ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 363-2 ลอบโจมตีในยำมค่ ำคืน พ่ำยแพ้ยับเยิน ทั้งกองทัพ
บุรุษชาวเป่ยหรงที่เหลืออีกสองคนค ารามเสียงดัง ก้องอย่างมีโทสะ ทะยานตัวพุ่งไปทางเงาด า เงาด าแค่น เสียงเบา พร้อมชักกระบี่อ่อนเย็นเยียบทอประกายแสง ชวนให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวา ร่ายร าพลิ้วไหวเป็นรูปร่าง ดอกไม้ดึงดูดสายตาในยามค่ าคืน ไม่ถึงชั่วครู่ก็มีอีกคน หนึ่งล้มลงกับพื้นจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก บุรุษชาวเป่ย หรงที่เหลืออยู่ผู้นั้นแทบจะตื่นตระหนกด้วยความ หวาดกลัว ขอเพียงแค่เป็นมนุษย์ล้วนกลัวตาย แม้ว่าชาว เป่ยหรงจะกล้าแกร่งกว่าชาวจงหยวน แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่าพวกเขาจะไม่กลัวตายมากกว่าชาวจง หยวน แน่นอน ถ้าหากว่าอยู่ในสนามรบ สองทัพสู้รบกัน อาจจะไม่ยี่หระต่อความเป็นความตาย แต่ยามนี้อยู่ใน บรรยากาศยามค่ าคืนอันมืดมิด เผชิญหน้ากับเงาด า
书呆子
ลึกลับผู้นี้ ข้างกายกลับมีศพเพื่อนร่วมทัพสองศพ บุรุษ ชาวเป่ยหรงที่ผ่านการวิ่งหลบหนีมากว่าหนึ่งชั่วยามก่อน หน้านี้จึงสติแตกในที่สุด เขาค ารามเสียงดังด้วยความ โมโห กระโจนเข้าใส่เงาด าด้วยความบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจ ความแตกต่างทางกระบวนท่าของศัตรูและตัวเขา เงาด า หัวเราะเสียงเย็น หมุนตัวไปปรากฏอยู่ด้านหลังบุรุษชาว เป่ยหรง ประทับฝ่ามือหนึ่งลงไปบริเวณล าคอของเขาได้ อย่างพอดิบพอดี บุรุษชาวเป่ยหรงที่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง ผู้นั้นหมดแรงล้มลงกับพื้นทันที ภายในป่าฟื้นกลับคืนสู่ ความเงียบสงบอีกครั้ง
บุรุษชุดด าเก็บกระบี่อ่อนกลับมา หมุนตัวเดิน ออกไปจากป่า ด้านนอกป่า สวีชิงเฟิง หานหมิงซี และคน อื่นๆ ล้วนยืนรออยู่ตรงนั้นกันนานแล้ว เมื่อเดินออกมา จากป่าที่มืดทะมึน ไร้ซึ่งแสงสว่าง แสงดาวก็ช่วยเผยโฉม หน้าหล่อเหลาออกมา ไม่ใช่จั๋วจิ้งแล้วจะเป็นใคร?
书呆子
หานหมิงซีพิงร่างเข้ากับล าต้นของต้นไม้ อ้าปาก หาวเอ่ยด้วยความเบื่อหน่ายว่า “อีแค่หัวขโมยสามคนที่ หลบหนีมา ต้องให้คนสนิทฝีมือยอดเยี่ยมข้างกายพระ ชายาติ้งอ๋องลงมือเองเลยหรือ ท าเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ โดยแท้”
จั๋วจิ้งไม่สนใจวาจาเสียดสีของหานหมิงซี เอ่ย เรียบๆ ว่า “พระชายาเพียงแค่อยากรู้ว่าความสามารถที่ แท้จริงของคนเหล่านี้เป็นเช่นไรกันแน่”
สวีชิงเฟิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย “แล้วเป็นอย่างไรบ้าง” คืนวันนี้พวกเขาเฝ้าดูการต่อสู้ ตั้งแต่ต้นจนจบ จึงเป็นธรรมดาที่จะมองออกว่าฝีมือของ คนเหล่านี้ไม่ได้ห่างชั้นจากหน่วยหน่วยกิเลนมากนัก สม กับเป็นคนที่เฮ่อเหลียนเจินทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกฝนมา หลายปีจริงๆ
书呆子
จั๋วจิ้งเอ่ยยิ้มๆ “ฝีมือนั้นไม่เลว เพียงแต่ว่าฝ่ายตรง ข้ามยังห่างชั้นในเรื่องอื่นอีกมาก” การฝึกฝนของหน่วย หน่วยกิเลน ฝีมือเฉพาะตัวของแต่ละคนนั้นย่อมส าคัญ มาก แต่ก็ไม่แน่นอนเช่นกัน ฝีมือของคนกลุ่มหนึ่งใน หน่วยหน่วยกิเลนก็แค่ดีกว่าทหารธรรมดาเล็กน้อย เท่านั้น แต่กลับมีจุดแข็งที่ผู้อื่นเทียบไม่ได้ อีกทั้ง สิ่งที่ หน่วยหน่วยกิเลนเชี่ยวชาญคือการท าสงครามเป็นกลุ่ม ถ้าหากว่าถูกพวกเขาล้อมเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือ อันดับหนึ่งในใต้หล้าก็เกรงว่ายากที่จะปลีกตัวออกไปได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการหลากหลายในการฝึกฝน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวเป่ยหรงในคืนนี้อย่างการหลง ป่านั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นกับหน่วยหน่วยกิเลนเด็ดขาด
นอกจากนี้ชาวเป่ยหรงเหล่านั้นมีคุณสมบัติทาง จิตใจห่างชั้นจากเหล่าทหารของหน่วยกิเลนมากอย่าง ยิ่งยวด หลายปีมานี้หน่วยกิเลนค่อยๆ พัฒนาเป็นรูปเป็น
书呆子
ร่างภายใต้การบัญชาการของฉินเฟิงและคนอื่นๆ ทหาร ทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ไม่มีใครสัก คนที่ไม่ได้ก้าวผ่านขีดจ ากัดความสามารถจนแสดงความ โดดเด่นออกมา มีเพียงแต่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อได้พบ กับสถานการณ์เสี่ยงภัยอันตรายก็มีแต่จะสงบเยือกเย็น ไม่ใช่เสียสติเป็นบ้าอย่างไร้ความหมาย
สวีชิงเฟิงพยักหน้า เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี พวกเรา กลับกันเถิด”
ท้องฟ้าในรุ่งสาง สว่างเล็กน้อย เฮ่อเหลียนเผิงและ เยียหลี่ว์เหยี่ยนั่งรอข่าวคราวอยู่ในกระโจมที่ประชุม เยียหลี่ว์เหยี่ยคิ้วขมวดเล็กน้อย รู้สึกไม่สบายใจอยู่หลาย ส่วน ตั้งแต่เริ่มเปิดศึกท าสงครามกับกองทัพตระกูลม่อมา เขารู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับหน่วยกิเลนของเยี่ยหลีอยู่ลึกๆ เสมอ แม้ว่าหน่วยกิเลนจะไม่มีความเคลื่อนไหวมาโดย ตลอด แต่ชื่อเสียงในเรื่องการโจมตีโดยไม่สูญเปล่าของ
书呆子
พวกเขานั้นมักจะท าให้เบื้องลึกของจิตใจเขารู้สึกมีเงามืด แห่งความกระวนกระวายบางๆ ชั้นหนึ่ง ถ้าหากหยาจื้อ ของเฮ่อเหลียนเผิงสามารถต้านทานหน่วยกิเลนได้ล่ะก็ ความกังวลในการท าสงครามของกองทัพเขาคงจะ น้อยลงไม่น้อยเช่นกัน
เยียหลี่ว์เหยี่ยมองผืนฟ้าที่ใกล้จะสว่างแต่ยังไม่ สว่างด้านนอกแล้วก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “ดูท่าจะไม่ไหวสินะ”
บนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเผิงกลับไม่มีแววกังวลใจ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “องค์ชายไม่ต้องเป็นห่วง การที่คน เหล่านี้ล้มเหลว อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว หาก กระทั่งเรื่องไม่คาดฝันเล็กน้อยเช่นนี้ กองทัพตระกูลม่อก็ ไม่สามารถรับมือได้ เช่นนั้นกองทัพตระกูลม่อก็คง อ่อนแอเกินไปแล้ว ครั้งนี้กระหม่อมเพียงอยากจะรู้ว่า
书呆子
หน่วยกิเลนแห่งกองทัพตระกูลม่อนั้นแข็งแกร่งมากแค่ ไหนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยเช่นนี้ เยียหลี่ว์เหยี่ยก็ วางใจ เอ่ยว่า “เฮ่อเหลียนเผิง เจ้ามีแผนอยู่ในใจก็ดี เยี่ย หลีผู้นี้แม้จะเป็นสตรี แต่กลับรับมือได้ไม่ง่ายกว่าม่อซิว เหยาเท่าใดนัก เจ้าต้องระวังให้มาก”
“หืม” เฮ่อเหลียนเผิงมองเยียหลี่ว์เหยี่ยด้วยความ ประหลาดใจ แปลกใจกับการที่เยียหลี่ว์เหยี่ยให้ ความส าคัญกับเยี่ยหลีถึงเพียงนี้ แม้ว่าเยียหลี่ว์เหยี่ยจะไม่ กล่าวถึง เขาก็ไม่ได้ดูแคลนเยี่ยหลีอยู่แล้วแน่นอน
รอยยิ้มเยียหลี่ว์เหยี่ยเจื่อนลงเล็กน้อย ส่ายศีรษะ พลางเอ่ยว่า “ข้าก็เพิ่งจะมาเข้าใจในสองวันนี้เอง เหรินฉี หนิงพ่ายแพ้ในมือของเยี่ยหลี…เกรงว่าในคราแรกที่เหริน ฉีหนิงเพิ่งเดินทางไปถึงหลีเฉิง เยี่ยหลีก็เริ่มวางแผนแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ม่อซิวเหยาและสวีชิงเฉินไม่อาจ
书呆子
ยื่นมือเข้าแทรกได้ อีกทั้งในปีนั้นที่เยี่ยหลีมีชัยเหนือเหลย เจิ้นถิงที่ซีเป่ย ผู้คนจ านวนมากล้วนกล่าวกันว่าเป็นเรื่อง บังเอิญ แต่ในหมู่ชาวจงหยวนกลับมีประโยคหนึ่งที่กล่าว ไว้ได้ดีว่า เรื่องบังเอิญหลายเรื่องเมื่อมารวมกัน เกรงว่า คงจะไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้า”
เฮ่อเหลียนเผิงพยักหน้าเห็นด้วย “สิ่งที่องค์ชาย กล่าวมานั้นไม่ผิด สองปีมานี้กระหม่อมก็วิเคราะห์ แผนการตั้งแต่ต้นจนจบของสงครามที่เยี่ยหลีมีชัยเหนือ เหลยเจิ้นถิงในปีนั้นเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเยี่ยหลีจงใจแสร้ง ท าเป็นอ่อนแอ หลอกล่อให้ทัพใหญ่ของเหลยเจิ้นถิงเข้า มาในถิ่นของศัตรู และตัดเส้นทางการส่งเสบียงอาหาร ของเขาจากทางด้านหลัง รวมถึงละทิ้งเมืองซิ่นหยาง เพื่อ ท าลายก าลังทหารชั้นยอดของทัพใหญ่แคว้นซีหลิงให้ราบ เป็นหน้ากอง เหลยเจิ้นถิงพ่ายแพ้เพราะเหตุนี้ ก็ไม่นับว่า เป็นสิ่งอยุติธรรม พระชายาติ้งอ๋องเป็นเพียงสตรีบอบบาง
书呆子
ผู้หนึ่ง วิสัยทัศน์ แผนการ การตัดสินใจ พละก าลัง ล้วน ไม่ขาดแคลนสิ่งใด ถ้าหากไม่ติดที่ว่าเป็นสตรีแล้วล่ะก็ เกรงว่าในจงหยวนจะต้องมีผู้แย่งชิงอ านาจความเป็นใหญ่ ในใต้หล้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองคนล้วนเงียบไปชั่วขณะ เมื่อลองคิดถึง สถานการณ์ในวันนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจว่าจงหยวน เป็นสถานที่ให้ก าเนิดอัจฉริยะบุคคลจริงๆ แคว้นเป่ยหรง คิดอยากจะเอาชนะจงหยวนนั้น สามารถกล่าวได้ว่า หนทางเบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยความยากล าบาก
“ทูลองค์ชาย ท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียน คนที่ถูกส่งไป เมื่อคืนกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นอกกระโจมมีคนเอ่ย รายงาน
เยียหลี่ว์เหยี่ยลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ได้ ถามว่า “กลับมากันกี่คน”
书呆子
องครักษ์ที่อยู่นอกกระโจมลังเลครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ย ตอบว่า “ทูลองค์ชาย มีเพียงแค่หนึ่งคนพ่ะย่ะค่ะ”
“หนึ่งคน?” ไม่ใช่เพียงแค่เยียหลี่ว์เหยี่ย กระทั่ง เฮ่อเหลียนเผิงก็ตกใจเช่นกัน แม้นจะมีการพูดคุยกันไว้ แล้วว่าหยาจื้อจะต้องพ่ายแพ้กลับมาในคืนนี้ และถือ โอกาสนี้ ให้บทเรียนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อวดดีทระนง ตนเหล่านี้ไปด้วย แต่แม้จะเป็นเฮ่อเหลียนเผิงเองก็คาดไม่ ถึงเช่นกันว่าจะมีคนรอดชีวิตกลับมาเพียงแค่คนเดียว เดิมเขานึกว่า แม้ว่าคนเหล่านี้จะเอาชนะกองทัพตระกูล ม่อไม่ได้ ปฏิบัติภารกิจไม่ส าเร็จ แต่อย่างน้อยก็สามารถ หลบหนีกลับมาได้
“ให้เขาเข้ามา!” เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยเสียงเข้ม
ไม่นานชายชุดด าที่สภาพร่างสกปรกมอมแมมผู้ หนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางหมดสภาพ คุกเข่าให้กับ
书呆子
เยียหลี่ว์เหยี่ยและเฮ่อเหลียนเผิง “กระหม่อมคารวะองค์ ชาย ท่านแม่ทัพ”
เฮ่อเหลียนเผิงขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอัน ใดขึ้น”
ชายชุดด าเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอมาเมื่อคืนอย่าง ละเอียดรอบหนึ่ง ที่แท้ชายชุดด าผู้นี้ก็เป็นคนสุดท้ายที่ ถูกจั๋วจิ้งฟาดให้สลบ ในตอนนั้นจั๋วจิ้งลงมือไม่หนักมาก ดังนั้นเขาจึงได้สติในเวลาไม่นาน และล้มลุกคลุกคลาน ออกมาจากป่า ตอนที่กลับมาถึงค่ายใหญ่ของแคว้นเป่ย หรงก็เป็นช่วงที่ฟ้าสว่างแล้ว
สีหน้าของเฮ่อเหลียนเผิงและเยียหลี่ว์เหยี่ยย่ าแย่ยิ่ง กว่าเดิม นี่มันใช่การหนีรอดมาคนเดียวเสียที่ไหนกัน เห็น ได้ชัดเจนว่ากองทัพตระกูลม่อจงใจปล่อยคนสุดท้ายนี้ กลับมารายงานข่าวชัดๆ รอจนชายชุดด ากล่าวจบแล้ว เฮ่อเหลียนเผิงก็ลุกขึ้น พลิกฝ่ามือตวัดดาบใส่ล าคอชาย
书呆子
ชุดด าทันที ชายชุดด าเบิกตากว้าง ล้มลงบนพื้น นอนตาย ตาไม่หลับทันที เขาไม่ได้ตายด้วยน้ ามือของฝ่ายศัตรู แต่ สุดท้ายกลับตายในเงื้อมมือของคนที่ฝึกฝนตัวเอง