ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 367-4 เฮ่อเหลียนพ่ำยศึก
คนอื่นๆ สบตากันครู่หนึ่ง มีคนเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่า..
ต่อให้เราโจมตีเขาหลิงจิ้วก็ไม่จ าเป็นต้องจับตัวพระชายา
ติ้งอ๋องมาก็ได้นี่ขอรับ หน่วยกิเลนของพระชายาติ้งอ๋อง
ฝีมือร้ายกาจมากนัก แม้ว่าจะสู้ทั้งกองทัพที่มีจ านวนมาก
ไม่ได้ แต่แค่คุ้มกันพระชายาให้หลบหนีไปคงไม่ใช่
ปัญหา” เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ข้า
เป็นคนเดียวที่ออกความเห็นได้ พวกเจ้าแค่โจมตีเขาห
ลิงจิ้วอย่างสุดความสามารถก็พอ”
เฮ่อเหลียนเผิงไม่สนใจความเห็นของคนอื่น เหล่า
แม่ทัพที่นั่งอยู่ ณ ที่นั้นจึงจนปัญญา อย่างไรเสียเฮ่อ
เหลียนเผิงก็ยังเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ เป็นผู้บัญชาการทหาร
ของพวกเขา พวกเขาจึงจ าต้องเชื่อฟังค าสั่งของเขาและ
ไปปฏิบัติตาม เว้นเสียแต่เยียหลี่ว์เหยี่ยจะขับไล่เขาออก
จากต าแหน่ง书呆子
บรรดาแม่ทัพนายกองบนภูเขาหลิงจิ้วต่างสัมผัสได้
ถึงการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจน ราวกับมี
อะไรก าลังบีบคั้นทหารเป่ยหรงที่เดิมทีก็ห้าวหาญชาญชัย
ไม่กลัวตายอยู่แล้วให้จู่โจมเข้าใส่ภูเขาด้านบนอย่างไม่
ลดละ เมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพตระกูลม่อบนเขาจึงมีความ
กดดันมากขึ้นมาไม่น้อย แทบจะต้องป้องกันเฝ้าระวังแนว
รบทั้งวันทั้งคืน ท าเอาไม่ได้พักได้ผ่อนติดต่อกันสิบสองชั่ว
ยาม ทหารมากมายต่างมีความเหนื่อยล้าฉาบบนสีหน้า
เฮ่อเหลียนเผิงเห็นว่าสามวันผ่านไปแล้ว แม้ว่า
ทหารเป่ยหรงเกือบจะฝ่าขึ้นมาถึงแนวสันเขาได้หลายต่อ
หลายครั้ง แต่ก็ยังคงถูกทหารตระกูลม่อที่แข็งขันเด็ด
เดี่ยวขับไล่กลับลงมาทุกครั้งไป จึงโมโหจนสองตาแดงก่ า
เขาจ้องเขม็งไปยังค่ายทหารตระกูลม่อบนสันเขาที่ยังคงมี
ธงทิวโบกพลิ้วด้วยแววตาที่มีไอสังหารแผ่ก าจาย书呆子
“พระชายาติ้งอ๋อง รีบให้คนของท่านยอมแพ้เสีย มิ
เช่นนั้น อย่ามาโทษที่ข้าต้องจุดเพลิงเผาภูเขา!” เสียงของ
เฮ่อเหลียนเผิงที่แฝงไว้ด้วยก าลังภายในดังขึ้นมาจากล่าง
เขา เมื่อกล่าวประโยคนี้จบลง ไม่เพียงแค่ทหารตระกูลม่
อบนภูเขา กระทั่งเหล่าแม่ทัพที่ติดตามเฮ่อเหลียนเผิงอยู่
ด้านหลังก็ยังตกใจ ยามนี้ปลายเดือนเก้าเข้าไปแล้ว เป็น
เวลาที่ทุกสรรพสิ่งก าลังแห้งแข็ง หากเฮ่อเหลียนเผิงจุด
เพลิงเผาภูเขาขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงไม่ใช่แค่ภูเขาหลิงจิ้ว
ที่ต้องเผชิญกับหายนะเท่านั้นแล้ว
บนภูเขา หานหมิงเย่ว์ยืนอยู่ข้างกายเยี่ยหลี เขาอม
ยิ้มมองสตรีที่มีสีหน้าเรียบนิ่งมั่นคงดังเดิมตรงหน้า แล้ว
เอ่ยว่า “พระชายา หากให้เฮ่อเหลียนเผิงจุดเพลิงเผา
ภูเขาจริงๆ เราคงได้ตายกันจริงๆ แน่”
เยี่ยหลียิ้มบางเอ่ยว่า “ด้วยวรยุทธของคุณชายหมิง
เย่ว์ ไฟเผาภูเขาแค่นี้จะท าอันใดคุณชายได้”书呆子
หานหมิงเย่ว์ยิ้มอย่างสบายๆ เขาไม่กังวลจริงดังว่า
ต่อให้เฮ่อเหลียนเผิงจุดเพลิงขึ้น เขาก็น่าจะพาเยี่ยหลีฝ่า
วงล้อมออกไปได้ไม่ยากนัก แต่ว่า เรื่องการศึกมาถึงขั้นนี้
แล้ว หานหมิงเย่ว์ใคร่รู้นักว่าเยี่ยหลีจะคิดแก้ไข
สถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมนี้อย่างไร “พระชายามีวิธี
ท าลายการปิดล้อมของเฮ่อเหลียนเผิงรึ”
เยี่ยหลีส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่มี ทหารทั้งสองแสนกว่า
นายด้านล่างภูเขาถูกปิดล้อมไว้ ต่อให้คิดจะฝ่าออกไปทัพ
ที่มีไม่กี่หมื่นคนของเราก็ฝ่าออกไปไม่ได้อยู่ดี”
“แล้วพระชายาคิดจะท าเช่นไร”
เยี่ยหลียิ้มเรียบๆ เอ่ยว่า “ลงมือก่อนได้เปรียบ”
หานหมิงเย่ว์ชะงัก ไม่เข้าใจที่เยี่ยหลีพูดว่า
หมายความว่าอย่างไร เยี่ยหลีกดสายตามองลงไปยังค่าย
ทหารใหญ่ของเฮ่อเหลียนเผิง เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า
“การโจมตีด้วยไฟ คงเป็น…ต่างหากที่มาก่อนกาล”书呆子
กล่าวจบก็ไม่สนใจว่าหานหมิงเย่ว์จะเข้าใจหรือไม่
นางเรียกหลินหานมาถามว่า “ของที่ข้าให้คนเตรียมเมื่อ
วานนี้ เรียบร้อยหรือยัง” หลินหานพยักหน้าเอ่ยว่า
“เรียนพระชายา เตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หานหมิงเย่ว์เอ่ยอย่างสงสัยว่า “พระชายารู้แต่แรก
แล้วว่าเฮ่อเหลียนเผิงจะเผาภูเขาอย่างนั้นรึ” เยี่ยหลีส่าย
หน้าเอ่ยว่า “ไม่รู้หรอก ข้าแค่เตรียมไว้โดยไม่สนว่าเขาจะ
เผาภูเขาหรือไม่ก็เท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว เราคงป้องกันไว้
ไม่ได้แม้แต่วันเดียวแน่”
เพียงไม่นาน หลินหานก็น าของบางอย่างที่รูปร่าง
คล้ายโคมประทีปเข้ามา แม้ว่าฝีมือการท าจะธรรมดาอยู่
บ้างแต่หานหมิงเย่ว์ก็ยังคงดูออกว่านี่คือโคมไฟ เขา
มองเยี่ยหลีด้วยความฉงนแล้วเอ่ยถามว่า “ของชิ้นนี้คง
เป็นโคมไฟกระมัง”书呆子
เยี่ยหลีพยักหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ใช่แล้ว นี่คือโคมไฟ มี
ชื่อเรียกว่าโคมลอย”
“แล้วมันมีไว้ท าอันใดรึ” หันหมิงเย่ว์เคยเห็นโคม
ไฟหน้าตาประณีตสวยงามมานักต่อนักแล้ว เขาเล่นโคม
ไฟที่ท าอย่างลวกๆ ในมือไปมาอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก
เยี่ยหลียิ้มตาหยีถือโคมไฟตอบว่า “สิ่งนี้หรือ อีกเดี๋ยว
คุณชายหมิงเย่ว์ก็จะทราบเอง”
ไม่นาน หานหมิงเย่ว์ก็ได้รู้ว่าเยี่ยหลีก าลังท าอะไร
เขาเห็นโคมไฟต่างขนาดจ านวนนับไม่ถ้วนถูกจุดขึ้น
ล่องลอยขึ้นอย่างเนิบช้า อีกทั้งยังลอยไปทางค่ายทหาร
เป่ยหรงอีกด้วย เพราะยามนี้เป็นตอนกลางวัน ทั้งยังอยู่
ระหว่างสู้รบ โคมไฟที่ลอยอยู่บนฟากฟ้ามากมายใน
ฉับพลันนั้น จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของทหารเป่ยหรง
บางทีพวกเขาอาจจะเห็น แต่พวกเขาไม่ได้สนใจก็เท่า
นั้นเอง书呆子
เยี่ยหลีมองโคมลอยเหล่านั้นลอยไปตกยังต าแหน่ง
ที่ตนคาดการณ์ไว้อย่างพอใจ
“เอ๊ะ” หันหมิงเย่ว์ตกใจ ที่โคมพวกนี้สามารถลอย
ขึ้นมาได้ก็ท าเขาตกใจมากพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันยัง
สามารถลอยอยู่แทบจะแนวเดียวกัน ซ้ ายังตกลงพื้นใน
เวลาแทบจะไล่เลี่ยกันอีกด้วย หากเขาไม่รู้อย่างแน่ชัด
ว่าเยี่ยหลีเป็นเพียงมนุษย์ล่ะก็ คงคิดว่านางใช้เวทมนต์
คาถาอะไรเป็นแน่ “ในโคมพวกนั้นมีน้ ามันอยู่ด้วย น่าจะ
เผาไหม้ไม่หมด พระชายาคิดจะ…”
ไม่นานหานหมิงเย่ว์ก็เข้าใจในจุดประสงค์ของเยี่ย
หลี เยี่ยหลีคิดจะใช้โคมเหล่านี้โปรยเอาถุงน้ ามันลงไปบน
ค่ายใหญ่หรือไม่ก็ร่างของคนด้านล่างเขา จากนั้น…
เป็นไปตามคาด ได้ยินเพียงเสียงเยี่ยหลีสั่งว่า “ยิง
ธนู!” ลูกธนูยาวติดไฟหลายสิบดอกแหวกอากาศพุ่งไปยัง
โคมที่ลอยอยู่บนฟ้า พอมันโดนธนูเข้า โคมนั้นก็พลันติด书呆子
ไฟและตกลงมาทันที ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้คนด้านล่างเขาจึง
เห็นกองเพลิงหลายสิบก้อนตกลงมาจากฟากฟ้า บางอัน
ตกลงบนร่างคน บางอันตกลงบนเสบียงที่อยู่ในกระโจม
ในค่ายใหญ่ แล้วลุกไหม้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพียงไม่นาน
ค่ายทหารเป่ยหรงด้านล่างเขาก็กลายเป็นทะเลเพลิงไป
ทั่วทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทหารเป่ยหรงไหนเลยจะมีกะ
จิตกะใจมาโจมตีเผาภูเขาได้อีก กว่าพวกเขาเร่งรุด
กลับไปยังค่ายเพื่อดับไฟก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ทั่วทุกหน
แห่งภายในค่ายใหญ่ต่างมีถุงน้ ามันช่วยกระตุ้นเพลิง แค่
สัมผัสโดนก็ลุกไหม้ จะไปดับไฟได้อย่างไร เยี่ยหลีออก
ค าสั่งเสียงขรึมท่ามกลางเสียงกู่ร้องของทหารตระกูลม่อ
ว่า “ลงเขาทางทิศใต้ ถอยไปทางด่านเฟยหง!”
เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น เฮ่อเหลียนเผิงจึงเดือดดาลบ้า
คลั่งขึ้นมาทันที ถึงเวลาที่เขาไม่สนใจอันใดขึ้นมาก็书呆子
สามารถวางเพลิงภูเขาทั้งลูกได้จริงๆ แต่เยี่ยหลีย่อมไม่อยู่
รอให้ทหารหลายหมื่นนายต้องตายโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้น ในขณะที่ทหารเป่ยหรงด้านล่างเขาก าลังดับไฟกัน
ให้วุ่นอยู่นั้น ทหารตระกูลม่อทุกคนก็ลงเขาทางทิศใต้ไป
กันอย่างเงียบๆ แล้ว
ด้านนอกค่ายใหญ่เป่ยหรง เฮ่อเหลียนเผิงเดือด
ดาลต่อทะเลเพลิงเบื้องหน้าจนตาแทบจะถลนออกจาก
เบ้า “เยี่ยหลี…เยี่ยหลี ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
“เรียนท่านแม่ทัพ ทหารตระกูลม่อบนเขาถอยลง
ไปแล้วขอรับ” พลสอดแนมเบื้องหน้ารีบร้อนเข้ามา
รายงาน
เฮ่อเหลียนเผิงสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน “ถอยไปทาง
ใด”
พลสอดแนมเอ่ย “ดูเหมือนจะถอยไปทางด่านเฟ
ยหงขอรับ”书呆子
“ตาม!” เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ย
“ท่านแม่ทัพ!” สีหน้าของเหล่าแม่ทัพต่างดูไม่ได้
เดิมทีพวกเขาก็ไม่อยากอ่อนข้อให้แม่ทัพที่จู่ๆ ก็ปรากฏ
ตัวขึ้นมาผู้นี้เท่าใดนักอยู่แล้ว แต่เฮ่อเหลียนเผิงเอง
เก่งกาจยิ่ง พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก ทว่ายามนี้
ค่ายใหญ่ถูกเผาแล้ว เสบียงก็ไม่เหลือหลอ พวกเขาจะเอา
อะไรไปไล่ตามกองทัพตระกูลม่อเล่า ด่านเฟยหงมีทหาร
ของตระกูลม่อตั้งสองแสนกว่านายรออยู่ อีกทั้งทหาร
เหล่านั้นยังไม่ใช่ทหารที่ผสมปนเประหว่างทหารที่รอด
ชีวิตกับทหารฝีมือดีอย่างภูเขาหลิงจิ้ว แต่ล้วนเป็นทหาร
ตระกูลม่อที่เป็นยอดฝีมือทั้งหมด ต่อให้เฮ่อเหลียนเผิงจะ
ร้ายกาจเพียงใด เกรงว่าสิบวันหรือครึ่งเดือนก็คงเอาชนะ
ไม่ได้ แต่ตอนนี้กระทั่งเสบียงในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะไปหา
ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย