ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 367-5 เฮ่อเหลียนพ่ำยศึก
“เสบียงเราถูกเผาจนเกลี้ยงหมดแล้ว หมดหนทาง จะออกศึกได้ ขอท่านแม่ทัพโปรดไตร่ตรองด้วย” เหล่า แม่ทัพคนอื่นๆ ต่างพากันเกลี้ยกล่อม
เฮ่อเหลียนเผิงสีหน้าอึมครึม เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่า เสบียงของพวกเขาถูกเผาจนสิ้นแล้ว แต่เมื่อถูกเยี่ยหลีใช้ กลศึกนี้เล่นงานก็ท าเอาเขาระงับโทสะไว้ไม่อยู่ จึงเอ่ย เสียงขรึมว่า “ไปรวบรวมเสบียงจากประชาชนระแวกนี้ มา”
สิ่งที่กองทัพใหญ่เป่ยหรงเรียกว่ารวบรวมเสบียงนั้น เป็นเพียงค าพูดให้ฟังดูดีเท่านั้น หากบอกว่าชิงเสบียงคง จะไม่แตกต่างเท่าใดนัก ทว่ายามนี้ ทั่วทั้งแดนเหนือล้วน มีคนไม่มากแล้ว ต่อให้มีก็ล้วนถอยกันไปหลบอยู่หลัง กองทัพตระกูลม่อกันหมด แม้ว่าพวกเขาคิดจะแย่งเสบียง
书呆子
แต่จะแย่งมาได้สักเท่าใดกัน เกรงว่าแค่เสบียงส าหรับ ทหารหลายแสนเพียงมื้อเดียวก็ยังไม่เพียงพอ
“แม่ทัพเฮ่อเหลียน ข้าว่าเราควรรีบถอยไปทาง เหนือ ไปรวมพลกับฝ่าบาทและท่านแม่ทัพอาวุโสเฮ่อ เหลียน” แม่ทัพคนหนึ่งเอ่ยอย่างหนักแน่น
เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยทั้งสีหน้าทะมึนว่า “ไล่ตามไป! ไล่ตามไม่ได้ค่อยว่ากัน ไม่อาจปล่อยให้พวกมันจากไป เช่นนี้ได้เป็นอันขาด!”
แม่ทัพสองสามคนที่มีท่าทีแข็งกร้าวพาคนของตน จากไปอย่างหมดความอดทน เหลือแม่ทัพเพียงไม่กี่คน เท่านั้นที่ยังติดตามเฮ่อเหลียนเผิงอยู่แล้วน าก าลังไม่ถึง หมื่นนายรับบัญชาไล่ติดตามศัตรูไป เฮ่อเหลียนเผิงมอง ค่ายทหารที่กลายเป็นทะเลเพลิงเบื้องหน้า เปลวไฟที่ลุก โชนเสียดฟ้าสะท้อนบนใบหน้าเขาท าให้ดูดุร้ายน่ากลัว เป็นพิเศษ
书呆子
ทหารตระกูลม่อที่เหลืออยู่หลายหมื่นนายต่างไม่ใช่ ทหารม้า จึงเดินทางได้ไม่เร็วมากนัก ส่วนทหารส่วนใหญ่ ของเป่ยหรงกลับเป็นทหารม้า เพียงไม่นานก็ไล่ตามทหาร ตระกูลม่อได้ทัน สายตาที่เฮ่อเหลียนเผิงจ้องมองเยี่ยหลี ไม่มีความล าพองและผ่อนคลายดังเก่าก่อนอีกแล้ว “พระ ชายาติ้งอ๋อง เดิมทีข้าไม่คิดจะท าร้ายท่าน ครานี้กลับเป็น ท่านที่รนหาที่เอง”
เยี่ยหลีไม่สนใจค าพูดของเขา เอ่ยเสียงเรียบว่า “สองทัพรบรากัน แพ้ชนะต้องยอมรับ แม่ทัพเฮ่อเหลียน ท าเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าแพ้ไม่เป็น”
เส้นเอ็นบนใบหน้าเฮ่อเหลียนเผิงขาดผึง “ได้! ตั้งแต่ที่ข้าน าทัพมา นึกไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้ให้แก่พระชายา วันนี้ เจ้ากับข้าจะสู้จนตัวตาย!” เยี่ยหลีส่ายหน้ายิ้มเอ่ย อย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้ารู้ว่าแม่ทัพเฮ่อเหลียนเป็นยอดทหาร เป่ยหรงที่แม่ทัพเฮ่อเหลียนเจินฝึกฝนสั่งสอนด้วยตัวเอง
书呆子
แต่น่าเสียดาย…จงหยวนอย่างเรามีค าพูดหนึ่ง ไม่รู้ว่า ท่านแม่ทัพเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่”
เฮ่อเหลียนเผิงจ้องนางเขม็ง เอ่ยว่า “ข้าจะขอให้ แม่นางชี้แนะ”
เยี่ยหลียิ้มบางเอ่ยว่า “ดีแต่วางแผนการรบบน กระดาษ”
“เยี่ยหลี เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว!” เฮ่อเหลียนเผิง โกรธเกรี้ยว เขาร่ าเรียนภาษาและอักษรของชาวจงหยวน มาอย่างดี ย่อมรู้ว่าค านี้หมายความว่าอย่างไร นึกไม่ถึง ว่าเยี่ยหลีจะเหน็บแนมเขาว่าไม่รู้จักใช้ทหาร เยี่ยหลีมอง ท่าทางเดือดดาลของเขาแล้วเลิกคิ้วเอ่ยว่า “แม่ทัพเฮ่อเห ลียนไม่ต้องคิดว่าข้าดูถูกท่าน แม้ว่าท่านจะร่ าเรียน กับเฮ่อเหลียนเจินมาตั้งแต่เล็ก แต่ในความจริงแล้วก่อน ศึกครานี้ท่านไม่เคยน าทัพมาก่อนเลยสักครั้ง หากไม่ อาศัยวรยุทธที่แข็งแกร่งของตัวเอง เกรงว่าท่านคงกด
书呆子
บรรดาแม่ทัพในมือของท่านเอาไว้ไม่ได้ ขออภัยที่เยี่ยหลี ต้องพูดตามตรง ความสามารถในการน าทัพของท่าน มี คนในกองทัพตระกูลม่อเหนือกว่าท่านมากมายนัก หลาย วันมานี้ หากไม่ใช่เพราะท่านอาศัยความได้เปรียบด้าน ก าลังทหาร ท่านคิดว่าจะชนะได้จริงๆ หรือ”
เฮ่อเหลียนเผิงสีหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวคล้ า เนิ่นนาน ทีเดียวจึงได้หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “ดียิ่ง ต่อให้ข้า น าทัพไม่เป็นแล้วอย่างไร อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องตาย ด้วยน้ ามือข้า!” กล่าวจบ ก็ไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยได้พูด อะไรอีก เขาควบม้ายกดาบพุ่งไปทางเยี่ยหลี หานหมิง เย่ว์ที่อยู่ข้างกายเยี่ยหลีควักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก วาด กระบี่ต้านดาบที่ฟันเข้ามาของเฮ่อเหลียนเผิงเอาไว้ ก่อน หน้านี้ตอนอยู่ที่ค่ายทหารเป่ยหรงเฮ่อเหลียนเผิงก็เคยพบ หานหมิงเย่ว์อยู่คราหนึ่ง คนที่กล้าบุกเข้ามายังค่ายทหาร
书呆子
เป่ยหรงเพื่อช่วยม่อซิวเหยา วรยุทธย่อมไม่อ่อนแอ แน่นอน “เจ้าเป็นใคร”
หานหมิงเย่ว์อมยิ้มประสานมือเอ่ยว่า “ข้าน้อย หานหมิงเย่ว์ คารวะท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียน”
“คุณชายหมิงเย่ว์รึ” แม้ว่าเฮ่อเหลียนเผิงจะเป็น ชาวเป่ยหรง แต่อาจารย์ของเขากลับเป็นชาวจงหยวนใน ยุทธภพ แม้มู่หรงสยงจะชรามากแล้ว ทว่ายอดฝีมือ ด้านวรยุทธชาวจงหยวนที่มีชื่อเสียงเขากลับรู้จักอยู่บ้าง เพียงแต่หานหมิงเย่ว์ไม่ได้ปรากฏตัวสู่ภายนอกมาหลายปี นอกจากคนของต าหนักติ้งอ๋องแล้ว เกรงว่าคนส่วนใหญ่ คงคิดว่าคุณชายหมิงเย่ว์ไม่หลบซ่อนเร้นกายก็คงตายจาก โลกนี้ไปแล้ว
หานหมิงเย่ว์ยิ้มเอ่ยว่า “เป็นข้าน้อยเอง”
书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงยิ้มเย็นเอ่ยว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะ เป็นคุณชายอะไรมาจากไหน คนที่มาขวางข้าไว้ต้อง ตาย!”
“ขอแม่ทัพโปรดชี้แนะด้วย” หานหมิงเย่ว์ยิ้มเอ่ย
เฮ่อเหลียนเผิงไม่พูดพร่ าท าเพลง ลงมือในทันที หานหมิงเย่ว์ก็ไม่เกรงใจ เขาแกว่งกระบี่ร่วมรับ ปีนั้น หานหมิงเย่ว์สามารถผูกมิตรเป็นสหายกับม่อซิวเหยาได้ สามารถควบคุมดูแลหอข่าวกรองแห่งแรกของใต้หล้า อย่างเทียนอี้เก๋อได้ วรยุทธย่อมยอดเยี่ยมเลิศล้ า แม้ว่ายัง สู้ยอดฝีมือทั้งสี่แห่งใต้หล้าไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับเฮ่อเห ลียนเผิงแล้วกลับสายเกินไปที่จะถ่อมตัว เมื่อทั้งสองประ มือกันย่อมสูสีกินกันไม่ลง
เฮ่อเหลียนเผิงรีบร้อนอยากจะจับหรือไม่ก็ฆ่าเยี่ย หลีให้ได้โดยเร็ว แต่หานหมิงเย่ว์กลับไม่รีบร้อน เขา ต้องการเพียงขัดขวางเฮ่อเหลียนเผิงไม่ให้อีกฝ่ายมาท า
书呆子
ร้ายเยี่ยหลีได้เท่านั้น ดังนั้นยามต่อสู้จึงผ่อนคลายกว่า อย่างเห็นได้ชัด
อีกด้านหนึ่ง หลินหานคุ้มกันเยี่ยหลีให้มาชมการ ต่อสู้อยู่ข้างๆ เขาเอ่ยถามว่า “พระชายา ให้ข้าน้อยไป ช่วยคุณชายหมิงเย่ว์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีส่ายหน้ายิ้มเอ่ยว่า “คุณชายหมิงเย่ว์วรยุทธ สูสีกับเฮ่อเหลียนเผิง เราพรวดพราดเข้าไปสอดก็มีแต่จะ สร้างปัญหาให้เขาเพิ่มเท่านั้น”
หลินหานครุ่นคิด พยักหน้าเห็นด้วย วางสายตา ทอดมองออกไป รอบด้านได้กลายเป็นสนามรบแห่งใหม่ ไปแล้ว ทหารเป่ยหรงกับทหารตระกูลม่อทุ่มเอาชีวิตเข้า สู้กัน ยามนี้เมื่อทั้งสองฝ่ายมีก าลังทหารใกล้เคียงกัน การ ต่อสู้ระยะใกล้นี้จึงไม่ต้องสนใจกลยุทธกลศึกอะไรอีก หากเข่นฆ่าสังหารต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าสุดท้ายจะพ่ายแพ้ เจ็บหนักกันไปทั้งคู่
书呆子
หลินหานก าลังคิดจะเกลี้ยกล่อมเยี่ยหลีให้หนีไป ก่อน แต่พลันได้ยินเสียงเกือกม้าดังอึกทึกคึกโครมมาแต่ ไกล หลินหานตกตะลึงเล็กน้อย เงี่ยหูฟังก็อดเอ่ยขึ้นด้วย ความดีใจไม่ได้ “พระชายา เป็นคนของท่านแม่ทัพหยวน เผยพ่ะย่ะค่ะ!” คนพวกนั้นมาจากทางด่านเฟยหง ผู้ที่ สามารถมาจากทางนั้นได้ย่อมเป็นคนของหยวนเผยแน่ แล้ว
เยี่ยหลีพยักหน้า เงยหน้ามองออกไป เพียงไม่นาน ธงทิวสีด าที่ประทับตราสัญลักษณ์ของทหารตระกูลม่อก็ ปรากฏขึ้นบนระนาบพื้นดินไกลๆ ม้าพันธุ์ดีสีด าจ านวน นับไม่ถ้วนวิ่งตรงดิ่งมาทางนี้ เยี่ยหลีหันไปมองทหาร ตระกูลม่อที่ยังคงไล่เข่นฆ่าอยู่ ก็อดเผยรอยยิ้มโล่งใจ ออกมาไม่ได้