ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 363-4 ลอบโจมตีในยำมค่ ำคืน พ่ำยแพ้ยับเยิน ทั้งกองทัพ
หลังจากชักแม่น้ าทั้งห้ามาเอ่ยจนปากเปียกปาก แฉะ ในที่สุดม่อซิวเหยาก็ปล่อยเยี่ยหลีเสียที เขามองนาง ขึ้นหลังม้าและควบม้าจากไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เฟิ่งจือเห ยาที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเบา “ท่านอ๋อง พระชายาไม่ได้ออกไปเป็นครั้งแรกเสียหน่อย คงไม่ถึงกับ ต้องอาลัยอาวรณ์เช่นนี้กระมัง?” สิ่งส าคัญที่สุดคือ ท่าน ท าลายภาพลักษณ์ตนเองอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้ ไม่ต้อง กล่าวถึงผู้ใต้บังคับบัญชาเลย กระทั่งข้าที่เป็นเพื่อนสนิท ที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กก็ยังยากที่จะรับได้
“หึ! หากมีเวลามาพูดเล่น ไม่สู้รีบไปจัดการฆ่า เยียหลี่ว์เหยี่ยให้เรียบร้อยเสียเล่า!” ม่อซิวเหยาเหลือบ มองเฟิ่งจือเหยาเรียบๆ สะบัดแขนเสื้อ แค่นเสียงเย็นเดิน
书呆子
จากไป ไหนเลยจะมีท่าทางไร้พิษสงดังเช่นขณะที่อยู่ต่อ หน้าเยี่ยหลีเมื่อครู่นี้อีก
เฟิ่งจือเหยาแค่นเสียง กุมหน้าอกส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ช่างเป็นคนที่ให้ความส าคัญกับคนรักมากกว่ามิตรสหาย จริงๆ ถึงในใจจะมีโทสะแต่ก็ไม่ต้องระบายใส่ผู้บริสุทธิ์คน อื่นๆ ก็ได้ ในเมื่อไม่ยินยอมให้พระชายาจากไป คราแรก ท่านก็อย่ารับปากสิ เฟิ่งจือเหยาลอบบ่นในใจ แต่กลับท า ได้เพียงเดินตามไปอย่างจนปัญญา ใครใช้ให้เขาโชคร้าย ไม่ระมัดระวังในเรื่องการคบเพื่อนฝูงกันเล่า?
ขบวนของเยี่ยหลีควบม้ามุ่งหน้าจากค่ายทหาร กองทัพตระกูลม่อไปยังค่ายทหารที่ตั้งอยู่บริเวณภูเขาห ลิงจิ้ว ที่นี่ไม่เพียงอยู่ใกล้กับด่านเฟยหงมากที่สุดแต่ยังอยู่ ใกล้กับพื้นที่ในความควบคุมดูแลของเหลยเจิ้นถิงมาก ที่สุดอีกด้วย เหลยเจิ้นถิงมีทหารอยู่ที่ชายแดนนับแสน นาย แม้จะกล่าวว่ายามนี้แคว้นซีหลิงเองก็ยุ่งวุ่นวาย แต่
书呆子
ใครก็บอกไม่ได้ว่าเหลยเจิ้นถิงจะสอดมือเข้ามาในตอนที่ กองทัพตระกูลม่อและแคว้นเป่ยหรงก าลังสู้รบกันอย่าง ดุเดือดหรือไม่ สาเหตุที่เยี่ยหลีต้องเป็นผู้รักษาการณ์ที่นี่ ด้วยตนเอง ก็เพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ อาจเกิดขึ้นกะทันหัน ในกรณีที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
ภูเขาหลิงจิ้วอยู่ห่างจากค่ายทหารกองทัพตระกูล ม่อสองร้อยกว่าลี้ ต่อให้ขบวนเดินทางของเยี่ยหลีจะเร่ง ควบม้าเร็วอย่างไร อย่างน้อยกว่าจะไปถึงจุดหมายก็เป็น ช่วงเย็นไปแล้ว เพียงแต่ในค่ายทหารมีคนรักษาการณ์ อีกทั้งด่านเฟยหงก็มีท่านแม่ทัพหยวนเผยอยู่ ดังนั้นคณะ ของเยี่ยหลีจึงไม่ต้องเร่งรีบมากนัก
คนทั้งขบวนควบม้าเดินทางไปยังภูเขาหลิงจิ้วอย่าง ไม่รีบร้อน เมื่อเดินทางมาถึงล าธารสายหนึ่ง ฉินเฟิงก็ดึง บังเหียนม้าให้หยุด ม้าพันธุ์ดีที่ก าลังห้อมาอย่างเร็วเมื่อ ถูกบังคับให้หยุด จึงส่งเสียงร้องดังขึ้น ขาทั้งสองยกขึ้นสูง
书呆子
ย่ าอยู่กับที่หลายก้าวถึงได้หยุดนิ่ง เยี่ยหลีและคนอื่นๆ ที่ อยู่ด้านหลังเขาจึงพากันหยุดตาม
“ด้านหน้าเป็นสหายจากแห่งใด โปรดเปิดเผยตัว มาพบกันเถิด” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงดังจนเกิดเสียงสะท้อนดัง ก้องอยู่กลางล าธารอย่างน่าประหลาด
“ฮ่าๆ …พระชายาติ้งอ๋อง ข้าน้อยอยากพบท่านมา นานแล้ว วันนี้เมื่อได้พบก็สมกับค าร่ าลืออย่างที่คิดเอาไว้ จริงๆ” เส้นทางบนภูเขาเบื้องหน้าปรากฏชายหนุ่มที่มี กลิ่นอายมากความสามารถและฉลาดหลักแหลม สวมชุด เกราะทหาร มือถือดาบเล่มยาวออกมาคนหนึ่ง เขายิ้ม กว้างประสานมือท าความเคารพมาทางเยี่ยหลี เยี่ยหลี ขมวดคิ้วเล็กน้อย ควบม้าขึ้นไปด้านหน้า ยิ้มอย่างไม่ยินดี ยินร้าย พลางเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียน เป็นเกียรติ ที่ได้พบ”
书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงเก็บง ารอยยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อย “พระชายาติ้งอ๋องช่างสายตาแหลมคม”
เยี่ยหลียิ้มเรียบๆ เอ่ยว่า “กล้าน าทหารมาขวาง เส้นทางกองทัพตระกูลม่อที่ข้าเป็นผู้ควบคุม นอกจากแม่ ทัพเฮ่อเหลียนแล้วยังจะมีผู้ใดอีกเล่า? วันนี้ท่านแม่ทัพก็ น าหยาจื้อของท่านมาด้วยหรือ” เมื่อได้ยินวาจาของเยี่ย หลีแล้ว หางตาเฮ่อเหลียนเผิงก็กระตุก คราวที่แล้วเขาดู แคลนความแข็งแกร่งของกองทัพตระกูลม่อ จึงท าให้คน ที่ถูกส่งออกไปทั้งหมดล้วนพ่ายแพ้ยับเยิน แม้จะกล่าวว่า ส่งคนออกไปหลายสิบคนเพื่อหยั่งเชิง แต่หยั่งเชิงจนพ่าย แพ้ยับเยินทั้งกองทัพนั้น กลับไม่ใช่ผลงานการรบที่ยอด เยี่ยมเอาเสียเลย จึงเอ่ยเสียงขรึมว่า “ข้าน้อยน า หยาจื้อมาด้วยจริงๆ เพียงแต่ดูเหมือนว่าพระชายาจะ ไม่ได้น าหน่วยกิเลนมาที่นี่ด้วย ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก หรือ พระชายาจะนึกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่อยู่ใน
书呆子
ความควบคุมดูแลของกองทัพตระกูลม่อ ไม่มีภัยอันตราย ใดๆ จึงสามารถกระท าเรื่องเหลวไหลอันใดก็ได้โดยไม่ ต้องเป็นกังวล”
“ข้าจะกล้ามีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? แม้ว่าคน จะนั่งอยู่ในต าหนัก ก็ยังมีเรื่องหายนะมาเยือนถึงที่ เพียงแต่ข้าจะหวาดกลัวจนกระทั่งไม่ออกจากต าหนักเลย ก็คงไม่ได้หรอกจริงหรือไม่ มิเช่นนั้นแล้วจะไม่กลายเป็น เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหา จึงไม่กระท าอันใดเสียดื้อๆ หรอกหรือ” เยี่ยหลีกล่าวยิ้มๆ
เฮ่อเหลียนเผิงพิจารณามองสตรีในอาภรณ์สีขาว เบื้องหน้าผู้นี้ราวกับคิดอะไรอยู่ เทียบกับสตรีแคว้นเป่ย หรงแล้ว สตรีจงหยวนมักจะดูเอ่อนยาว์ ถ้าหากว่าอยู่ที่ แคว้นเป่ยหรง ลักษณะท่าทางเช่นนี้ของเยี่ยหลีมองดูแล้ว ก็เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่สิบเจ็ดสิบแปดปี แต่งกายเรียบง่าย ด้วยอาภรณ์สีขาวหิมะทั้งตัว เส้นผมด าสนิทรวบขึ้นลวกๆ
书呆子
อาภรณ์สีขาวหิมะพลิ้วไหว เส้นผมกร่ายร าท่ามกลางสาย ลมแผ่วเบา นางมีภาพลักษณ์ราวกับธิดาเทพแห่งภูเขา หิมะในต านานเก่าแก่
“ในเมื่อวันนี้ข้าน้อยมาแล้ว ก็อยากจะเชิญพระ ชายาไปเป็นแขกที่ค่ายทหารของกองทัพแคว้นเป่ยหรง สักครา พระชายาโปรดให้เกียรติข้าน้อยด้วย” เฮ่อ เหลียนเผิงเอ่ยด้วยน้ าเสียงเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของฉินเฟิง จั๋วจิ้งและคน อื่นๆ ที่มองไปทางเฮ่อเหลียนเผิงก็มีความบึ้งตึงและ โหดเหี้ยมขึ้นหลายส่วน หลายคนควบม้าขึ้นไปขวางอยู่ ด้านหน้าเยี่ยหลี เฮ่อเหลียนเผิงเห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ ไม่สนใจ หัวเราะฮาฮาพลางโบกมือครั้งหนึ่ง แล้วทางเดิน บนภูเขาก็มีชายชุดด ากลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มองดูแล้วก็ มีมากกว่าร้อยคน เฮ่อเหลียนเผิงมองเยี่ยหลีพร้อมกล่าว
书呆子
ด้วยความจริงจังว่า “พระชายาโปรดให้เกียรติข้าน้อย ด้วย”
ฉินเฟิงยิ้มเย็น เอ่ยว่า “อาศัยคนเพียงไม่กี่คนพวก นี้ ก็คิดอยากจะพาตัวพระชายาไป จ าต้องกล่าวว่าท่าน แม่ทัพทระนงตนเกินไปแล้ว”
“อ่อ?” เฮ่อเหลียนเผิงเลิกคิ้ว กวาดสายตามอง ผ่านฉินเฟิงและคนอื่นๆ ไปอย่างรวดเร็ว “ขอบังอาจถาม ว่า พวกท่านคือ?” แน่นอนว่าเขามองออกแล้ว กลิ่นอาย ที่อยู่บนร่างของฉินเฟิงและคนอื่นๆ จะต้องไม่ใช่องครักษ์ ธรรมดาทั่วไปเด็ดขาด เพียงแต่น่าเสียดาย ข่าวสารของ ชาวเป่ยหรงกลับไม่แม่นย าเหมือนกองทัพตระกูลม่อ กระทั่งคนสนิทข้างกายที่เยี่ยหลีไว้วางใจมากที่สุดไม่กี่คน ก็ยังจ าไม่ได้
ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าน้อยเป็นเพียงบุคคล ธรรมดาไร้ชื่อเสียงผู้หนึ่ง ไม่ล าบากให้ท่านแม่ทัพเฮ่อเห
书呆子
ลียนต้องถามถึง ทว่าการที่ท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียนคิดจะ เชิญพระชายาไปเป็นแขก จ าเป็นต้องถามพวกข้าก่อนถึง จะได้”
เฮ่อเหลียนเผิงแสยะยิ้ม เอ่ยว่า “อย่างนั้นหรือ? ใน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็…บุก!”
ชายชุดด าที่อยู่เบื้องหลังเขาได้รับค าสั่งแล้ว ก็พุ่ง ตัวตีวงล้อมเยี่ยหลีและคนอื่นๆ เอาไว้ทันที ฉินเฟิง หลิน หานและคนที่เหลือก็ทะยานตัวไปด้านหน้า ส่วนจั๋วจิ้ง กลับถอยไปอยู่ข้างกายเยี่ยหลีโดยไม่ร่วมลงมือด้วย คน ที่เยี่ยหลีน าออกเดินทางมาด้วย รวมฉินเฟิง อวิ๋นถิง เฉินอวิ๋น และคนไม่กี่คนเหล่านี้แล้วก็มีเพียงสิบกว่าคน เท่านั้น เมื่อต้องประมือกับผู้ใต้บังคับบัญชาร้อยกว่าคน ของเฮ่อเหลียนเผิงขึ้นมาจึงเป็นธรรมดาที่จะกินแรงอยู่ บ้าง แต่คนพวกนี้ล้วนเป็นผู้เก่งกาจหนึ่งในร้อยจากหมู่
书呆子
คนยอดเยี่ยม แม้ว่าจะต้องรับมือกับศัตรูมากมายขนาดนี้ ก็ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายที่ด้อยกว่า
เมื่อเห็นสภาพเหตุการณ์ในตอนนี้แล้ว แม้ว่าจะ เป็นเฮ่อเหลียนเผิงก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยอย่างอด ไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่ม่อซิวเหยาส่งมา ปกป้องเยี่ยหลีเป็นพิเศษหรือว่าความสามารถในการสู้รบ ของกองทัพตระกูลม่อล้วนแกร่งกล้าเช่นนี้ หากเป็นอย่าง หลัง ก็เกรงว่าบทสรุปของกองทัพแคว้นเป่ยหรงคงจะน่า เป็นห่วงเสียแล้ว
“สมกับที่เป็นผู้ยอดเยี่ยมแห่งกองทัพตระกูลม่อ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ” เฮ่อเหลียนเผิงชื่นชม “พระชายา แม้ว่าคนของท่านจะเก่งกาจ แต่ก็เกรงว่าจะต้านทาน ทหารจ านวนมากขนาดนี้ของข้าน้อยเอาไว้ไม่ไหว? แล้ว เหตุใดต้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเสียสละตนเองด้วย? ข้าน้อยอยากเชิญพระชายาติ้งอ๋องไปเป็นแขกที่แคว้นเป่ย
书呆子
หรงด้วยความจริงใจ เหตุใดพระพระชายาถึงไม่ให้เกียรติ กันเลยเล่า” รูปร่างหน้าตาของเฮ่อเหลียนเผิงไม่ถือว่า หล่อเหลา แต่กลับแฝงไปด้วยความองอาจที่ชายชาวจง หยวนน้อยคนจะมี แม้ว่าปากจะกล่าววาจาด้วยความ สุภาพ แต่ก็ให้ความรู้สึกไม่ยอมประนีประนอมอย่าง ประหลาด
เยี่ยหลียิ้มเรียบๆ พลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าท่านแม่ ทัพเฮ่อเหลียนจะมีความสนใจในหน่วยกิเลนของข้ามาก สินะ”
เฮ่อเหลียนเผิงเลิกคิ้ว เอ่ยยิ้มๆ “พูดไปแล้วก็ ละอายใจ ข้าน้อยรู้สึกสนใจมาก พระชายาสามารถฝึกฝน ทหารที่ลึกลับเช่นนี้ออกมาได้หนึ่งกองทัพ กระทั่งก าลังสู้ รบก็อยู่เหนือกว่าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีที่ฝีมือแกร่งกล้าที่สุด แล้วจะให้ข้าน้อยไม่รู้สึกเคารพชื่นชมมากได้เช่นไร? ข้าน้อยก าลังอยากจะขอค าแนะน าจากพระชายาพอดี”
书呆子
เยี่ยหลีพยักหน้า เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะ บอกกับท่านว่าควรจะใช้งานหน่วยกิเลนเช่นไร” ยังไม่ทัน จะสิ้นเสียง เยี่ยหลีก็ผิวปากท าเสียงแหลมสูงดังไปทั่ว แสงสีเขียวมรกตแวววาวถูกยิงขึ้นไป ชั่วพริบตาก็มี ดอกไม้ไฟสีเขียวสดเบ่งบานอยู่กลางผืนฟ้า หลังจากนั้น ครู่หนึ่ง สถานที่ที่อยู่ไม่ไกลหลายแห่งก็มีดอกไม้ไฟสีเขียว สดปรากฏขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน