับตั้งแต่ หน่วยกิเลนปรากฏตัวขึ้น เผิงเอ๋อร์ก็เกิดความสนใจใน กลุ่มคนเหล่านี้มาก ดังนั้นพวกเราจึงได้ฝึกคนจ านวนหนึ่ง เพื่อเอาไว้รับมือกับหน่วยกิเลนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยียหลี่ว์เหยี่ยก็ตกตะลึงขึ้นมา จริงๆ เขามองไปทางเฮ่อเหลียนเผิง พลางเอ่ยว่า “เป็น เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” หลายปีมานี้เสด็จพ่อมิทรงโปรด เฮ่อเหลียนเจินเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังถอดถอนอ านาจ ทางการทหารและให้พักผ่อนร่างกายอยู่บ้านว่างๆ แต่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นยังสามารถฝึกกองทัพเช่นนี้ ออกมาได้จะไม่ท าให้เยียหลี่ว์เหยี่ยประหลาดใจได้ อย่างไร หากไม่มีสงครามครานี้ การน ากองทัพไร้ตัวตนที่ สามารถฆ่าคนได้เช่นนี้ไปจัดการกับเยียหลี่ว์หงนั้นคงดี ที่สุด
书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงพยักหน้า เอ่ยตอบโดยสีหน้าไม่ เปลี่ยนแปลง “ถูกต้อง ชาวจงหยวนอย่างพวกเขาเรียก หน่วยกิเลนว่าเหรินโซว่[1] ซึ่งออกจะขาดความแข็งแกร่ง และกลิ่นอายสังหารไปหลายส่วน ส าหรับกองทัพนี้ กระหม่อมเรียกว่าหยาจื้อ[2]พ่ะย่ะค่ะ”
“หยาจื้อ?” แม้ว่าเยียหลี่ว์เหยี่ยจะเป็นชาวเป่ยหรง แต่ในฐานะองค์ชายจึงเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจใน วัฒนธรรมจงหยวน หยาจื้อ…หนึ่งในบุตรหลานทั้งเก้า ของมังกร รูปร่างคล้ายสุนัขป่า และกระหายเลือด แม้น จะมีนามว่าบุตรแห่งมังกร แต่ความจริงคืออสูรร้าย เรื่อง นี้ท าให้เยียหลี่ว์เหยี่ยประหลาดใจที่เฮ่อเหลียนเผิง ค่อนข้างเข้าใจในวัฒนธรรมจงหยวน
“ถูกต้องพะย่ะค่ะ” เฮ่อเหลียนเจินกล่าวเสียงดัง “ในครานั้นกระหม่อมบังเอิญพ่ายแพ้ในมือของเด็กที่ปาก ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ านมอย่างม่อซิวเหยา ถ้าหากว่าไม่สามารถ
书呆子
ลบล้างความอัปยศอดสูนั้นได้ เมื่อกระหม่อมตายไปก็คง ไม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษตระกูลเฮ่อเหลียนได้หรอก พะยะค่ะ เพื่อวันนี้ กระหม่อมรอมาสิบกว่าปี องค์ชาย เจ็ดโปรดวางพระทัย ครั้งนี้จะต้องท าให้กองทัพตระกูล ม่อไม่สามารถพลิกฟื้นคืนกลับมาได้อีกอย่างแน่นอน”
เยียหลี่ว์เหยี่ยก็ทราบว่าเฮ่อเหลียนเจินมีความแค้น ต่อม่อซิวเหยาเช่นกัน สามารถกล่าวได้ว่า ครึ่งชีวิตนี้ของ เฮ่อเหลียนเจินมีชัยเหนือต าหนักติ้งอ๋องและปราชัย เพราะต าหนักติ้งอ๋อง เขาท าศึกมากว่าครึ่งชีวิต คุณงาม ความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือมีชัยเหนือกองทัพตระกูลม่อ จัดการม่อซิวเหวินจนถึงแก่ชีวิต แต่ความพ่ายแพ้ครั้ง ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตกลับพ่ายแพ้ให้กับกองทัพตระกูลม่อ พ่ายให้กับม่อซิวเหยา เยียหลี่ว์เหยี่ยพยักหน้า เอ่ยเสียง ขรึม “เช่นนั้นก็ล าบากท่านลุงกับเฮ่อเหลียนเผิงแล้ว ข้า
书呆子
จะนั่งรอฟังข่าวดีอยู่เงียบๆ เฮ่อเหลียนเผิง เจ้าวางแผน จะท าเช่นไร?”
เฮ่อเหลียนเผิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เยี่ยหลีเพิ่งจะกลับมา คงจะเตรียมการป้องกัน กระหม่อมได้ไม่ทันท่วงทีอย่างแน่นอน ความหมายของ กระหม่อมก็คือ ลอบจู่โจมในคืนวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เยียหลี่ว์เหยี่ยลังเลเล็กน้อย “มีความมั่นใจ หรือไม่”
เฮ่อเหลียนเผิงตอบยิ้มๆ “องค์ชายโปรดวาง พระทัย นี่เป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าอนุญาต”
[1] เหรินโซ่ว หรือสัตว์ที่มีความเมตตาสูง ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งที่ผู้คนในสมัยโบราณใช้เรียกกิเลน [2] หยาจื้อ เป็นหนึ่งในชื่อเรียกของลูกหลานมังกรที่ชาวจีนเชื่อว่ามีทั้งหมด 9 ตัว รูปร่างคล้ายสุนัขป่า มีเขามังกร ซึ่งทั้งสองเขาชี้ไปด้านหลังแนบสนิทกับแผ่นหลัง และมีนิสัยชอบการต่อสู้ฆ่าฟัน จึงมักถูก
书呆子
แกะสลักอยู่บนอาวุธเพื่อข่มขวัญศัตรู เช่น ห่วงดาบ โกร่งกระบี่ ด้ามกระบี่ หรือแกะสลักไว้บนไม้เท้า เพื่อแสดงถึงอ านาจบารมียิ่งๆ ขึ้นไป