ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 366-5 กลยุทธ์ที่ใสสะอำด คนเลว
เฮ่อเหลียนเผิงสีหน้าอึมครึมขึ้นมา เขาหัวเราะเสียง
เย็นชาเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพระชายาติ้งอ๋องผู้โด่งดังไปทั่ว
หล้าจะเป็นสตรียอดเยี่ยมมีความสามารถเสียอีก ที่แท้ก็
เป็นเพียงสตรีขี้ขลาดที่หลบหนีจากแนวรบไปเท่านั้น”
“ข้าคร้านจะเสวนากับเป่ยหรงหยาบช้าเยี่ยงเจ้า
จะรบก็รบมา!” หอกยาวในมือโจวหมิ่นชี้ไปยังเฮ่อเหลียน
เผิงพลางเอ่ยขึ้น
เฮ่อเหลียนเผิงจึงยิ้มเอ่ยว่า “พอดีเลย ข้าสังหาร
เจ้าเสร็จแล้วจะค่อยไปหาตัวพระชายาของพวกเจ้า!
บุก!” พูดจบก็ไม่รอให้กลองศึกดังขึ้น เฮ่อเหลียนเผิงไสม้า
รุดเข้าไปยังเนินเขา ทหารที่ติดตามมาด้านหลังของเขา
เห็นแม่ทัพของตนบุกขึ้นหน้าไปก่อน ย่อมไม่ลังเลที่จะ
ตามเข้าพุ่งสังหารแนวหน้าของทหารตระกูลม่อ书呆子
โจวหมิ่นก็ไม่หลบหลีก เขาส่งเสียงเฮอะออกมา
เบาๆ “ฆ่าให้หมด!”
กองทัพตระกูลม่อทุกคนต่างกู่ร้องอย่างเกรี้ยว
กราด คนที่มีหน้าที่ยิงธนูก็ยิงไป คนที่มีหน้าที่โยนก้อน
หินจากไม้ยักษ์ก็โยนไป พุ่งสังหารกองทัพใหญ่เป่ยหรงกัน
อย่างไร้ความปรานี ที่กองทัพใหญ่เป่ยหรงบุกเข้าโจมตี
ติดต่อกันห้าหกวัน มากน้อยอย่างไรก็พอได้ประสบการณ์
กันไปบ้าง แต่นึกไม่ถึงว่าครานี้จะมีคนไม่น้อยเลยที่หลบ
หลีกห่าธนู ก้อนหินและไม้ที่กลิ้งโจมตีลงมาจากด้านบน
ได้ กองทัพใหญ่ตระกูลม่อพุ่งฝ่าไปโดยไร้ซึ่งความลังเล
ทหารทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน จึงเกิดการเข่นฆ่าโรมรัน
กันขึ้น
เฮ่อเหลียนเผิงใช้วรยุทธอันสูงส่งล้ าลึกของตน
เหาะเหินไปยังโจวหมิ่น พลธนูด้านหน้าเปลี่ยนเป้าหมาย
ยิงเข้าใส่เฮ่อเหลียนเผิงที่อยู่กลางอากาศโดยไม่ลังเล แต่书呆子
ไหนแต่ไรมาหน่วยเฮยอวิ๋นฉีของกองทัพตระกูลม่อขึ้นชื่อ
เรื่องการยิงธนู แม้ว่าจะเป็นเฮ่อเหลียนเผิงก็ไม่กล้าฝืนรับ
เกาทัณฑ์ที่ยิงออกมาพร้อมกันหลายสิบดอกได้ เขาพลิก
ตัวหลบห่าธนูอยู่กลางอากาศ โบกกระบี่ยาวในมือ ปัดลูก
ธนูให้ตกไปเป็นจ านวนมากจึงได้ทะยานลงสู่พื้น
เฮ่อเหลียนเผิงหัวเราะออก เอ่ยว่า “ฝีมือธนูดี ข้า
คงต้องขอค าชี้แนะเรื่องฝีมือธนูของกองทัพตระกูลม่อเสีย
หน่อยแล้ว”
ยังไม่ทันจะพูดจบก็โผทะยานเข้าใส่โจวหมิ่น วิชา
ตัวเบาของเขายอดเยี่ยม ความเร็วก็มีมาก ในชั่วพริบตาก็
มาหยุดอยู่ห่างออกไปหลายจั้งเบื้องหน้าโจวหมิ่น กระบี่
ยาววาดขึ้น พุ่งไปทางพลธนู ไอกระบี่ที่ดุดันและรุนแรง
โถมมาตรงหน้า เหล่าพลธนูมองเห็นสถานการณ์ได้อย่าง
รวดเร็ว พวกเขาจึงต่างพลิกกายหลบ ทว่าก็ยังมีทหาร书呆子
สองนายที่ได้รับบาดเจ็บ เฮ่อเหลียนเผิงกลับไม่สนใจพวก
เขาอีก หันกายพุ่งไปสังหารโจวหมิ่นต่อทันที
ธนูเป็นอาวุธที่เหมาะส าหรับโจมตีระยะไกล ขณะที่
ภัยมาประชิดตัวกลับไร้ประโยชน์ แต่กระนั้นโจวหมิ่นก็ไม่
หวาดกลัว เขายืดหอกยาวออกไป พุ่งแทงไปยังเฮ่อเห
ลียนเผิง เฮ่อเหลียนเผิงยิ้มเอ่ยว่า “แม่ทัพโจว เจ้าน าทัพ
ได้ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่วรยุทธกลับอ่อนด้อยอยู่
เล็กน้อย”
โจวหมิ่นเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “แม่ทัพเฮ่อเหลียนช่าง
พล่ามเหลือเกินนะ”
เฮ่อเหลียนเผิงยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเป็น
เช่นนั้น ก็ให้ข้าชี้แนะเรื่องวรยุทธให้แก่แม่ทัพโจวก็แล้ว
กัน”
โจวหมิ่นเป็นแม่ทัพที่รับค าสั่งมาออกรบ ไม่ใช่ยอด
ฝีมือที่ออกรบต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว เมื่อเทียบเรื่องวรยุทธ书呆子
กับเฮ่อเหลียนเผิงแล้วย่อมเสียเปรียบ ยามนี้เยี่ยหลี เหอซู่
ซุนเย่าอู่ต่างไม่อยู่ การรบเบื้องหน้าจึงต้องพึ่งการบัญชา
จากโจวหมิ่นแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งท าให้เขาไม่อาจรับมือกับ
ศัตรูได้อย่างเต็มที่ ประมือไปไม่กี่เพลงดาบ ฝีมือก็อ่อนลง
อย่างเห็นได้ชัด
เฮ่อเหลียนเผิงอารมณ์ดีอย่างยิ่ง เขากวัดแกว่ง
กระบี่ยาวไปพลาง ยิ้มเอ่ยไปพลาง “แม่ทัพโจว พระ
ชายาติ้งอ๋องไม่อยู่จริงๆ หรือ หากนางไม่อยู่จริงๆ ล่ะก็
วันนี้เจ้าได้ตายแน่แล้ว”
โจวหมิ่นส่งเสียงเฮอะออกมา ไม่ใส่ใจรอยเลือดที่
เปื้อนอยู่บนแขน เขาพุ่งหอกทิ่มไปอีกครั้งหนึ่ง เฮ่อ
เหลียนเผิงกระโดดขึ้นไป “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ช่างน่า
เสียดายจริงๆ…เป่ยหรงของข้ายังไม่มีแม่ทัพอย่างแม่
ทัพโจวเลยสักคน” กระบี่ยาวสะท้อนรังสีแดงก่ าอันเย็น书呆子
ยะเยือกภายใต้แสงตะวันที่สาดส่องลงมา พุ่งตรงไปยัง
ล าคอของโจวหมิ่น
ฟุ่บบบ เงาด าร่างหนึ่งทะยานวาบไป หลินหานสี
หน้าตึงเครียดเคร่งขรึม ยกกระบี่ต้านดาบของเฮ่อเหลียน
เผิงเอาไว้ เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “แม่ทัพเฮ่อเหลียนคิด
อยากจะเห็นฝีมือธนูของกองทัพตระกูลม่อ เหตุใดต้องใจ
ร้อนเพียงนี้เล่า”
เฮ่อเหลียนเผิงตกตะลึง สัมผัสได้ถึงลมแรงที่โหมมา
ทางด้านหลังจึงรีบพลิกกายหลบ ทว่าลูกธนูสีด าลูกหนึ่ง
ก าลังมพุ่งผ่านข้างกายเขาไปพอดี พละก าลังของธนูดอก
นี้แตกต่างจากพลธนูเหล่านั้น แม้ว่าจะยิงไม่ถูกเขา เพียง
แค่ถากแก้มไป แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บบนใบหน้า
“แม่ทัพเฮ่อเหลียนช่างใจร้อนนัก รุดหน้าน าทหาร
มาเช่นนี้ท าเอาข้าคาดไม่ถึงจริงๆ” เยี่ยหลียืนอยู่ไม่ไกล
นัก นางมองเฮ่อเหลียนเผิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย เฮ่อ书呆子
เหลียนเผิงหัวเราะออกมายกใหญ่ มองเยี่ยหลีแล้วเอ่ยว่า
“ที่แท้พระชายาก็ยังอยู่ในกองทัพ เป็นข้าที่เข้าใจพระ
ชายาผิดไปเอง”
เยี่ยหลีเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อ
แม่ทัพมาเยือนแล้วก็อยู่ให้นานสักหน่อย แม่ทัพโจว ท่าน
ไปท าธุระของท่านเถิด” โจวหมิ่นมองเยี่ยหลีกับเฮ่อเห
ลียนเผิงครู่หนึ่ง ทราบดีว่าเขาสอดมือเข้าไปยุ่งอะไรด้วย
ไม่ได้ จึงพยักหน้าแล้วหันหลังจากไป
เฮ่อเหลียนเผิงเลิกคิ้วยิ้มเอ่ยว่า “พระชายาติ้งอ๋อง
คิดจะรั้งให้ข้าอยู่ ย่อมเป็นเกียรติของข้ายิ่งแล้ว”
ยามนี้เยี่ยหลีอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนักจึงไม่พูดคุย
หยอกล้อกับเฮ่อเหลียนเผิงอีก นางเอ่ยเสียงเรียบว่า
“เช่นนี้ก็ดีย่งแล้ว” พอมือขาวโบกวาด ลูกธนูจ านวนหนึ่ง
จากทั่วทุกสารทิศก็พุ่งตรงไปยังเฮ่อเหลียนเผิง เฮ่อ
เหลียนเผิงรีบกระโดดหลบ แกว่งดาบปัดธนูเหล่านั้นที่พุ่ง书呆子
เข้าหาตนให้ตกพื้น แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะปัดทางด้านหน้า
ทิ้งไปก็มีแรงลมพัดโถมเข้ามาหาด้านหลังอีก แม้ว่าเฮ่อ
เหลียนเผิงจะอาศัยวรยุทธที่สูงส่งของตนจึงไม่ถูกยิงโดน
แต่กลับมีสภาพน่าอเนจอนาถอย่างมากภายในชั่ว
พริบตา
“ร้ายกาจนัก!” ก่อนหน้านี้ที่พลธนูยิงลูกธนูสิบกว่า
ดอกเข้าใส่ดั่งห่าฝนไม่ได้ท าให้เฮ่อเหลียนเผิงเกิดความ
เกรงกลัวเลย ทว่ายามนี้ท่ามกลางลูกธนูที่ไม่ได้รวมตัวกัน
มามากมายกลับท าให้เฮ่อเหลียนเผิงมือไม้วุ่นวายไปหมด
“พอดีเลย ท่านแม่ทัพจะได้ลิ้มรสสักหน่อยว่า
หน่วยกิเลนกับหยาจื้อ[1]นั้นแตกต่างกันอย่างไร” เยี่ยหลี
เอ่ยเสียงเรียบ
กว่าเฮ่อเหลียนเผิงจะฝ่าฝนธนูของหน่วยกิเลนมา
ได้ในที่สุด เขากลับถูกต้อนจนออกห่างจากค่ายทหาร
ตระกูลม่อไปหลายสิบจั้งแล้ว เฮ่อเหลียนเผิงมองสตรี书呆子
อาภรณ์ขาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าบุรุษในชุดด ากลุ่มหนึ่งที่อยู่
ไกลๆ พลางถอนใจออกมาอย่างไม่พอใจ “ข้าน้อยเชิญ
พระชายาไปเป็นแขกที่เป่ยหรงด้วยความจริงใจ เหตุใด
พระชายาจ าต้องไร้เยื่อใยเพียงนี้”
[1] หยาจื้อ สัตว์ในต านาน มีรูปร่างคล้ายสุนัขป่ามีเขามังกร ดวงตาถลึงจ้องอย่างดุดัน สองเขาชี้ไป
ด้านหลังแนบสนิทกับแผ่นหลัง นิสัยชอบการต่อสู้ฆ่าฟัน จึงมักถูกแกะสลักอยู่บนอาวุธเพื่อข่มขวัญศัตรู