ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 367-3 เฮ่อเหลียนพ่ำยศึก
“ยามนี้ ข้านึกอิจฉาม่อซิวเหยากับพระชายาขึ้นมา
นิดหน่อยแล้ว” หานหมิงเย่ว์ทอดถอนใจเอ่ยขึ้น
เยี่ยหลีเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง แล้วส่งสายตา
สงสัยไปให้เขา หานหมิงเย่ว์ส่ายหน้าแล้วยิ้มบางไม่กล่าว
ค าใด เยี่ยหลีวางพู่กัน ปิดฎีกาฉบับสุดท้ายลง ยิ้มบางเอ่ย
ว่า “เรื่องบางเรื่องที่ควรลืมเลือน ปล่อยวางมันไปได้ก็
ควรปล่อยวางมันไปเสียจะดีที่สุด หากไม่เดินหน้าต่อ ก็ไม่
มีใครรู้ว่าทิวทัศน์ข้างหน้าจะงดงามยิ่งกว่าตอนนี้
หรือไม่”
“หากลืมไม่ได้ ปล่อยวางไม่ลงเล่า” หานหมิงเย่ว์
เอ่ยขึ้นอย่างเหม่อลอย
เยี่ยหลีครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยว่า “เส้นทางชีวิตของ
มนุษย์ มักจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ ไม่ว่า
จะดีหรือจะร้าย รอจนกระทั่งหลายปีผ่านไปแล้วเจ้ามอง书呆子
ย้อนกลับไป สิ่งที่ถูกสิ่งที่ผิด ความรักความแค้นทั้งหลาย
ก็เป็นเพียงแค่ความทรงจ าอันล้ าค่าในช่วงหนึ่งของชีวิต
เจ้าเท่านั้น มนุษย์ ย่อมมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน มองตรงไป
ยังอนาคต”
เยี่ยหลีเห็นหานหมิงเย่ว์ท่าทางคล้ายก าลังตรึก
ตรองอะไรอยู่จึงถามขึ้นว่า “คุณชายหมิงเย่ว์ในใจคงมี
ความโกรธแค้นอยู่กระมัง ท่านแค้นซูจุ้ยเตี๋ยหรือม่อซิว
เหยากันเล่า” นี่ล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด หานหมิงเย่ว์เดิมที
เป็นคนโปรดของสวรรค์ แต่เพราะสตรีนางหนึ่งที่ท าเป็น
แต่หลอกใช้เขาให้ต้องสูญสิ้นทั้งหมดเพื่อนาง หากว่ายาม
นี้ซูจุ้ยเตี๋ยยังมีชีวิตอยู่ หากว่าสติปัญญาของหานหมิงเย่ว์
อ่อนด้อยกว่านี้สักนิด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเกลียดชังนาง
เข้ากระดูกก็ได้ ส่วนม่อซิวเหยาก็เป็นคนสังหารซูจุ้ยเตี๋ย
ไปในตอนท้าย หลายปีมานี้หานหมิงเย่ว์ก็ถูกลงโทษที่书呆子
ต าหนักติ้งอ๋องมาโดยตลอด หานหมิงเย่ว์จึงอาจจะเอา
ความแค้นนี้ไปลงที่ม่อซิวเหยาแทนก็ได้
หลายปีเพียงนี้แล้ว น้อยนักที่จะมีคนเอ่ยชื่อของซู
จุ้ยเตี๋ยออกมาต่อหน้าหานหมิงเย่ว์ ยามนี้พอมาได้ยินอีก
ครั้ง กลับมีความรู้สึกไม่คุ้นเคยราวกับอยู่คนละโลก เขา
เงียบงันไปเนิ่นนานจึงส่ายหน้า ยิ้มขื่นว่า “บางทีอาจ
เคียดแค้นตัวเองกระมัง”
“ไม่ว่าจะเป็นรักแท้หรือรักผิดล้วนเป็น
ประสบการณ์ของชีวิตอย่างหนึ่ง หากคุณชายหมิงเย่ว์
เดินออกมาจากความรักในครานี้ได้แล้ว แล้วจะไปอาลัย
กับอดีตที่ปล่อยวางไม่ได้พวกนั้นไปไยเล่า สิ่งที่คุณชายยึด
มั่นเอาไว้อยู่คือความรักจริงๆ หรือว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองได้
ทุ่มเทไปกันแน่ พอคนตายไป ความรู้สึกก็จืดจาง คุณชาย
ยังต้องการทุ่มเทอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของตัวเองไปเพื่อ
ความยึดมั่นอาลัยในสิ่งนี้อีกหรือ” เยี่ยหลีเอ่ยเสียงเรียบ书呆子
หานหมิงเย่ว์เงียบลงไปพักใหญ่ จึงได้ลุกขึ้นเอ่ยว่า
“ขอบคุณพระชายาที่ชี้แนะ ข้าขอตัวออกไปเดินเล่นเสีย
หน่อย”
“เชิญคุณชายตามสบาย” เยี่ยหลีไม่บังคับเขา สิ่งที่
นางสามารถพูดได้นางได้พูดไปหมดแล้ว หานหมิงเย่ว์จะ
รับฟังหรือไม่กลับไม่ใช่ขอบเขตที่นางต้องไปครุ่นคิด
อย่างมากก็เหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา ที่มีคนลอบ
สังเกตการณ์เขาเพิ่มมากขึ้น แต่มีหานหมิงซีอยู่ หานหมิง
เย่ว์ก็คงไม่ถึงขนาดก่อเรื่องเดือดร้อนใหญ่โตอะไรขึ้นมา
อีก
อีกด้านหนึ่ง กองทัพใหญ่เป่ยหรงที่อยู่ตีนเขาก็ไม่
เงียบสงบเช่นกัน ระยะนี้เฮ่อเหลียนเผิงพากองทัพ
เดินหน้าบีบคั้นจนตึงเครียด ค่ายทหารของกองทัพใหญ่
เป่ยหรงได้ย้ายมาตั้งอยู่ห่างจากตีนเขาหลิงจิ้วไปไม่ถึงห้า
ลี้แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้โจมตีหลิงจิ้ว แต่ก็ปิดทางเข้าออกทุก书呆子
ทางของภูเขาเอาไว้ทั้งหมด เฮ่อเหลียนเผิงเชื่อว่าเมื่อมี
กองทัพใหญ่หลายแสนนายของตัวเองอยู่ อย่างมากที่สุด
ห้าวันต่อจากนี้ก็จะสามารถโจมตีภูเขาหลิงจิ้วได้ ถึงเวลา
นั้นต่อให้เยี่ยหลีคิดจะพาคนฝ่าวงล้อม ทหารที่เหลืออยู่
แค่ไม่กี่หมื่นนายของนางอย่างไรก็คงฝ่าวงล้อมของทัพ
ใหญ่หลายแสนนายออกมาไม่ได้แน่นอน คิดได้ดังนั้น เฮ่อ
เหลียนเผิงก็รู้สึกว่าหลายวันมานี้กลยุทธ์ของตัวเองที่เสี่ยง
ระดมกองก าลังทั้งหมดมาถล่มโจมตีภูเขาหลิงจิ้วนั้น
ถูกต้องแล้ว ขอเพียงโจมตีภูเขาหลิงจิ้วและจับตัวเยี่ยหลี
มาได้ ต่อให้ลั่วโจวกับเมืองฮุ่ยถูกตีแตกแล้วอย่างไร เหอซู่
กับซุนเย่าอู่ก็ต้องยอมยกคูเมืองทั้งสองคืนมาคืนเพื่อแลก
กับชีวิตของพระชายาอยู่ดี และอาจถึงขั้นใช้นางมา
ต่อรองกับม่อซิวเหยา เกรงว่านี้คงจะเป็นอาวุธวิเศษที่ชี้
ขาดชัยชนะได้ดีทีเดียว书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงอยู่แต่เป่ยหรงมานาน ความจริงแล้ว
ไม่ค่อยทราบเรื่องของต าหนักติ้งอ๋องกับเยี่ยหลีเท่าใดนัก
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจในค าเตือนของเยียหลี่ว์เหยี่ยเลยสัก
นิด และย่อมไม่ทราบถึงสาเหตุที่ผู้มีอ านาจในแต่ละ
แคว้นยอมลงมือกับม่อซิวเหยาโดยตรงแต่ไม่กล้าลงมือ
กับเยี่ยหลี หากสามารถจับตัวพระชายาติ้งอ๋องทั้งเป็นได้
อย่างราบรื่น ย่อมเป็นไพ่ลับที่สุดยอดใบหนึ่งแน่นอน
ทว่าหนึ่งคือพระชายาติ้งอ๋องไม่ใช่คนที่จะให้จับได้ง่ายๆ
เพียงนั้น สองคือไม่จ าเป็นต้องจับเป็นพระชายาติ้งอ๋อง
ตอนแรกเหลยเจิ้นถิงก็ไม่คิดจะเอาชีวิตเยี่ยหลี แต่
เป็นเยี่ยหลีที่ยอมโดดหน้าผาตายดีกว่าให้เขาจับตัวนาง
มาข่มขู่ม่อซิวเหยา หากท าให้พระชายาติ้งอ๋องตายไป
จริงๆ เช่นนั้นเกรงว่าม่อซิวเหยาคงได้เสียสติไปจริงๆ แน่
ยามนั้นต่างหากถึงจะเป็นการสู้รบกันให้ตายไปข้างหนึ่ง
โดยแท้จริงง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากบทเรียนเรื่องที่
เหรินฉีหนิงได้ผ่านประสบการณ์อันโชคร้ายมาแล้ว ผู้มี书呆子
อ านาจแต่ละแคว้นต่างรับรู้กันโดยไม่ต้องพูดออกมา
ยกเว้นว่าจะฆ่าม่อซิวเหยาให้ตาย ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็อย่าได้
ไปก่อเรื่องไม่ดีต่อพระชายาจะดีที่สุด แม้ว่าเยี่ยหลีจะเป็น
คนที่ม่อซิวเหยาใส่ใจที่สุด แต่ก็มิใช่จุดอ่อนของเขาเสมอ
ไป
เฮ่อเหลียนเผิงไม่รู้ถึงความคิดของคนเบื้องบน
เหล่านั้น ดังนั้นแม้จะมีบทเรียนจากกองทัพใหญ่เป่ยหรง
ในวันนั้น แต่เฮ่อเหลียนเผิงก็ยังคงไม่มีความคิดที่จะ
ปล่อยเยี่ยหลีไป เพียงแต่เขาไม่คิดจะใช้วิธีที่เสียเดิมพัน
ทั้งหมดพวกนั้นอีกแล้ว เขาจะเอาชนะเยี่ยหลีอย่างผ่าเผย
ตรงไปตรงมา จับนางมาเป็นเชลยศึก ต่อให้เป็นม่อซิว
เหยาก็ไม่อาจพูดอะไรได้เลยคอยดู
ทว่ายามนี้ สีหน้าของเฮ่อเหลียนเผิงกลับดูไม่สู้ดีนัก
ด้วยเพราะค าสั่งของเยียหลี่ว์เหยี่ยที่เพิ่งจะได้รับจากค่าย
ใหญ่เป่ยหรงเมื่อครู่นี้ ระยะนี้กองทัพใหญ่เป่ยหรงถูกม่อ书呆子
ซิวเหยาตีจนถอยร่นไปไกล เยียหลี่ว์เหยี่ยต้องการให้เขา
รีบทิ้งภูเขาหลิงจิ้วโดยเร็ว แล้วพาทหารไปรวมทัพกับ
กองทัพใหญ่เป่ยหรงเพื่อร่วมกันต้านม่อซิวเหยา แต่เขาที่
เห็นชัยชนะรออยู่ตรงหน้าแล้ว จะให้ถอยร่นไปเช่นนี้ เฮ่อ
เหลียนเผิงจะท าใจทนได้อย่างไร
“ท่านแม่ทัพ ค าสั่งขององค์ชายเจ็ด…” ชายที่มาส่ง
ข่าวถามขึ้น
เฮ่อเหลียนเผิงไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “เจ้า
ไปรายงานฝ่าบาทว่า ไม่เกินสามวันนี้ข้าจะเอาชนะ
ภูเขาหลิงจิ้วแล้วจับกุมพระชายาติ้งอ๋องกลับไปให้ได้ ถึง
เวลานั้นค่อยส่งทหารไปช่วยฝ่าบาท”
ชายที่มาส่งสารได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็พลันดูไม่ได้
ขึ้นมา “แม่ทัพเฮ่อเหลียน นี่เป็นค าสั่งของฝ่าบาท” ไม่ว่า
ค าสั่งของฝ่าบาทจะถูกหรือผิด ทหารต้องปฏิบัติตาม
ค าสั่ง เฮ่อเหลียนเผิงผู้นี้ใจกล้ามากนัก นึกไม่ถึงว่าจะ书呆子
ปฏิเสธค าสั่งของฝ่าบาทโดยที่ไม่ไตร่ตรองอันใดเลย เฮ่อ
เหลียนเผิงเอ่ยว่า “อีกไม่นานข้าก็จะโจมตีเขาหลิงจิ้วมา
ได้แล้ว ให้ถอยทัพยามนี้จะไม่น่าเสียดายรึ เจ้ากลับไป
รายงานฝ่าบาทเสีย ฝ่าบาทต้องเข้าใจแน่”
ชายที่มาส่งสารพลันเดือดดาล เอ่ยอย่างโกรธ
เกรี้ยวว่า “ฝ่าบาทมีหรือจะไม่รู้ว่าแม่ทัพก าลังโจมตี
ภูเขาหลิงจิ้ว แต่ยามนี้ทหารทั้งหมดต่างถอยร่นไป
หมดแล้ว มีเพียงแม่ทัพผู้เดียวที่เดินหน้าต่อไปได้ หากเข้า
สู่พื้นที่ห่างไกลของทหารของต้าฉู่เข้า แม่ทัพที่ตัวคนเดียว
จะมีประโยชน์อันใดอีก” สิ่งที่เขาไม่ได้พูดก็คือ หากไม่ใช่
เพราะเฮ่อเหลียนเผิงรุดหน้าเข้ามาบีบโจมตีเขาหลิงจิ้ว
ติ้งอ๋องจะโจมตีกองทัพใหญ่เป่ยหรงอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้
อย่างไร
เฮ่อเหลียนเผิงสีหน้าอึมครึมอย่างไม่สบอารมณ์
เอ่ยว่า “เจ้าแค่กลับไปรายงานต่อฝ่าบาทตามที่ข้าบอกก็书呆子
พอแล้ว เรื่องการศึกส าคัญเช่นนี้เป็นเรื่องที่ต้องให้คนส่ง
สารต่ าต้อยเยี่ยงเจ้ามาซักถามหรือ”
ชายส่งสารโมโหเลือดขึ้นหน้า รู้ว่าโน้มน้าวเฮ่อ
เหลียนเผิงไม่ได้ จึงท าเพียงส่งเฮอะออกมาค าหนึ่งแล้ว
หันหลังเดินออกจากค่ายทหารไป ควบม้าเร็วกลับไปยัง
ค่ายทหารใหญ่เป่ยหรงเพื่อเข้าเฝ้าเยียหลี่ว์เหยี่ย
แม่ทัพที่นั่งอยู่เห็นคนส่งสารของเยียหลี่ว์เหยี่ยไป
พูดคุยกับเฮ่อเหลียนเผิงสองสามค าก็โมโหออกไปจึงต่าง
กังวลกันขึ้นมา เฮ่อเหลียนเผิงเป็นลูกเลี้ยงของเฮ่อเหลียน
เจิน บางทีอาจจะไม่ต้องโทษอะไร แต่เกิดฝ่าบาท
กล่าวโทษขึ้นมา พวกเขาที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจะ
รับผิดชอบกันไหวหรือ แม่ทัพนายหนึ่งยืนขึ้น ลังเลอยู่ครู่
หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทรีบร้อนเรียกตัว
กลับ คงเพราะต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เราควร
…”书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ในค่ายใหญ่ของ
ฝ่าบาทมีทหารเจ็ดแปดแสนนาย กองทัพตระกูลม่อยังมี
ไม่ถึงห้าแสนนายด้วยซ้ า ข้าว่ารออีกสองสามวันยังรอได้
อยู่ เราต้องรีบโจมตีเขาหลิงจิ้วและจับตัวพระชายาติ้ง
อ๋องมาให้ได้ ฝ่าบาทต้องไม่กล่าวโทษพวกเราแน่ ทั้งจะ
ยิ่งเปรมปรีให้รางวัลพวกเจ้าเสียด้วย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว
ถ่ายทอดค าสั่งข้าออกไป ภายในสามวันนี้ต้องโจมตีเขาห
ลิงจิ้วให้จงได้”