ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 363-1 ลอบโจมตีในยำมค่ ำคืน พ่ำยแพ้ยับเยิน ทั้งกองทัพ
ยามค่ าคืน นอกค่ายทหารกองทัพตระกูลม่อมีกลุ่ม คนชุดด าแฝงตัวเข้าไปอย่างเงียบเชียบด้วยความรวดเร็ว แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ค่ายทหารหลักของกองทัพตระกูลม่อที่ ติ้งอ๋องเป็นผู้นั่งบัญชาการด้วยตนเอง แต่ภายในค่ายหลัก กลับอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงยี่สิบกว่าลี้ เป็นก าลังทหารที่ คอยให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน อีกทั้งที่แห่งนี้ก็เป็น สถานที่จัดเก็บเสบียงอาหารมากที่สุด จะกล่าวได้ว่าเป็น คลังจัดเก็บเสบียงอาหารของกองทัพตระกูลม่อในแนว หน้าก็ไม่เกินไปนัก จึงคาดเดาได้ว่าที่นี่ย่อมมีการป้องกัน อย่างเข้มงวด แต่คนเหล่านี้กลับลอบเข้าไปด้านในได้ อย่างเงียบเชียงโดยไม่ท าให้ผู้ใดตกใจ เห็นได้ว่ามีฝีมือ ยอดเยี่ยมนัก
书呆子
ภายในค่ายทหารอันเงียบสงัด นอกจากทหารกล้า ที่เดินลาดตระเวนไปมาแล้ว นายทหารทั้งหมดล้วนเข้า นอนกันหมดแล้ว ในยามค่ าคืนเช่นนี้ มีเพียงเสียงอีกาดัง ลอยมาเป็นครั้งคราวที่ท าให้ผู้คนรู้สึกจิตใจ กระสับกระส่ายอยู่บ้าง
ผู้น าคนหนึ่งยกมือขึ้นมาหยุดกลุ่มคนด้านหลังที่ ก าลังมุ่งหน้าเข้าไป หันมองรอบด้านด้วยความ ระแวดระวัง แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยเสียงเบาด้วยความร้อนรนว่า “พวกมันรู้ตัวแล้ว ถอย!”
คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่ยังไม่ทันจะมี ปฏิกิริยาอะไร ก็มีลูกธนูสีเงินราวกับห่าฝนร่วงหล่นลงมา จากฟ้าในความมืด
“ถอย!” คนชุดด าล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดา แทบจะ ถอนตัวจากไปในเวลาเดียวกันทันที กลางค่ายทหารพลัน มีการจุดไฟสว่างจ้าขึ้นทันทีเช่นกัน ชายชุดด าผู้หนึ่งเดิน
书呆子
ออกมาจากความมืด ริมฝีปากยกยิ้มเย็นชา เอ่ยว่า “ใน เมื่อมาแล้ว ก็อย่าได้คิดจะจากไป ตาม!”
จุดอับสายตาแต่ละจุดในค่ายทหารมีเงาสีด า จ านวนนับไม่ถ้วนพาดผ่าน มุ่งหน้าติดตามไปยังทิศทางที่ คนชุดด าจากไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการท าลาย เสบียงอาหารกว่าครึ่งของกองทัพตระกูลม่อในคราวเดียว ต้องรู้ก่อนว่า ก่อนที่จะเคลื่อนทัพ ต้องมีการจัดเตรียม เสบียงอาหารให้พร้อมสรรพเสียก่อน การท าศึกของทั้ง สองกองทัพในยุคนี้ นอกจากก าลังทหารและต าราพิชัย สงครามแล้ว อีกสิ่งที่ส าคัญก็คือเสบียงอาหาร ถ้าหากว่า ไม่มีเสบียงอาหาร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นทหารที่แกร่งกล้า มากเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า ก็จะพบจุดจบอยู่ที่การหิว ตายอยู่ดี
พวกเขาวางแผนการได้ดีมาก แต่กองทัพตระกูลม่อ ที่เป็นกองทัพมานับร้อยปีจะไม่ค านึงปัญหานี้ได้อย่างไร
书呆子
เมื่อครู่ส่วนที่เข้าไปยังสถานที่เก็บเสบียงอาหารก็ถูกกลุ่ม คนชุดด าลึกลับล้อมเอาไว้ ทหารของทั้งสองฝ่ายเข้าห้ า หั่นกันทันทีโดยไม่มีใครพูดพร่ าท าเพลง
ยอดเขาลึกลับแห่งหนึ่งนอกค่ายทหารที่ไม่ไกลนัก สวีชิงเฟิงที่สวมชุดด าทั้งร่างยืนมองค่ายทหารด้านล่างอยู่ บนยอดเขาด้วยสีหน้าเย็นเยียบราวกับสายน้ า คนที่ยืนอยู่ ข้างเขาก็คือสองพี่น้องตระกูลหาน หานหมิงซีที่แต่ไหน แต่ไรก็ท าตามอ าเภอใจ ไม่สนใจกฎเกณฑ์ กับหานหมิง เย่ว์ที่หน้าตาหล่อเหลา กิริยางดงาม ท่าทางสูงสง่า ด้านหลังยังมีกลุ่มคนชุดด ากลุ่มหนึ่งที่จ้องเขม็งไปยังค่าย ทหารที่มีเปลวไฟไหวระริกไม่ไกลแห่งนั้นเช่นกัน
“ช่างเป็นจุดที่ดีจริงๆ” หานหมิงซียิ้มระรื่น เอ่ย กับสวีชิงเฟิง เดิมเขากับหานหมิงเย่ว์ได้รับค าสั่งให้มาส่ง เสบียงอาหาร แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ดูเรื่องสนุกเช่นนี้ ด้วย
书呆子
หานหมิงเย่ว์ดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เอ่ยเรียบๆ ว่า “คนพวกนี้ปฏิบัติการคล้ายกับหน่วยกิเลน อยู่หลายส่วน”
สวีชิงเฟิงเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “ก็แค่ลอกเลียนแบบ ความคิดของผู้อื่นเท่านั้น วาดมังกรวาดเสือนั้นยากที่จะ วาดให้เห็นกระดูก รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ชาวเป่ยหรงสามารถ ท าได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่เลวแล้ว ในเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายยั่วยุ ก่อน ไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อยก็ดูว่าจะไม่สมเหตุสมผล ทหาร”
“ท่านแม่ทัพ” คนชุดด าผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังก้าว ขึ้นมาด้านหน้า น้อมรับค าสั่งด้วยความนอบน้อม
สวีชิงเฟิงกล่าว “ห่างจากที่นี่ไปหกสิบลี้มีค่ายทหาร เป่ยหรงอยู่ค่ายหนึ่ง พวกเจ้าลองไปเที่ยวเล่นที่นั่นดูสัก หน่อย”
书呆子
“ข้าน้อยรับบัญชา” คนชุดด ารับค าเสียงดัง โบก มือครั้งหนึ่ง แล้วน าคนชุดด าอีกหลายสิบคนเลือนหายไป ในความมืด
คนอื่นๆ ก็ไม่กล่าวอันใดให้มากความ มองลงไปยัง ค่ายทหารที่อยู่ด้านล่าง สถานที่แห่งนี้ดูแล้วไม่ลึกลับ ซับซ้อน แต่เมื่อยืนอยู่บนยอดเขากลับสามารถเห็นทั้ง ค่ายทหารได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ถึงแม้ว่าชาวเป่ยหรง พวกนั้นจะมีฝีมือสูงส่งแต่จะหลบซ่อนสายตาของหน่วย กิเลนไปได้อย่างไร
“พวกเขาจะถอยแล้ว” เห็นได้ชัดเจนว่าชาวเป่ย หรงที่อยู่ด้านล่างรู้ตัวแล้วว่าไม่สามารถท าภารกิจนี้ได้ ส าเร็จ อีกทั้งเดิมทีพวกเขาก็ถูกส่งมาหยั่งเชิงเท่านั้น หาก สามารถเผาเสบียงอาหารกองทัพตระกูลม่อได้ก็เป็นเรื่อง ดี หากเผาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ในเวลานี้เมื่อเห็นว่าไม่อาจ เป็นฝ่ายเหนือกว่าได้ จึงเตรียมตัวจะถอยกลับทันที
书呆子
สวีชิงเฟิงลูบคาง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ในเมื่อถูก มอบหมายให้มาลองหยั่งเชิงพวกเรา ปล่อยให้กลับไปคน หนึ่งก็พอแล้ว คนที่เหลือก็ฆ่าทิ้งให้หมดเถิด” หานหมิงซี ที่ยืนอยู่ด้านข้างมุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้ ปล่อย กลับไปเพียงคนเดียวนั้นท าให้ชาวเป่ยหรงดูน่าเวทนายิ่ง กว่าการไม่กลับไปเลยสักคนเสียอีก ท าเช่นนั้นก็เท่ากับ เป็นการบอกแก่ชาวเป่ยหรงว่า พวกเจ้าไม่ได้ส่งคนมา ลองหลั่งเชิงหรอกหรือ ข้าเหลือหนึ่งคนให้กลับไปส่งข่าว ข้าไม่กลัวการหยั่งเชิงของเจ้าหรอก เดิมยังนึกว่าใน บรรดาพี่น้องหลายคนของตระกูลสวี คนที่มีจิตใจเมตตา อ่อนโยนที่สุดคือสวีชิงเฟิง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าคนนี้ก็ ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน
ชาวเป่ยหรงคิดจะหนี หน่วยกิเลนก็ปล่อยให้พวก เขาออกไป แต่กลับไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาหนี ทว่าเป็น การย้ายสงครามไปนอกค่ายทหาร เดิมคนชุดด าที่มีอยู่
书呆子
ยี่สิบกว่าคน ถูกแยกออกจากกันในเวลาเพียงชั่วครู่ ต่าง คนต่างรับมือต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ค่าย ทหารที่จุดไฟสว่างไสวก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง
ท่ามกลางความมืดมิด คนชุดด ามุ่งหน้าตรงไปยัง ทิศทางค่ายทหารแคว้นเป่ยหรงอย่างบ้าคลั่ง ค่ าคืนที่ไร้ ซึ่งดวงจันทร์ แม้ว่าจะมีแสงจากดวงดาวเล็กน้อย แต่กลับ ไม่มากพอที่จะให้ความสว่างกับเส้นทางด้านหน้า ทั้งสาม คนลนลานหลบหนีอย่างไร้ทิศทางอยู่ในป่า เมื่อไม่ทัน ระวังจึงหลงทางในที่สุด
เมื่อหยุดลงและมองกลับไปยังเส้นทางที่มา พอเห็น ว่าเหมือนจะไม่มีทหารติดตามมาแล้วถึงได้โล่งอก หนึ่งใน นั้นเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าชาวจงหยวน เหล่านี้จะเก่งกาจเพียงนี้!” พวกเขาคือคนที่เฮ่อเหลียน เจินกับเฮ่อเหลียนเผิงตั้งใจฝึกฝนอยู่หลายปี จึงมีความ แข็งแกร่งกล้าหาญมากกว่าเมื่อเทียบกับทหารกล้าทั่วไป
书呆子
ของแคว้นเป่ยหรง ชาวเป่ยหรงให้ความเคารพต่อ ต าแหน่งโดยอาศัยฝีมือสูงต่ า ในยามปกติมีเหล่าทหาร บางส่วนในกองทัพหยาจื้อดูถูกทหารธรรมดาของแคว้น เป่ยหรง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงชาวจงหยวนที่อ่อนแอใน สายตาของพวกเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ศึกแรกของหยาจื้อในค่ าคืนนี้ อย่ากล่าวเลยว่าหนึ่งคนสู้ ได้กี่คน แม้ว่าจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง พวกเขาก็ไม่ได้เป็นฝ่าย เหนือกว่าจนถึงขั้นตกเป็นฝ่ายด้อยกว่าเล็กน้อยเสียด้วย ซ้ า
“นั่นก็เป็นเพราะว่าชาวจงหยวนเจ้าเล่ห์แสนกล ลอบดักซุ่มโจมตีล่วงหน้า!” อีกคนหนึ่งไม่ยอมรับความ พ่ายแพ้ ฝีมือของเขาอยู่เหนือทุกคน เมื่อครู่ที่ประมือกับ ทหารตระกูลม่อก็ไม่ได้เป็นฝ่ายด้อยกว่า เพียงแต่ฝ่าย ตนเองก าลังคนน้อยจึงต้องหลบหนีเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็น ธรรมดาที่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตน
书呆子
คนที่เหลือขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ พลางเอ่ยว่า “ดู เหมือนว่าพวกเราจะหลงทางเข้าแล้ว รีบกลับไปยังค่าย ทหารจะดีกว่า”
อีกสองคนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาวิ่ง วุ่นอยู่ในป่ามากว่าหนึ่งชั่วยาม แต่ยังหาทางออกไม่พบ เสียที เห็นได้ชัดว่าหลงทางอยู่ในป่าเสียแล้ว
“เป็นถึงทหารฝีมือแกร่งกล้าของกองทัพหยาจื้ อแห่งแคว้นเป่ยหรง แต่กลับหลงทาง น่าหัวเราะเยาะเสีย จริง!” เสียงหัวเราะเบิกบานใจลอยออกมาจากมุมมืด แต่ กลับสะท้อนไปมาจนท าให้คนไร้ซึ่งหนทางที่จะยืนยันถึง ที่มาของเสียงได้
ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ใครน่ะ?!”
“เจ้ารู้จักหยาจื้อได้อย่างไร?!” หยาจื้อเป็นไพ่ลับใน มือของเฮ่อเหลียนเจิน ไม่ต้องกล่าวถึงคนนอก กระทั่ง ประมุขแคว้นเป่ยหรงกับเยียหลี่ว์เหยี่ยก็ยังไม่รู้ล่วงหน้า
书呆子
คาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามแค่เอ่ยปากก็เปิดเผยสถานะ ของพวกเขาเสียแล้ว
ผู้มาเยือนเอ่ยยิ้มๆ “ขอเพียงแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน กล้าเหยียบเข้ามาในจงหยวน จะมีเหตุผลใดที่กองทัพ ตระกูลม่อของข้าจะไม่ทราบ?”
“หน่วยกิเลน?!” ทั้งสามคนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน จ้องมองไปยังความว่างเปล่าท่ามกลางความมืดมิดด้วย ความระแวดระวัง
“เป็นหน่วยกิเลนเอง ทุกท่านไม่ใช่ว่าอยากขอ ค าแนะน าความเก่งกาจจากหน่วยกิเลนหรอกหรือ? เหตุ ใดถึงจะจากไปอีกแล้วเล่า?” เงาร่างคนในความมืดเอ่ย ยิ้มๆ
หัวหน้าคนชุดด าเอ่ยเสียงขรึมและเฉียบขาด “มี ความสามารถก็ปรากฏตัวออกมาประลองฝีมือกันดีกว่า พวกเจ้าชาวจงหยวนท าได้เพียงหลบๆ ซ่อนๆ เช่นนั้น
书呆子
หรือ” ชายหนุ่มในความมืดหัวเราะเสียงเย็น “ก าลังจะ จัดการกับเจ้าพอดี!” เงาร่างสีด าพุ่งตรงมาด้วยความเร็ว แสง ชายชาวเป่ยหรงทั้งสามคนยังไม่ทันจะมองเห็น ลักษณะของผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มผู้เป็น หัวหน้าก็รู้สึกเพียงแค่ว่าล าคอเย็นวาบ มือเย็นเยียบข้าง หนึ่งบีบอยู่ที่คอของเขา ออกแรงเล็กน้อยก็ส่งผลให้ล าคอ ของชายชาวเป่ยหรงเกิดเสียงดังกร๊อบ และล้มลงกับพื้น อย่างไร้ซึ่งลมหายใจทันที