ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 366-4 กลยุทธ์ที่ใสสะอำด คนเลว
ทหารหนุ่มเห็นสตรีอาภรณ์ขาวเบื้องหน้าท าแผล
ให้กับตนก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่กลับเห็นพระชายา
ท่าทางคล่องแคล่ว เพียงไม่นานก็ใส่ยาเรียบร้อย ฝีมือ
การพันแผลดีกว่าหมอในกองทัพที่เขาเคยเห็นอยู่มาก จึง
มองนางด้วยสีหน้าตะลึงงัน เยี่ยหลีเห็นดังนั้นก็ยิ้มบางๆ
แล้วเอ่ยว่า “เจ้าอายุเท่าใดหรือ กลัวหรือไม่”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าเอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่พ่ะย่ะ
ค่ะ” ความจริงแล้วเขายังมีความกลัวอยู่บ้าง ทว่าพระ
ชายาที่เป็นสตรียังไม่กลัว เขาที่เป็นชายอกสามศอกจะมา
กลัวได้อย่างไร
เยี่ยหลียื่นมือไปตบบ่าเขาแล้วเอ่ยว่า “พักผ่อนเสีย
กลับไปยังมีศึกหนักที่ต้องร่วมรบอีก” นางลุกขึ้นยืน หัน
ไปเอ่ยกับหลินหานว่า “ภายในค่ายไม่ได้ขาดแคลนยาท า
แผล ให้หมอทหารแจกจ่ายยาท าแผลให้กับทหารด้วย书呆子
ส่วนทหารที่บาดเจ็บไม่หนักก็ให้พวกเขาช่วยกันท าแผล
ใส่ยาให้กันเสีย”
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา” หลินหานพยักหน้าแล้วคว้า
ทหารที่ผ่านมานายหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ให้ไปถ่ายทอดค าสั่ง
จากนั้นก็เดินตามเยี่ยหลีไปต่อ เห็นเขาเป็นเช่นนี้แล้ว เยี่ย
หลีก็เอ่ยขึ้นมาอย่างจนใจ “ในค่ายทหารของข้าไม่มี
อันตรายใดหรอก เจ้าไม่ต้องติดตามข้าไปทุกที่ก็ได้”
หลินหานส่ายหน้าเอ่ยว่า “ท่านอ๋องก าชับไว้ว่าข้าง
กายพระชายาไม่อาจไร้คนคุ้มกันได้”
เยี่ยหลีรู้ดีว่าโน้มน้าวเขาไม่ส าเร็จ จึงจ าต้องปล่อย
ให้เขาท าตามใจ ในขณะที่ก าลังจะหันหลังจากไปนั้นกลับ
ได้ยินเสียงครวญครางที่ร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาจากที่
ไม่ไกลมากนัก เยี่ยหลีขมวดคิ้วมุ่น นางหันหลังเดินไปยัง
ที่ตรงนั้น ทว่าภายในเพิงธรรมดาที่ใช้รองรับผู้บาดเจ็บ
นั้น มีหมอสองนายก าลังล้อมทหารหนุ่มคนหนึ่งท่าทาง书呆子
ราวกับก าลังปรึกษาอะไรกันอยู่ เสียงครวญครางเมื่อครู่
ดังออกมาจากปากของทหารหนุ่มผู้นั้นนั่นเอง
ความจริงแล้วสนามรบในยุคโบราณทารุณโหดร้าย
ยิ่งกว่าชาติที่แล้วของนางมาก ภายในสนามรบย่อมไม่มี
หมอเฉพาะทาง หรือพยาบาลที่คอยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
อะไรท านองนั้น คนที่บาดเจ็บหนักปกติแล้วต่างหนีความ
ตายในสนามรบไปไม่พ้น บางครั้งโชคดี หลังสิ้นสุด
สงครามแล้วยังมีชีวิตรอด คนที่ไม่ถูกศัตรูสังหารตายจึง
จะถูกคนฝ่ายตนลากกลับมา แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่
จ านวนการเสียชีวิตของผู้บาดเจ็บสาหัสที่ช่วยกลับมาก็สูง
จนน่าตกใจ และด้วยเหตุนี้ จ านวนคนพิการในสนามรบ
จึงมีไม่มาก
“อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรรึ” เยี่ยหลีเอ่ยถาม
เสียงเบา书呆子
หมอทั้งสองนายหันหลังกลับไปหา รายงานอย่าง
จนใจว่า “หัวธนูฝังเข้าไปในกระดูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า
จะ…” ดึงหัวธนูออกมาไม่ได้ แม้ว่าจะบาดเจ็บบริเวณขา
แต่ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องตายด้วยสาเหตุปากแผลเป็นหนอง
และอื่นๆ อีกเป็นแน่
เยี่ยหลีก้มหน้ามองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง
บาดแผลมีความเขียวช้ า เริ่มมีรอยหนองขึ้นมาบ้างแล้ว
ในแววตาของเด็กคนนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและ
ทรมาน เยี่ยหลีจิตใจหม่นหมองลง นางครุ่นคิดแล้วเอ่ย
ถามว่า “ตัดทิ้งได้หรือไม่”
“ตัดขาทิ้งหรือพ่ะย่ะค่ะ” หมอทั้งสองตกตะลึง ไม่
นานก็เข้าใจในสิ่งที่เยี่ยหลีบอก เขาเอ่ยอย่างล าบากใจว่า
“หากตัดขาทิ้งไป…บางทีอาจมีโอกาสรอด ขอเพียงภาย
หน้าปากแผลไม่เป็นหนองก็น่าจะไม่มีปัญหาอันใด แต่ว่า
แต่ว่า…” เรื่องเช่นนี้กลับไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถจะท า书呆子
ได้ แม้พวกเขาจะเป็นหมอ แต่ไม่เคยท าเรื่องแบบนี้มา
ก่อนเลย ส่วนหมออาวุโสผู้มีประสบการณ์อีกท่านที่อยู่
ภายในค่ายแต่เดิมนั้น เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้กลับล้มป่วย
หนักจากความเหนื่อยล้าจนลุกไม่ไหว จึงถูกส่งตัวไปยัง
ด่านเฟยหงแล้ว
เยี่ยหลีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้า
เอง”
“พระชายา!” ไม่เพียงแต่หมอทั้งสองนายนั้น
ขนาดหลินหานยังตกใจไปด้วย
เยี่ยหลีเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่ต้องกังวลไป ข้าท า
ได้” ชาติที่แล้วนางเป็นหน่วยรบพิเศษ ย่อมเคยเรียนการ
ปฐมพยาบาลในสนามรบมา ไม่เพียงแต่การให้ความ
ช่วยเหลือบาดแผลภายนอกอย่างง่ายเท่านั้น กระทั่งการ
ผ่าตัดภายในสนามรบก็เคยท ามาแล้ว และบังเอิญว่าการ
ตัดขาก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดพอดี书呆子
หมอทั้งสองยังคงลังเลกันอยู่เล็กน้อย แม้พวกเขา
จะช่วยผู้บาดเจ็บรายนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจมองพระชายาลง
มือได้เช่นกัน ยามนี้ผู้บาดเจ็บรายนี้อาจจะยังพอมีชีวิต
ต่อไปได้สักสองสามวัน หากให้พระชายามาจัดการล่ะก็
ไม่แน่ว่าอาจจะเสียชีวิตคาที่เลยก็ได้
เยี่ยหลีเดินไปหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มคนนั้น เอ่ย
เสียงเบาว่า “ข้าจะตัดขาที่ถูกธนูยิงของเจ้าทิ้ง ไม่ต้อง
กลัวนะ”
แววตาของเด็กหนุ่มฉายประกายหวาดกลัว คิด
อยากจะส่ายหน้าด้วยความยากล าบาก ทว่าความ
เจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมาจากท่อนขากลับท าให้เขาพูดไม่
ออกแม้ครึ่งค า เยี่ยหลีมองเขาพลางเอ่ยเสียงขรึม “ชีวิต
ส าคัญกว่าขาเพียงข้างเดียว เป็นถึงขนาดนี้แล้ว หรือเจ้า
ไม่กล้าแม้กระทั่งเดิมพัน จะทิ้งชีวิตเจ้าไปเช่นนี้รึ มีคนใน
ครอบครัวของเจ้า…รอให้เจ้ากลับไปอยู่หรือไม่”书呆子
เด็กหนุ่มแววตาคล้ายเหม่อลอย ราวกับก าลังคิดถึง
บางอย่างอยู่ สายตาปรากฏความหวังและโกรธเคือง
ออกมาอย่างเชื่องช้า เยี่ยหลีเอ่ยเสียงเบาว่า “หากเจ้า
อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อล่ะก็ ต้องพยายามเข้าไว้ ถึงแม้
จะต้องอดทนฝืนไว้จนถึงช่วงสุดท้ายก็ตาม”
ในที่สุดเด็กหนุ่มคนนั้นก็พยักหน้า แม้ว่าสายตาจะ
ยังคงมีความหวาดกลัวอยู่ แต่ไม่ตื่นตระหนกอีกแล้ว เยี่ย
หลีจึงลุกขึ้น เอ่ยสั่งหมอทั้งสองข้างกายว่า “ไปเตรียมยา
ระงับปวด ยาห้ามเลือด น้ าร้อนที่สะอาด สุราแรง ผ้า
สะอาดและไฟมา” หมอทั้งสองจนปัญญาจึงจ าต้องไป
เตรียมของตามที่เยี่ยหลีสั่ง
จนกระทั่งของที่ต้องการถูกเตรียมจนครบครันแล้ว
เยี่ยหลีจึงหยิบมีดสั้นบางที่ไม่เคยใช้มาเล่มหนึ่ง เช็ดท า
ความสะอาดด้วยสุราแรงเรียบร้อยแล้วจึงเอาไปลนไฟ
จากนั้นเดินไปข้างเตียงของเด็กหนุ่มคนนั้น กรีดมีดลงบน书呆子
ขาตรงต าแหน่งหนึ่ง หมอทั้งสองที่ยืนข้างๆ คอยเป็น
ลูกมือต่างพากันจับจ้องท่าทางของเยี่ยหลีพลางเบิกตาโต
เห็นนางลงมีดอย่างคล่องแคล่วและใจเย็นอย่างมาก
เริ่มแรกอาจจะยังมีไม่คุ้นอยู่บ้าง ทว่าหลังจากครั้งที่สองที่
สามไปดูเหมือนว่าจะค่อยๆ หาสัมผัสนั้นได้แล้ว ดูๆ ไป
นึกไม่ถึงเลยว่าจะประณีตและคล่องแคล่วกว่าหมอทหาร
อาวุโสที่มีประสบการณ์ผู้นั้นเสียอีก
ในขณะที่เยี่ยหลีก าลังยุ่งวุ่นวายอยู่นั้น ด้านนอกก็
พลันมีเสียงกลองศึกดังกึกก้องเข้ามา ไกลออกไปยังมี
เสียงแตรที่มีเฉพาะเป่ยหรงดังขึ้นอีกด้วย เห็นได้ชัดว่า
กองทัพใหญ่ของเป่ยหรงเริ่มเข้าโจมตีแล้ว หลินหานเอ่ย
อย่างกังวลว่า “พระชายา…”
เยี่ยหลีไม่แม้แต่จะเงยหน้า ท่าทางของมือนางไม่มี
หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย นางเอ่ยสั่งว่า “เจ้าไปบอก
โจวหมิ่นว่าให้เขารับหน้าที่บัญชาการทั้งหมด อีกเดี๋ยวข้า书呆子
จะออกไปแล้ว” หลินหานมองผู้บาดเจ็บบนเตียงที่กึ่ง
หลับกึ่งตื่น ในที่สุดก็หันกายเดินออกไป
ในที่สุดเยี่ยหลีก็หยุดมีดในมือลงอย่างรวดเร็ว
เลือกด้ายและยาสมานแผลที่ผ่านการต้มด้วยน้ าร้อน
ด้านข้างอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นจึงพันแผลให้ พอท า
เสร็จทั้งหมด นางจึงเงยหน้าขึ้นพ่นลมออกมาเบาๆ หมอ
ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างมองกันอย่างใจลอยไปนาน
แล้ว เมื่อเห็นเยี่ยหลีเงยหน้ามองตนถึงได้หลุดออกจาก
ภวังค์แล้วเอ่ยว่า “พระชายา…”
เยี่ยหลีวางของในมือลง ล้างมือในกะละมังน้ า
ด้านข้างตนแล้วเอ่ยว่า “ท่านทั้งสองดูแลเขาที ข้าว่าพวก
ท่านคงจะรู้เรื่องยาที่ดับร้อน ล้างพิษ และรักษาการ
อักเสบดีกว่าข้า บาดแผลของเขาไม่อาจโดนน้ าได้ หาก
ระยะนี้ไม่มีปัญหาใด ก็น่าจะปลอดภัยแล้ว ข้าต้องขอตัว
ก่อน”书呆子
“พ่ะย่ะค่ะ น้อมส่งพระชายา พระชายาวางใจได้
พวกข้าน้อยจะดูแลเขาอย่างดีแน่นอน” หมอทั้งสองที่มี
เหงื่อเต็มหน้า พากันเอ่ยรับปาก เยี่ยหลีไม่มีเวลาไปสนใจ
เรื่องอื่นแล้ว นางหันหลังเดินออกจากเพิงไปยังสนามรบ
ต่อทันที
ภายในสนามรบ ไกลออกไปสุดสายตา เฮ่อเหลียน
เผิงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเยี่ยหลี จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาตะเบ็งเสียงเอ่ยว่า “เป็นอันใดไปเล่า พระชายาติ้ง
อ๋องยังคงขวาดกลัวอยู่อีกหรือ นางจากที่นี่ไปนานแล้วใช่
หรือไม่” ขณะที่เขาพูดประโยคนี้ ภายในใจกลับย้อนแย้ง
ยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเขาหวังให้เยี่ยหลีจากไปแล้วหรือหวังว่านาง
จะยังคงอยู่กันแน่
โจวหมิ่นส่งเสียงเฮอะออกมาอย่างเย็นชา เอ่ยเสียง
ขรึมว่า “พระชายาของเราอยู่ที่ไหนแล้วมันเป็นเรื่องที่คน
เป่ยหรงป่าเถื่อนเยี่