ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 365-3 ทหำรที่เหลือรอดกับทหำรที่เก่งกำจ ตง ฟำงฮุ่ยสิ้นชีพ
บังเอิญว่าวันนี้ เยี่ยหลีมาตรวจการณ์ที่ค่ายทหาร
ของซุนเย่าอู่พอดี และอยากเห็นความสามารถการน า
ทหารท าสงครามของซุนเย่าอู่ จึงลอบตามออกมาเงียบๆ
ก่อนที่ทั้งสองกองทัพจะท าสงครามกัน ซุนเย่าอู่
มองแขนของเฮ่อเหลียนเผิงที่ถูกปิดด้วยผ้าคลุมแล้วก็
หัวเราะฮาฮาออกมา “แม่ทัพเฮ่อเหลียน พระชายาของ
พวกเราฝากให้ข้ามาถามท่านว่าอาการบาดเจ็บของท่าน
หายดีแล้วหรือ ถึงได้รีบร้อนมาท้าทายท าสงคราม
เช่นนี้”
เฮ่อเหลียนเผิงสีหน้าเย็นชา ตั้งแต่เยาว์วัย เฮ่อ
เหลียนเผิงได้คารวะมู่หรงสยงเป็นอาจารย์เพื่อร่ าเรียนวร
ยุทธ์ จึงคิดว่าตนเองไม่เหมือนกับชาวเป่ยหรงทั่วไป แต่
กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกเยี่ยหลี สตรีอ่อนแอที่ก าลังภายใน书呆子
ไม่ได้สูงส่งผู้หนึ่งท าให้บาดเจ็บจนโลหิตรินไหลไม่หยุดได้
ไม่เพียงแค่อับอายขายหน้าต่อหน้าเยียหลี่ว์เหยี่ย แต่ยิ่ง
ท าให้ความหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีตนเองของเฮ่อเหลียนเผิง
ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเช่นกัน เมื่อซุนเย่าอู่พอมาถึงก็
เอ่ยเรื่องรอยแผลเป็นของเขาทันทีเช่นนี้ จึงท าให้แววตา
ที่มองซุนเย่าอู่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารหลายส่วน
ในทันที
“อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือไม่ สามารถเชิญ
พระชายาของพวกเจ้ามาดูด้วยตนเองได้ ต่อสู้กับคนไร้ค่า
เช่นเจ้า ข้าใช้มือแค่ข้างเดียวก็มากพอแล้ว” เฮ่อเหลียน
เผิงเอ่ยเสียงเข้ม ดาบในมือที่ถูกเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่ชี้มา
ข้างหน้า “แม่ทัพซุนมาลองดูกันหน่อยหรือไม่”
ซุนเย่าอู่หดคอ เขารู้ว่าหากเอ่ยถึงวรยุทธ์แล้ว
ตนเองสิบคนก็มีไม่เพียงพอให้เฮ่อเหลียนเผิงสับ จึงกลอก
ตาวนไปรอบหนึ่งก่อนเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าไม่ใช่ยอดฝีมือใน书呆子
ยุทธภพ จะมีวรยุทธ์ไปแลกเปลี่ยนกับแม่ทัพเฮ่อเหลียน
ได้เช่นไร แม่ทัพเฮ่อเหลียนมาลองฝึกค่ายกลตีสุนัขของ
ข้าก็แล้วกัน” เมื่อโบกมือ เหล่าทหารหาญที่อยู่ทางด้าน
หลังก็ค ารามออกมา พุ่งตัวไปทางด้านหน้า แม้ว่าเฮ่อ
เหลียนเผิงจะคุ้นเคยกับตัวอักษรและภาษาจงหยวน
กระทั่งต าราพิชัยสงครามก็เคยอ่านมาบ้าง แต่กลับไม่
เข้าใจว่าค่ายกลตีสุนัขอะไรนี้คือค่ายกลใดไปชั่วขณะ
เพียงแค่รู้สึกว่าไม่ใช่วาจาที่ดีอะไร จึงแค่นเสียงเย็น ชู
ดาบยาว เสียงแตรที่ท าจากหนังสัตว์ก็ดังขึ้นจากทาง
ด้านหลัง ทหารหาญแคว้นเป่ยหรงพลันค ารามเสียงดัง
พร้อมพุ่งตัวออกไปทันที
ทหารแคว้นเป่ยหรงล้วนเน้นทหารม้าเป็นหลัก
ทหารม้าของเป่ยหรงนั้นเก่งกาจมาก ในบางครั้งหน่วยเฮ
ยอวิ๋นฉีก็ยังต้องหลีกเลี่ยงพลังอันเต็มเปี่ยมจากฝ่ายศัตรู
นี่มีความเกี่ยวข้องกับภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้านอก书呆子
ก าแพงเมือง แต่ทหารม้าเช่นนี้กลับไม่เหมาะสมกับชัยภูมิ
ส่วนใหญ่ในจงหยวน แม้ว่าละแวกใกล้เคียงกับภูเขาห
ลิงจิ้วจะไม่มีภูเขาหรือสันเขาสูง แต่กลับเต็มไปด้วยเนิน
เขาที่รายล้อมเป็นชั้นๆ สภาพภูมิประเทศคับแคบ ทหาร
ม้าไม่สามารถส าแดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่
เห็นเพียงแค่มือของทหารใต้บังคับบัญชาของซุน
เย่าอู่ถือดาบโค้งตัดฉับเข้าที่ขาม้า คนที่มือถือหอกยาวก็
เล็งไปที่คนที่อยู่บนหลังม้า ยังมีคนที่ถือดาบสั้นช่วย
ซ้ าเติมอีกคน ประสานงานร่วมมือกันได้อย่างสามัคคี
ส าหรับค่ายกลตีสุนัขอะไรที่ว่านั่นล้วนเป็นการเอ่ยเย้ย
หยันเฮ่อเหลียนเผิงด้วยฝีปากโดยแท้จริง น่าเสียดายที่
เฮ่อเหลียนเผิงไม่ได้มีอารมณ์ขันมากพอ จึงไม่รับเอาไว้
อย่างสิ้นเชิง เพื่อความสะดวกและความรวดเร็วทหาร
ชาวเป่ยหรงที่ขี่ม้าจึงไม่ได้สวมเกราะหนักเหมือนกับ书呆子
หน่วยเฮยอวิ๋นฉี เมื่อเวลาผ่านไปจึงกลายเป็นฝ่ายที่
เสียเปรียบไม่น้อย
เยี่ยหลีเฝ้ามองสงครามอยู่ในที่ลับ ก็พบว่าซุนเย่าอู่
ท าสงครามด้วยวิธีการที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล
เชือกพันม้า[1] มีดตัดขาม้า ปืนยาว คันธนูและลูกธนู
รวมถึงอาวุธลับต่างๆ และไม่สนใจสถานการณ์ในการสู้
รบ ขอเพียงแค่สามารถท าให้คนบาดเจ็บได้ก็พอ เมื่อมี
ซุนเย่าอู่ที่นอกคอก ไม่ปฏิบัติตามกฎโผล่ออกมา
กะทันหัน ชาวเป่ยหรงที่คุ้นเคยกับทหารต้าฉู่และทหาร
ตระกูลม่อที่ตรงไปตรงมาจึงรับมือไม่ทันอยู่บ้าง
ศึกสงครามจบลงในชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เฮ่อ
เหลียนเผิงออกค าสั่งถอยทัพด้วยสีหน้าทะมึน แม้ว่าจะ
ไม่ได้ปราชัยแต่ก็เสียเปรียบไม่น้อย ซุนเย่าอู่ไม่ได้ตามเขา
ไป เพียงส่งคนไปเก็บกวาด แบกม้าที่ตายในสนามรบของ
แคว้นเป่ยหรงกลับไปท าอาหารด้วยอารมณ์เบิกบาน书呆子
“แม่ทัพซุนท าให้ข้าต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่จริงๆ”
เยี่ยหลียิ้มหวาน มองไปยังซุนเย่าอู่ที่มีสีหน้าภูมิใจ พลาง
เอ่ย
ซุนเย่าอู่รีบเอ่ยว่า “กระหม่อมมิมีผลงาน ท าให้
พระชายาขบขันแล้ว” เยี่ยหลีส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ท่านแม่
ทัพไม่จ าเป็นต้องเกรงใจ ศึกในวันนี้ท าให้ข้าได้เปิดหูเปิด
ตาแล้ว” เมื่อเห็นเยี่ยหลีคล้ายกับว่าไม่ได้ล้อเล่น ซุนเย่าอู่
จึงท าได้เพียงแค่หัวเราะเสียงแห้ง ไม่รู้ว่าจะกล่าวอันใดดี
เยี่ยหลีรู้ว่านิสัยที่แท้จริงแต่เดิมของเขาเป็นเช่นนี้
จึงไม่ใส่ใจ
กล่าวกันว่าทางเหนือ ต าหนักติ้งอ๋องเพิ่งจะปราบ
เป่ยจิ้งให้อยู่ในความสงบได้ ก็เปิดศึกสงครามรอบด้านกับ
แคว้นเป่ยหรง จึงเป็นธรรมดาที่จะมาดูแลและจัดการ
เรื่องราวทางใต้ ส่วนทุกคนที่อยู่ทางใต้ก็ไม่ได้อยู่กันว่างๆ
นับตั้งแต่ม่อจิ่งหลีพาตงฟางฮุ่ยกลับมาที่เจียงหนาน ตง书呆子
ฟางฮุ่ยก็น าอิทธิพลของภูเขาซางหมางแทรกซึมเข้าไปทั้ง
ในและนอกราชส านักต้าฉู่อย่างลับๆ แม้ว่าตงฟางฮุ่ยจะ
ไม่ได้ปรากฏตัวในท้องพระโรง แต่ทั้งราชส านักต้าฉู่ล้วน
อยู่ภายใต้การควบคุมของภูเขาซางหมาง ผู้เดียวที่
สามารถขับเคี่ยวได้บ้างกลับเป็นไทเฮาที่อยู่ในวังหลัง
แรกเริ่มไทเฮาได้บรรลุข้อตกลงกับม่อซิวเหยา จึงรักษา
ชีวิตและชื่อเสียงของไทเฮาเอาไว้ได้ เมื่อได้รับก็เป็น
ธรรมดาที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทน ยิ่งไปกว่านั้น การที่
ภูเขาซางหมางควบคุมอ านาจของต้าฉู่ ก็ไม่เป็นผลดีต่อ
ไทเฮาที่ต้องสูญเสียอ านาจไปอย่างช้าๆ จึงเป็นธรรมดาที่
ไทเฮาจะยินยอมให้ความร่วมมือกับต าหนักติ้งอ๋อง
ดังนั้นไทเฮาจึงแตกหักกับม่อจิ่งหลีในท้องพระโรง
โดยสมบูรณ์ หลังจากที่ม่อจิ่งหลีมีภูเขาซางหมางให้การ
สนับสนุน ย่อมรีบร้อนอยากขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้
เมื่อเห็นหลานชายที่ครอบครองต าแหน่งฮ่องเต้ของ书呆子
ตนเองแล้วก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตาเป็นอย่างมาก แต่ไทเฮากับ
ขุนนางเก่าบางส่วนกลับกล่าวค าสาบานตนว่า แม้ต้อง
สิ้นชีพก็จะปกป้องฮ่องเต้น้อยพระองค์นี้เอาไว้ให้ได้
ดังนั้นคนของทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มฟาดฟันกันทั้งต่อหน้าและ
ลับหลัง ทั้งในและนอกราชส านักต้าฉู่จึงเต็มไปด้วยคลื่น
ใต้น้ า
ตงฟางฮุ่ยควบคุมราชส านักต้าฉู่เอาไว้อย่างลับๆ
และค่อยๆ พบกับความน่าสนใจขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าต าแหน่งของนางในภูเขาซางหมางจะสูงส่ง แต่การ
บ าเพ็ญตนอย่างโดดเดี่ยวจะดึงดูดใจนางได้มากกว่า
อ านาจที่พลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ หมุนฝ่ามือบังคับฝน
[2]ได้เช่นไร ดังนั้นตงฟางฮุ่ยจึงทุ่มเทก าลังและจิตใจข่ม
สมัครพรรคพวกของไทเฮาเอาไว้ กว่านางจะรู้ตัวอีกที ก็
พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ กองทัพแคว้นซีหลิงได้เข้าโอบ
ล้อมโจมตีภูเขาซางหมางแล้ว书呆子
ส าหรับม่อจิ่งหลี ภูเขาซางหมางก็เป็นแค่ภูเขาลูก
หนึ่งเท่านั้น เมื่อไม่มีแล้วก็เปลี่ยนสถานที่ไปอีกที่หนึ่งก็
จบ แต่ส าหรับตงฟางฮุ่ย ภูเขาซางหมางกลับมี
ความหมายที่ส าคัญไม่น้อยไปกว่าฉู่จิงส าหรับต้าฉู่ ม่อจิ่ง
หลีสามารถทิ้งต้าฉู่ได้ แต่นาง ตงฟางฮุ่ยกลับไม่สามารถ
ให้กองทัพแคว้นซีหลิงท าลายภูเขาซางหมางนี้ได้ นางทิ้ง
คนคนนั้นไปไม่ได้
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ตงฟางฮุ่ยจึงท า
ได้เพียงแค่โยนภารกิจทั้งหมดที่เจียงหนานให้กับตงฟาง
โยว และรีบน าคนเร่งเดินทางกลับไปยังภูเขาซางหมาง
ตงฟางฮุ่ยไม่รู้ว่าการมอบเรื่องส าคัญมากขนาดนี้ให้คนที่มี
นิสัยเช่นตงฟางโยวจะก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายขนานใหญ่ ที่
ส าคัญมากกว่านั้นก็คือ การกลับไปในครั้งนี้ นางจะไม่
สามารถกลับมายังต้าฉู่ได้อีกแล้ว书呆子
แม้ว่าตงฟางฮุ่ยจะได้รับข่าวสารที่รวดเร็วมาก แต่
เห็นได้ชัดว่ากองทัพใหญ่แคว้นซีหลิงกับสวีชิงเฉินนั้น
รวดเร็วยิ่งกว่า ค่ายกลตามธรรมชาติที่ปกป้องอยู่ด้าน
นอกภูเขาซางหมางไม่สามารถหยุดยั้งคุณชายชิงเฉินได้
นานนัก รอจนตอนที่ตงฟางฮุ่ยเร่งมาถึงภูเขาซางหมาง
กองทัพแคว้นซีหลิงก็ครอบครองยอดเขาสูงสุดของภูเขา
ซางหมางไปตั้นานแล้ว เมื่อได้ล่วงรู้ความลับมากมายของ
ภูเขาซางหมาง แคว้นซีหลิงและต าหนักติ้งอ๋องจึงเริ่ม
จัดการสายลับที่ถูกจัดหาต าแหน่งให้และกิจการที่อยู่
ภายใต้ชื่อของภูเขาซางหมางมาหลายปีอย่างไร้ซึ่งความ
ปราณีทันที ภายในระยะเวลาอันสั้นนอกจากเจียงหนาน
และอ านาจลึกลับจ านวนน้อยนิดบางส่วน ล้วนถูกจัดการ
จนสะอาดหมดจด ชั่วเวลาไม่นานพลังต้นก าเนิดของ
ภูเขาซางหมางก็ได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ว่าจะไม่ดับสิ้นแต่
ก็ไม่สามารถพักฟื้นกลับคืนมาได้ภายในระยะเวลาห้าสิบ
หกสิบปีอย่างแน่นอน书呆子
ตงฟางฮุ่ยเคียดแค้นเหลยเจิ้นถิงและสวีชิงเฉิน
อย่างสุดซึ้ง แต่กลับไม่อาจท าอันใดได้ ท าได้เพียงน า
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือกลับไปยังเจียงหนานใหม่ แต่
ก่อนที่จะได้ข้ามแม่น้ าอวิ๋นหลันก็ถูกเหลยเจิ้นถิงและสวี
ชิงเฉินขวางเส้นทางเอาไว้เสียก่อน
“เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อ คุณชายชิงเฉิน มี
ความสามารถอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ!” ตงฟางฮุ่ยที่ถึง
คราวอับจนหนทางมองคนรุ่นหลังที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสอง
ด้วยสายตาซับซ้อน นางไม่เคยคิดเลยว่าภูเขาซางหมาง
จะถูกท าลายลงอย่างง่ายดายในช่วงที่ตนดูแลเช่นนี้ และ
ยิ่งคิดไม่ถึงว่า ตนเองจะถูกคนรุ่นหลังสองคนบีบบังคับ
จนถึงจุดนี้ คุณชายชิงเฉินที่สุภาพเรียบร้อย ยิ้มเรียบๆ
โดยไม่เอ่ยวาจาใด
เหลยเถิงเฟิงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ตงฟางฮูหยินกล่าวชม
เกินไปแล้ว จะว่าไปแล้ว…ที่พวกข้าสามารถรอคอยการ书呆子
มาถึงที่นี่ของฮูหยินได้พอดีก็ต้องขอบคุณคนในภูเขาซาง
หมางของท่านด้วย ถ้าหากไม่ใช่เช่นนี้ แม้ว่าอ านาจของ
ภูเขาซางหมางจะถูกท าลายไปมากกว่าครึ่งแล้ว ฮูหยินจะ
ไปที่ใด ก็เกรงว่าพวกข้าที่เป็นคนรุ่นหลังก็คงหาไม่พบ
เช่นกัน”
[1] เชือกพันม้า คือ การซ่อนเชือกเอาไว้ในผืนดิน เพื่อใช้พันขาม้าของศัตรูให้ล้มลง
[2] พลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ หมุนฝ่ามือบังคับฝน หมายถึง บุคคลที่มีอ านาจมาก จะสั่งอะไรก็ย่อมได้
เป็นการเปรียบเปรยว่า เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็สามารถควบคุมเมฆได้ เพียงแค่หมุนมือก็บังคับฝนให้ตก
ได้