ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 366-2 กลยุทธ์ที่ใสสะอำด คนเลว
ฉินเฟิงเห็นแม่ทัพซุนมีสีหน้าซับซ้อน ท่าทางคล้าย
ยินดีคล้ายโศกเศร้าก็อมยิ้มเอ่ยว่า “แม่ทัพซุนไม่ต้องเก็บ
มาใส่ใจ ก่อนหน้านี้พระชายาเคยบอกไปแล้วว่า เมืองลั่ว
โจวตีง่ายปกป้องยาก หากว่าด้วยเรื่องประโยชน์ทาง
การทหารแล้วไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต่าง
สามารถโจมตีได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ตอนที่ลั่วโจวหลุด
มือไปในครานั้นจึงมิใช่ความผิดของท่านแม่ทัพเช่นกัน”
ซุนเย่าอู่พิงอยู่กับป้อมปราการ ฟังสิ่งที่ฉินเฟิงกล่าว
แล้วก็พลันร้องไห้เสียงดังออกมาอย่างอดไม่ได้ ความจริง
เขาเองก็รู้ว่าการเสียเมืองลั่วโจวเป็นเรื่องที่ลิขิตไว้แล้ว
แต่ในฐานะแม่ทัพนายกอง การเสียเมืองที่ตนรักษาการณ์
อยู่ น ามาซึ่งการล้มตายของเหล่าพลเมืองลั่วโจวอย่างนับ
ไม่ถ้วน คนอื่นคิดอย่างไรนั้นเขาไม่รู้ แต่เขากลับเอาชนะ
บาดแผลในใจนี้ของตนไม่ได้ หากไม่ได้เจอกองทัพตระกูล书呆子
ม่อกับพระชายาติ้งอ๋อง เกรงว่าหากเขาไม่ทุกข์ใจจนตาย
เสียใจไปชั่วชีวิต ก็คงได้กลายเป็นโจรผู้ร้ายอย่างไร้ซึ่ง
ทางเลือกอื่นแล้ว และด้วยเหตุนี้เช่นกัน ซุนเย่าอู่จึงได้ทั้ง
เคารพย าเกรงทั้งเชื่อฟังเยี่ยหลีเป็นพิเศษ ไม่เพียง
เพราะเยี่ยหลีให้ความไว้วางใจต่อตนเท่านั้น แต่ยัง
เพราะเยี่ยหลีให้ความหวังและชีวิตใหม่แก่เขา
ฉินเฟิงมองซุนเย่าอู่อย่างเงียบสงบ ทั้งยังไม่เข้าไป
ปลอบ พระชายาพูดถูก แม้ว่าซุนเย่าอู่จะไม่รอบคอบใน
เรื่องจุกจิกเท่าใดนัก แต่เขากลับเป็นแม่ทัพที่มีคุณธรรม
อย่างหาได้ยากยิ่งนายหนึ่ง
จนกระทั่งซุนเย่าอู่ได้ระบายความอัดอั้นออกไป
และปรับอารมณ์ให้คงเดิมแล้ว ฉินเฟิงจึงเข้าไปตบบ่าเขา
ยิ้มเอ่ยว่า “เอาล่ะ ร้องพอแล้วก็ลุกขึ้นเถิด สงครามต่อ
จากนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น”书呆子
ชายชาติทหารนายหนึ่งร้องไห้จนเสียมาดต่อหน้า
คนอื่นเช่นนี้ ซุนเย่าอู่จึงรู้สึกอายขึ้นมา เขาเช็ดน้ าตา
ลวกๆ แล้วบังคับตัวเองให้ไม่สนใจสีหน้าคล้ายยิ้มคล้าย
ไม่ยิ้มของฉินเฟิงพลางเอ่ยว่า “ข้าเหล่าซุนคิดว่ายามปกติ
ตัวเองใจกล้าอยู่ไม่น้อย แต่แผนการนี้ของพระชายาจะไม่
เสี่ยงเกินไปหน่อยรึ เกิดเฮ่อเหลียนเผิงนั่นไม่ตก
หลุมพราง ไม่มาช่วยเมืองลั่วโจวแล้ว เช่นนั้นทางด้าน
พระชายาคงแย่แน่”
ฉินเฟิงลูบคางครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “พระชายาบอก
ว่าเฮ่อเหลียนเผิงต้องมาแน่นอน”
“เพราะเหตุใดกัน พระชายาเคยบอกว่าที่แห่งนี้ไร้
ซึ่งประโยชน์ในการเป็นจุดยุทธศาสตร์นี่” ซุนเย่าอู่เอ่ย
ฉินเฟิงยิ้มเอ่ยว่า “ต่อให้เป็นเช่นนั้น เรายืนอยู่ที่
เมืองลั่วโจวก็เท่ากับได้ตอกตะปูใส่หลังของเฮ่อเหลียนเผิง
แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น…พระชายาบอกว่าเขาไม่อาจเสียหน้า书呆子
ได้ ดังนั้น เขาต้องมาแน่นอน” แรกเริ่มเดิมทีเฮ่อเหลียน
เผิงก็ท้าทายยั่วยุพระชายาติ้งอ๋องหลายต่อหลายครั้ง เห็น
ได้ชัดว่าเขาเป็นคนหยิ่งทระนงในตนเองอย่างมาก ยิ่งไม่
อาจยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่อาจ
ให้ดินแดนที่ตนควบคุมอยู่รวมถึงดินแดนผืนนี้ถูกทหาร
ตระกูลม่อแย่งไปยึดครองแน่ ที่ส าคัญกว่านั้นคือการถูก
แย่งคืนไปจากมือของเขา
ซุนเย่าอู่ทึ้งศีรษะแล้วพยักหน้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะ
มีเหตุผลอยู่บ้าง”
ฉินเฟิงยิ้มเอ่ยว่า “แม่ทัพซุนเตรียมตัวปกป้องเมือง
ดีกว่า พอทหารก าลังเสริมของเป่ยหรงมาแล้ว ทางด้าน
เราก็จะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น” ซุนเม่าอู่พยักหน้า
ด้วยความเคร่งขรึม เอ่ยว่า “วางใจเถิด ข้าไม่ให้ชาวเป่ย
หรงชิงเมืองลั่วโจวไปจากมือข้าอีกคราแน่นอน”书呆子
ข่าวคราวที่ลั่วโจวถูกกองทัพตระกูลม่อยึดครอง
ย่อมแพร่สะพัดไปถึงค่ายใหญ่ของเฮ่อเหลียนเผิงอย่าง
รวดเร็ว แม่ทัพใต้ปกครองต่างเสนอให้รีบออกทัพไปชิงลั่ว
โจวกลับคืนมา ตั้งแต่เหล่าทหารเป่ยหลงเหล่านี้เข้าจง
หยวนมาก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน แม้ว่าตั้งแต่ได้ปะทะกับ
กองทัพตระกูลม่อเมื่อปีที่แล้วเป็นต้นมาจะไม่ได้ก้าวหน้า
เท่าใดนัก ทว่าโดยรวมกลับไม่ได้เสียหาย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งทหารในค่ายใหญ่ระแวกภูเขาหลิงจิ้วยิ่งไม่เคย
ปะทะกับกองก าลังหลักของกองทัพตระกูลม่อมาก่อน จึง
ค่อยๆ มีความรู้สึกว่ากองทัพตระกูลม่อก็ไม่คณามือ
เท่าใดนักโดยไม่รู้ตัว ยามนี้ได้ยินว่าเมืองลั่วโจวที่ถูกพวก
ตนยึดครองเอาไว้ได้ถูกกองทัพตระกูลม่อโจมตีคืนโดย
ไม่ให้ซุ่มให้เสียง จะให้ทนได้อย่างไร ย่อมต่างพากันกู่ร้อง
ต้องการแย่งชิงลั่วโจวกลับคืนมาให้ได้อย่างแน่นอน书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงกลับไม่เป็นเดือดเป็นร้อน แม้ว่าการ
ที่จู่ๆ ทหารตระกูลม่อก็โจมตีเมืองลั่วโจวอย่างฉับพลันนั้น
จะท าให้เขาคาดไม่ถึงอยู่บ้าง แต่หลายวันมานี้ที่ได้ปะทะ
กับกองทัพตระกูลม่อก็ท าให้เขากลายเป็นคนระมัดระวัง
รอบคอบขึ้นมาไม่น้อย
“คิดจะชิงเมืองลั่วโจวคืนมา เราจะท าเมื่อใดก็ได้
แต่ว่า เหตุใดเยี่ยหลีจึงโจมตีลั่วโจวในยามนี้ด้วยเล่า เมือง
ลั่วโจวห่างจากภูเขาหลิงจิ้วอยู่ไม่น้อย ต่อให้นางโจมตีมา
ได้ก็ไม่อาจเชื่อมต่อกับดินแดนที่นางเฝ้ารักษาการณ์ให้
เป็นปึกแผ่นได้ กลับกัน นางยังต้องจัดคนให้เฝ้าระวังมาก
ขึ้น ตามหลักการแล้ว เยี่ยหลีไม่อาจท าการตัดสินใจที่โง่
เขลาเยี่ยงนี้ได้” เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยเสียงขรึม
รองแม่ทัพนายหนึ่งเบ้ปากอย่างไม่แยแส เอ่ยว่า
“พระชายาติ้งอ๋องนางนั้นเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง ไหนเลย书呆子
จะท าสงครามเป็น แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่อาจให้กองก าลัง
ตระกูลม่อมาดูถูกทหารกล้าเป่ยหรงอย่างข้าได้”
เฮ่อเหลียนเผิงสายตาเป็นประกายบางเบา ริม
ฝีปากแย้มออกเป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็น
เช่นนี้ ให้รองแม่ทัพฉาน าทหารออกหน้าไปชิงเมืองลั่ว
โจวกลับมาดีหรือไม่”
รองแม่ทัพคนนั้นรับบัญชาทันที เอ่ยว่า “ข้ารับรอง
ว่าก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ จะต้องชิงลั่วโจวกลับคืนมาได้แน่
ขอรับ”
เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยเสียงเรียบด้วยท่าทางนิ่งเฉยว่า
“รอเจ้าชิงกลับคืนมาได้ค่อยว่ากัน ถึงเวลานั้นข้าจะไปทูล
ขอบ าเหน็จจากฝ่าบาทให้เจ้าเอง” รองแม่ทัพผู้นั้นแม้ว่า
จะนิสัยใจกล้าบ้าระห่ า แต่ก็ยังฟังออกว่าเฮ่อเหลียนเผิง
ไม่คิดว่าตนจะท าได้ จึงตกตะลึงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แต่
กระนั้นก็ยังคงรับบัญชาแล้วเดินออกไป书呆子
จนกระทั่งรองแม่ทัพคนนั้นจากไปแล้ว เฮ่อเหลียน
เผิงจึงได้กวาดตามองทุกคนเบื้องล่างและเอ่ยเสียงเย็นชา
ว่า “รีบไปสืบมาให้ข้าชัดๆ ว่าเยี่ยหลีอยู่ที่ใดกันแน่!” คน
อื่นๆ ต่างพากันตะลึง มีคนหนึ่งเดินเข้าไปเอ่ยถามว่า
“ท่านแม่ทัพก าลังสงสัยว่าพระชายาติ้งอ๋องโจมตีเมืองลั่ว
โจวเพราะมีแผนการซ่อนอยู่อย่างนั้นหรือ” แม้เฮ่อ
เหลียนเผิงจะเพิ่งมาได้ไม่นาน ซ้ ายังได้รับค าสั่งโดยตรง
จากเยียหลี่ว์เหยี่ยให้มารับช่วงดูแลค่ายทหารใหญ่ในเขต
ภูเขาหลิงจิ้ว ทว่าวิธีการอันเด็ดเดี่ยวดุดันของเขากลับท า
ให้แม่ทัพจ านวนไม่น้อยเคารพย าเกรงอย่างมาก ไม่มีใคร
กล้าดูถูกที่เขาอายุยังน้อยแต่ไม่เคยน าทัพออกศึกกันสัก
คน
เฮ่อเหลียนเผิงพยักหน้าเอ่ยว่า “ถูกต้อง โจมตี
สถานที่ที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อย่างลวกๆ เช่นนี้ ไม่สม
กับเป็นเยี่ยหลีเลย”书呆子
แม่ทัพนายอื่นๆ ต่างไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าใดนัก
เหตุใดพวกเขาจะไม่รู้ถึงลักษณะพฤติกรรมของพระชายา
ติ้งอ๋อง แต่ค าสั่งของเฮ่อเหลียนเผิงกลับไม่อาจละเมิดได้
ทุกคนจึงรีบรับค าสั่งแล้วออกไปจัดการ
“เล่ห์อุบายซ่อนเร้นรึ แผนนี้ของข้าเป็นกลยุทธ์ที่ใส
สะอาดยิ่งต่างหาก” นอกค่ายใหญ่ ณ ภูเขาหลิงจิ้ว เยี่ย
หลีกดสายตามองลงไปยังภูเขาธาราที่ทอดยาวเป็นหมื่นลี้
พลางอมยิ้มเอ่ยขึ้น ด้านหลังนางมีจั๋วจิ้งกับหลินหานยืน
อยู่ รวมถึงโจวหมิ่นที่เฝ้ารักษาการณ์ที่ภูเขาหลิงจิ้วด้วย
โจวหมิ่นเอ่ยถามด้วยความฉงนว่า “พระชายา เฮ่อ
เหลียนเผิงจะตกหลุมพรางจริงๆ หรือขอรับ”
เยี่ยหลียิ้มบางเอ่ยว่า “นี่มิใช่เรื่องที่เราต้องสนใจว่า
เฮ่อเหลียนเผิงจะตกหลุมพรางหรือไม่ ต่อให้เขารู้ถึงความ
ไม่ชอบมาพากล…เขาก็ท าได้แค่เดินตามแผนการที่เรา书呆子
วางเอาไว้ มิฉะนั้นแล้ว เขาก็เตรียมตัวยกคูเมืองทั้งสาม
ในระแวกเขาหลิงจิ้วมาให้เราได้เลย”
โจวหมิ่นไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า
“พระชายาให้แม่ทัพซุนชิงเมืองลั่วโจวคืนมา แล้วยังส่ง
แม่ทัพเหอไปชิงเมืองฮุ่ยคืนมาอีก ต่อให้เฮ่อเหลียนเผิงหัก
ใจทิ้งลั่วโจวไปได้ แต่คงตัดใจทิ้งเมืองฮุ่ยไปไม่ได้ เขาต้อง
ส่งก าลังเสริมไปช่วยแน่ แต่ว่า…เช่นนี้แล้ว เฮ่อเหลียนเผิง
ก็จะต้องรู้ว่าทหารในกองทัพของข้าไม่เหลือหลอ เกิดเขา
…”
เยี่ยหลีหันกลับมามองโจวหมิ่น นางถอนหายใจ
ออกมาอย่างจนใจ เอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องดู
แม่ทัพโจวแล้ว” กองก าลังตระกูลม่อมีไม่มากทว่าก็เป็น
จุดบกพร่องที่เห็นได้ชัดเจน นับๆ ดูแล้ว ยามนี้ในค่าย
ใหญ่ภูเขาหลิงจิ้วก็มีมากกว่าสามแสนนาย แม้ว่าทหารใน
มือเหอซู่จะนับว่าไม่เลวเมื่อเทียบกับของแม่ทัพอื่นๆ书呆子
จากต้าฉู่ ทว่าหากสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งล่ะก็ คงไม่อาจเอาไป
เทียบกับเป่ยหรงได้อยู่ดี แต่นี่ก็ไม่อาจโทษเหอซู่ได้