ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 365-4 ทหำรที่เหลือรอดกับทหำรที่เก่งกำจ ตง ฟำงฮุ่ยสิ้นชีพ
ตงฟางฮุ่ยตื่นตระหนก นัยน์ตาวูบไหวเล็กน้อย
“คนของภูเขาซางหมาง…ใครกัน?!”
เหลยเถิงเฟิงเอ่ยยิ้มๆ “ฮูหยินทราบดีอยู่แล้ว เหตุ
ใดยังต้องแกล้งถามอีกเล่า? ในใต้หล้านี้ผู้ที่สามารถรู้
ร่องรอยการเดินทางของฮูหยินได้จะมีสักกี่คนกัน?”
ตงฟางฮุ่ยหน้าซีดเผือด ส่ายศีรษะ พลางเอ่ยว่า
“เป็นนาง…ไม่ เป็นไปไม่ได้ นาง…เหตุใดนางถึงต้องท า
เช่นนี้?” เมื่อเห็นสีหน้าของตงฟางฮุ่ยแล้ว ในใจเหลยเถิง
เฟิงก็อดที่จะรู้สึกเป็นสุขไม่ได้ แม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่
ต้องการความช่วยเหลือจากภูเขาซางหมาง แต่ยามที่
ภูเขาซางหมางเลือกม่อจิ่งหลีก็ไม่เคยพิจารณาถึงเรื่อง
ของตนเอง จึงท าให้ในใจของเหลยเถิงเฟิงอึดอัดอยู่บ้าง
ครานี้เมื่อเห็นตงฟางฮุ่ยโชคร้าย ในใจย่อมรู้สึกยินดีอยู่书呆子
หลายส่วน “เหตุใดนางจึงต้องท าเช่นนี้ คงต้องถามฮูหยิน
แล้ว นางเป็น…ศิษย์รักของฮูหยินนี่นะ”
ตงฟางฮุ่ยไม่ใช่คนที่เลวทรามหุนหันพลันแล่น จึง
เข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้าของตนเองได้อย่างรวดเร็ว
และไม่สนใจเหลยเถิงเฟิงที่ยินดียินร้ายไปกับความโชค
ร้ายของผู้อื่น นางมองเขานิ่งๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า “เจิ้น
หนานอ๋องซื่อจื่อ ท่านคิดจะจัดการข้าเช่นไร”
“นี่…” เหลยเถิงเฟิงกลับมีความลังเลอยู่บ้าง ความ
ต้องการของเหลยเจิ้นถิงคือให้ปลิดชีพตงฟางฮุ่ยทิ้งเสีย
ด้วยนิสัยของตงฟางฮุ่ย หากให้นางตั้งตัวได้ สิ่งที่รอพวก
เขาอยู่ก็คือการแก้แค้นอย่างโหดเหี้ยมอ ามหิตเท่านั้น
ภูเขาซางหมางด ารงอยู่มาหลายร้อยปี ในจ านวนนั้นมี
การแทรกแซงเพื่อยึดกุมอ านาจในการบริหารราชการ
แผ่นดินของแว่นแคว้นต่างๆ แม้ว่าจะท าลายอ านาจส่วน
ใหญ่ของนางไปแล้ว แต่ใครเลยจะรู้ว่านางยังมีอ านาจที่书呆子
เก็บซ่อนไว้และยังไม่ได้เปิดเผยหรือไม่ หลายครั้งที่การ
โจมตีที่ร้ายแรงถึงชีวิตนั้นก็มากเพียงพอแล้ว แต่เหลยเถิง
เฟิงกลับอดไม่ได้ที่จะมีความคิดอื่น เขาจ าเป็นต้องมีคน
ช่วยเหลือให้ค าปรึกษา หลายปีมานี้เขาพยายามทุ่มเทสุด
ความสามารถ แต่ผลงานกลับธรรมดา แม้กระทั่งม่อจิ่ง
หลีที่เขาดูแคลนมาแต่ไหนแต่ไร ก็มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่
มากกว่าเขา เขารู้ว่า เขาจ าเป็นต้องท าความคุ้นเคยกับ
อ านาจและผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองทั้งหมด ซึ่งผลงาน
ที่ต้าฉู่ของตงฟางฮุ่ยในวันเวลาก่อนหน้านี้ก็มากพอที่จะ
พิสูจน์ให้เห็นว่านางเป็นสตรีที่มีความสามารถผู้หนึ่ง
เพียงแค่มองแวบเดียว ตงฟางฮุ่ยก็รู้ว่าเหลยเถิงเฟิง
หวั่นไหวเข้าให้แล้ว นัยน์ตามีประกายอดทนซ่อนเร้นพาด
ผ่าน ตงฟางฮุ่ยเอ่ยเสียงเข้มว่า “เรื่องราวด าเนินมาจนถึง
ขั้นนี้แล้ว ตงฟางฮุ่ยยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตงฟางฮุ่ยและ书呆子
คนของภูเขาซางหมางทั้งหมดล้วนแล้วแต่ซื่อจื่อจะ
จัดการ”
เหลยเถิงเฟิงคล้อยตามอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เขา
ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยว่า “ฮูหยินเป็นผู้กล้าในหมู่สตรีจริงๆ
ยกขึ้นได้และวางลงได้[1]”
“รุ่ยจวิ้นอ๋อง” สวีชิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างกายเหลยเถิง
เฟิงเอ่ยยิ้มๆ ขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าสวีชิงเฉินเอ่ยปาก ตง
ฟางฮุ่ยจึงรู้ว่าคงไม่ได้การแล้ว ในใจพลันรู้สึกเสียใจใน
ภายหลังที่เมื่อครู่รีบร้อนแสดงท่าทีเป็นมิตรกับเหลยเถิง
เฟิงออกไป ถึงกับลืมว่าสวีชิงเฉินก็อยู่ข้างๆ ด้วย จึงรีบ
เอ่ยด้วยน้ าเสียงราบเรียบขึ้นก่อนที่สวีชิงเฉินจะเอ่ยอันใด
ว่า “คุณชายชิงเฉินเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องของต าหนักเจิ้น
หนานอ๋องได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
แม้ว่าเหลยเถิงเฟิงจะหวั่นไหวไปกับอ านาจที่
หลงเหลืออยู่ของตงฟางฮุ่ยและภูเขาซางหมาง แต่กลับ书呆子
ไม่ได้ดีใจจนถึงขั้นเสียสติ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมา
เขาก็มีความนับถือและระมัดระวังต่อสวีชิงเฉินเช่นกัน จึง
เป็นธรรมดาที่จะไม่ท าให้สวีชิงเฉินเสียหน้า เอ่ยอย่าง
อารมณ์ดีว่า “คุณชายชิงเฉินมีอันใดจะกล่าวหรือ”
สวีชิงเฉินกวาดสายตามองผ่านร่างตงฟางฮุ่ยอย่าง
เฉยชา ก่อนเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าน้อยเพียงแค่อยากจะ
กล่าวว่า จวิ้นอ๋องโปรดระมัดระวังให้ดี ตีงูไม่ตาย ระวัง
จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง”
เหลยเถิงเฟิงตื่นตระหนก สมองพลันแจ่มใสขึ้นมา
ทันที คิดถึงท่าทีระมัดระวังที่เสด็จพ่อมีต่อภูเขาซางหมาง
ถ้าหากว่ากระทั่งเสด็จพ่อก็ยังไม่มีความมั่นใจที่จะควบคุม
ภูเขาซางหมางเอาไว้ได้ ยินยอมกระทั่งให้ความร่วมมือ
กับต าหนักติ้งอ๋อง แต่ก็ต้องท าลายภูเขาซางหมางทิ้งให้
จงได้ แล้วตนเองอาศัยสิ่งใดท าให้คิดว่าจะสามารถ
ควบคุมเอาไว้ได้กัน เกรงว่าถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ไม่书呆子
สามารถเป็นผู้ช่วยของตนเองได้ จะกลับกลายเป็นการชัก
น้ าเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านแทน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เหลยเถิง
เฟิงจึงเหงื่อเย็นไหลโทรมกายอย่างอดไม่ได้ ละอายใจใน
สิ่งที่เสด็จพ่อกล่าวว่าตนเองขาดประสบการณ์นั้นเป็น
เรื่องจริงเงียบๆ
“ขอบคุณคุณชายที่กล่าวเตือน” เหลยเถิงเฟิงเอ่ย
ขอบคุณเสียงขรึม
เมื่อได้ยินเหลยเถิงเฟิงเอ่ยเช่นนี้ ตงฟางฮุ่ยก็รู้ว่า
สถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับตนเป็นอย่างมาก “สวีชิงเฉิน
ข้ามีความแค้นลึกซึ้งอันใดกับเจ้า เหตุใดถึงต้องท าร้ายข้า
เช่นนี้?!” คราแรกตงฟางฮุ่ยจ าเป็นต้องท าลายแผนการ
ของตนเองเพราะสวีชิงเฉิน ซึ่งท าให้ม่อจิ่งหลีได้รับความ
ไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง จะกล่าวว่าในนั้นไม่มีการเล่นงาน
จากสวีชิงเฉิน ตงฟางฮุ่ยไม่มีทางเชื่อแม้แต่น้อย หลังจาก
นั้นสวีชิงเฉินก็ลงมาทางใต้ด้วยตนเอง ให้ความช่วยเหลือ书呆子
กองทัพแคว้นซีหลิงท าลายค่ายกลที่ปกป้องภูเขาซาง
หมางเอาไว้ สร้างความเสียหายให้กับภูเขาซางหมางจน
ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ มาครานี้สวีชิงเฉินเอ่ยออกมา
เพียงแค่ประโยคเดียวก็ปิดกั้นโอกาสในการรอดชีวิตของ
ตนเองอีก สามารถกล่าวได้ว่า ภูเขาซางหมางพ่ายแพ้ใน
เงื้อมมือของสวีชิงเฉินแต่เพียงผู้เดียว ตงฟางฮุ่ยอยากจะ
ถามประโยคหนึ่งจริงๆว่า ภูเขาซางหมางกับตัวนาง ตง
ฟางฮุ่ยมีความแค้นอันใดกับสวีชิงเฉินในชาติที่แล้วหรือ
สวีชิงเฉินยิ้มไม่ใส่ใจ พลางเอ่ยว่า “ฮูหยินคิดมาก
ไปแล้ว ไร้ซึ่งความแค้นใดๆ เพียงแค่จุดยืนต่างกันเท่า
นั้นเอง”
การมีชีวิตอยู่ของตงฟางฮุ่ยถือเป็นภัยคุมคามอย่าง
หนึ่งต่อต าหนักติ้งอ๋อง เหตุใดจะต้องเหลือเอาไว้ให้เป็น
เสี้ยนหนามแอบแฝงทั้งๆ ที่สามารถก าจัดทิ้งได้กัน?书呆子
วาจาที่กล่าวหลีกเลี่ยงปัญหาส าคัญเช่นนี้ ท าให้ตง
ฟางฮุ่ยมีโทสะจนนัยน์ตาแดงก่ า นางจ้องไปทางสวีชิงเฉิน
ตงฟางฮุ่ยขยับริมฝีปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ได้
ยินเพียงเสียงดังสวบ ตามด้วยแสงสีเงินพาดผ่านกลาง
อากาศ ทรวงอกของตงฟางฮุ่ยพลันมีหยดโลหิตสีสด
ปรากฏขึ้นในทันที ตงฟางฮุ่ยก้มศีรษะลง จ้องมองลูกธนู
แหลมคมที่ทะลุจากทรวงอกด้านหลังมายังด้านหน้า
ภายใต้แสงอาทิตย์ ลูกธนูแหลมคมสีเงินยังเปรอะเปื้อน
ไปด้วยโลหิตสีแดงสดของตงฟางฮุ่ย เผยให้เห็นความ
โหดเหี้ยมของลูกธนูที่แหลมคม
“เพราะ…เพราะเหตุใด?” ตงฟางฮุ่ยก้มศีรษะ แวว
ตาเบื้องลึกเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความไม่ยินยอม
และความมึนงง
เสียงราบเรียบของสวีชิงเฉินลอยมา “แม้ว่าข้าน้อย
จะไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่ฮูหยินก็น่าจะทราบว่า ตนเอง书呆子
ไม่มีทางไปจากที่แห่งนี้ได้แน่นอน ส าหรับฮูหยิน ความ
จริงแล้วเจ็บปวดยิ่งกว่าการสิ้นชีพในมือของกองทัพ
แคว้นซีหลิงอีกสินะ?”
ตงฟางฮุ่ยเหยียดริมฝีปาก คล้ายกับอยากจะฉีกยิ้ม
แต่น่าเสียดายที่นางไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว สีสัน
เบื้องหน้าค่อยๆ จางหายไป ในที่สุดก็กลายเป็นมืดสนิท
ไร้ซึ่งแสงสว่าง
เหลยเถิงเฟิงและสวีชิงเฉินยืนเคียงไหล่มองไปยัง
สตรีที่นอนจมกองโลหิต เนิ่นนานถึงได้ถอนหายใจออกมา
พลางเอ่ยว่า “ความเมตตาของคุณชายชิงเฉินนั้น…ท าให้
ไร้วาสนาที่จะมีความสุขจริงๆ มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ได้
ไม่เลวเลย…พิษที่เลวร้ายที่สุดคือจิตใจของสตรี…”
สวีชิงเฉินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า
“ในเมื่อเรื่องภูเขาซางหมางเรียบร้อย ข้าน้อยก็ต้อง
กลับไปยังเมืองหลีแล้ว รุ่ยจวิ้นอ๋องโปรดกล่าวลาเจิ้น书呆子
หนานอ๋องแทนข้าน้อยด้วย” เหลยเถิงเฟิงสะดุ้งตกใจ
“คุณชาย…จะจากไปแล้วหรือ?”
สวีชิงเฉินเอ่ยยิ้มๆ “เรื่องไม่เป็นเรื่องในแต่ละวัน
ตามติดกาย ไม่มีเวลาว่างร่อนเร่ไปทั่วจริงๆ”
เหลยเถิงเฟิงต่อสู้ในใจอยู่ครู่หนึ่งว่า จะกักตัวสวีชิง
เฉินไว้ดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสบายตาของชายผู้นี้
และองครักษ์ทรงพลังน่าหวาดกลัวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
แล้ว เหลยเถิงเฟิงก็ตัดใจล้มเลิกแผนการนี้ไป ประคองมือ
คารวะ พลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้น ข้าน้อยคงไม่ได้ไปส่ง
คุณชายแล้ว”
สวีชิงเฉินเอ่ยยิ้มๆ ว่า “รุ่ยจวิ้นอ๋องไม่จ าเป็นต้อง
เกรงใจ ลาก่อน”
เจียงหนาน จวนผู้ส าเร็จราชการ书呆子
ภายในห้องที่ค่อนข้างหนาวเย็นมืดสลัว ตงฟางโยว
นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องนั้นอย่างโดดเดี่ยว ถ้าหากมีคนอยู่
ข้างๆ คงจะต้องเห็นความแดงช้ าของนัยน์ตาคู่งามหยาด
เยิ้มของนางในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งผ่านการร้องไห้
มาอย่างหนักหน่วง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความห่อ
เหี่ยวใจ ความหวาดวิตก และยังเจือไปด้วยความ
โหดเหี้ยมและความเฉียบขาดเล็กน้อย
“ก๊อกๆ…” เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกครู่
หนึ่ง ตงฟางโยวสะดุ้งตกใจ รีบลุกขึ้นยืน จ้องมองไปที่
นอกประตู “ใครน่ะ?”
“คุณหนู…ฮูหยิน ฮูหยิน…” เสียงร้อนรนดังลอยมา
จากนอกประตู ตงฟางฮุ่ยตกใจ รีบก้าวเท้าพุ่งไปเปิด
ประตูอย่างรวดเร็ว “ฮูหยินเป็นอันใดหรือ” สตรีที่อยู่
หน้าประตูเอ่ยด้วยใบหน้าที่มีน้ าตาคลอหน่วย “ฮูหยินถูก书呆子
เหลยเถิงเฟิงและสวีชิงเฉินฆ่าตายที่ริมแม่น้ าอวิ๋นหลันเจ้า
ค่ะ ยังมีภูเขาซางหมาง…ภูเขาซางหมางจบสิ้นแล้ว…”
[1] ยกขึ้นได้และวางลงได้ หมายถึง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องเลือก ก็กล้าที่จะตัดสินใจและลงมือ
ท าอย่างเฉียบขาด ทั้งยังมีความสามารถในการจัดการด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป
และรู้ว่าควรจะปล่อยมือ ก็สามารถปล่อยได้