ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 368-1 ควำมอำลัยรักของทั้งคู่ ข่ำวด่วนจำก เจียงหนำน
หน่วยเฮยอวิ๋นฉีรวดเร็วดั่งวายุทะมึนโหมกระหน่ า เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงสนามรบโดยพร้อมเพรียง แม่ทัพ อาวุโสหยวนเผยผมเคราหงอกขาวแม้ว่าจะอายุมาก แล้วแต่ก็ยังมีจิตวิญญาณในการต่อสู้ที่สูงมาก เขาควบม้า ศึกน าทัพมาด้วยตัวเอง พอเห็นว่าเยี่ยหลีปลอดภัยดี เขา ก็ดูจะโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“คารวะพระชายา!”
เยี่ยหลีรีบยกมือขึ้นประสานคารวะให้หยวนเผย ยิ้มเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพอาวุโสไม่ต้องมากพิธี โชคดีนักที่ ท่านแม่ทัพมาได้ทันเวลา” หยวนเผยยืนขึ้นแล้วยิ้มเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่น าทหารมาช่วยเสริมก าลังเท่านั้น พระชายา ที่เฝ้าปกป้องภูเขาหลิงจิ้วมาหลายวันต่างหากที่ล าบากยิ่ง กว่า ข้านับถือนัก”
书呆子
เยี่ยหลีมองท่าทางเคร่งขรึมของแม่ทัพอาวุโสก็แย้ม ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “รอให้ศึกครั้งนี้จบลง ก่อน เราค่อยเอ่ยชื่นชมกันจะดีกว่า” หยวนเผยยิ้ม ออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาเลื่อนสายตาไปเห็นเฮ่อเหลียน เผิงที่ก าลังสู้รบติดพันอยู่กับหานหมิงเย่ว์ สีหน้าก็พลัน เปลี่ยน เอ่ยว่า “เด็กหนุ่มคนนั้นคือบุตรชายของเฮ่อ เหลียนเจินหรือ ช่างใจกล้าบ้าบิ่นนัก!”
ความเคียดแค้นชิงชังของทหารตระกูลม่อทุกคนที่ มีต่อเฮ่อเหลียนเจินมีมากกว่าคนข้างกายนัก ในเมื่อเป็น บุตรชายของเฮ่อเหลียนเจิน ก็ย่อมพลอยโดนหางเลขไป ด้วยอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เยี่ยหลียิ้มเอ่ยว่า “สมกับเป็น ลูกเลี้ยงของเฮ่อเหลียนเจินจริงๆ”
หยวนเผยพยักหน้าเอ่ยว่า “ดีมาก ปีนั้นข้าไม่มี โอกาสได้พบเฮ่อเหลียนเจิน วันนี้คุมตัวบุตรชายเขาไว้ได้ ดูซิว่าเขายังมีอันใดจะพูดอีกหรือไม่”
书呆子
ในขณะที่เฮ่อเหลียนเผิงกับหานหมิงเย่ว์ต่อสู้กัน หานหมิงเย่ว์สีหน้าดูผ่อนคลายสบายอารมณ์ เขาไม่มี ความคิดจะเอาชนะเลยแม้แต่น้อย จึงย่อมไม่ทุกข์ไม่ร้อน ส่วนเฮ่อเหลียนเผิงเห็นว่าสู้กันมานานแล้วก็ยังไม่รู้ผลแพ้ ชนะกับหานหมิงเย่ว์เสียที จึงแอบร้อนใจอยู่เล็กน้อย ทว่าวรยุทธของหานหมิงเย่ว์กลับไม่อาจท าให้เขาคิดจะสู้ ก็สู้ คิดจะจากไปก็จากไปได้ จนกระทั่งหน่วยเฮยอวิ๋น ฉีบุกเข้ามาถึงด้านหน้า เฮ่อเหลียนเผิงก็พอรู้แล้วว่าจะ เกิดสิ่งใดขึ้น ต่อให้ไม่มีสมาธิเพียงใดก็รู้ว่าหากไม่หนีไป ยามนี้ก็จะหนีไปไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจเด็ดขาด ทุ่ม สุดก าลังแกว่งดาบใส่หานหมิงเย่ว์สองสามกระบวนท่า เมื่อเขาทุ่มสุดชีวิตเช่นนี้ ก็ท าเอาหานหมิงเย่ว์ตกใจท า อะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เฮ่อเหลียนเผิงจึงอาศัยโอกาสนี้ สลัดหานหมิงเย่ว์แล้วถอยหนีออกไปไกล
书呆子
“พระชายาติ้งอ๋อง วันหน้าข้าค่อยมาขอค าชี้แนะ กระบวนท่าชั้นยอดจากพระชายาก็แล้วกัน!” เฮ่อเหลียน เผิงโรยตัวลงบนหลังม้าตัวหนึ่ง ยกบังเหียนขึ้นควบขี่ไป ทางเหนือ เหล่าทหารเป่ยหรงที่เดิมทียังคงสู้รบกับทหาร ตระกูลม่ออยู่พอเห็นแม่ทัพของตนถอยแล้ว ก็รีบถอย ตามไปทันที
หยวนเผยที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คิดจะบัญชาทัพ ให้ตามขึ้นไป แต่ถูกเยี่ยหลีขวางไว้เสียก่อน “เฮ่อเหลียน เผิงมีก าลังพลอย่างน้อยที่สุดประมาณหลายแสนนาย ไม่ ต้องรีบร้อนตามไปแล้ว พวกเหอซู่น่าจะกลับมาแล้ว เช่นกัน”
หยวนเผยได้ยินค าพูดของเยี่ยหลีก็จ าต้องหยุด เขา ยังมีภารกิจส าคัญที่ต้องรักษาการณ์ด่านเฟยหงอยู่ จึงไม่ อาจเอาเวลามาคุมเชิงกับเฮ่อเหลียนเผิงได้
书呆子
เฮ่อเหลียนเผิงพาทหารที่เหลือรอดถอยออกมา แต่ ระหว่างทางเจอเข้ากับเหอซู่ที่เพิ่งตีชิงเมืองฮุ่ยและกลับ มาช่วยภูเขาหลิงจิ้วขวางเอาไว้พอดี ด้านหลังเขายังมีการ ไล่ล่าของเยี่ยหลีหลังจากจัดระเบียบกองทัพใหม่อีก เมื่อ โดนขนาบโจมตีทั้งหน้าและหลัง เฮ่อเหลียนเผิงจึง เสียเปรียบอยู่ไม่น้อย สุดท้ายจึงจ าต้องพาทหารที่เหลือ รอดหลายแสนนายวกกลับค่ายทหารใหญ่เป่ยหรงไป
เยี่ยหลีที่ตีทัพเฮ่อเหลียนเผิงจนถอยร่นไปแล้ว จึง ทิ้งโจวหมิ่นให้เฝ้ากองทัพแนวตะวันตกทางด้านนี้เอาไว้ ส่วนตัวเองพาเหอซู่กับซุนเย่าอู่กลับไปยังค่ายทหารใหญ่ ตระกูลม่อ
ณ ค่ายทหารใหญ่เป่ยหรง เยียหลี่ว์เหยี่ยมองจ้อง เฮ่อเหลียนเผิงที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางกระโจมใหญ่เขม็งด้วย สีหน้าอึมครึม เขาตะหวาดอย่างเดือดดาลว่า “ทหาร เกือบสี่แสนนาย เจ้ากลับพากลับมาให้ข้าแค่ไม่กี่หมื่น
书呆子
เท่านี้น่ะรึ เฮ่อเหลียนเผิง เจ้าช่างกล้านัก! ซ้ ายังกล้าฝ่า ฝืนค าสั่งของข้าอีก! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกัน” ความ โกรธเกรี้ยวของเยียหลี่ว์เหยี่ยไม่เพียงแต่เพราะเฮ่อ เหลียนเผิงสูญเสียก าลังพลไปมากมายเท่านั้น เพราะ หลายวันมานี้ ความเสียหายของค่ายทหารใหญ่เป่ยหรง เทียบกับเฮ่อเหลียนเผิงแล้วก็ไม่น้อยไปกว่ากัน แต่เรื่องที่ เฮ่อเหลียนเผิงขัดขืนค าสั่งกลับท าให้เยียหลี่ว์เหยี่ยมี ข้ออ้างที่ดีในการระบายอารมณ์ไม่น้อย ดังนั้นหลังจากที่ เฮ่อเหลียนเผิงกลับมายังค่ายทหารใหญ่เป่ยหรง เรื่อง แรกที่ท าคือถูกเยียหลี่ว์เหยี่ยด่าทอเสียไม่มีชิ้นดี ไม่ว่าจะ เป็นผู้บังคับบัญชาคนใดต่างไม่ชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กระท าผิดอย่างก าเริบเสิบสานเช่นนี้ทั้งนั้น
เฮ่อเหลียนเจินที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งสีหน้าก็ดูไม่ได้ เช่นกัน เฮ่อเหลียนเผิงเป็นลูกเลี้ยงของเขา ทั้งยังเป็นเขา ที่อบรมสั่งสอนมา เยียหลี่ว์เหยี่ยด่าทอเฮ่อเหลียนเผิงต่อ
书呆子
หน้าเขาเช่นนี้ก็เหมือนตบหน้าเขา แต่ครานี้เป็นความผิด ของเฮ่อเหลียนเผิงจริงๆ ต่อให้เฮ่อเหลียนเจินคิดจะขอ ความเมตตาก็พูดอะไรไม่ออก
จนกระทั่งเยียหลี่ว์เหยี่ยระบายความโกรธออกมา จนหมดแล้ว เฮ่อเหลียนเจินจึงได้เอ่ยเสียงขรึมขึ้นว่า “ฝ่า บาท ยามนี้ทหารตระกูลม่อก าลังมีอิทธิพลและอ านาจ มาก เราเดือดดาลอยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์” หลายวันมานี้ ทหารตระกูลม่อบุกไปทางใดก็แหลกราบเป็นหน้ากลอง ทหารเป่ยหรงถูกต้อนให้ถอยร่นขึ้นมาเรื่อยๆ จนถอยมา ไกลกว่าสองร้อยลี้ หากไม่เป็นเช่นนี้ ตอนนั้นเยียหลี่ว์เห ยี่ยคงไม่ร้อนใจเรียกทัพของเฮ่อเหลียนเผิงที่อยู่ทางนั้นให้ กลับมา ใครจะรู้ว่าเฮ่อเหลียนเผิงจะฝ่าฝืนค าสั่ง ซ้ าร้าย ยังสูญเสียทหารสองแสนนายไปที่เขาหลิงจิ้วอย่างไร้ ประโยชน์อีกด้วย
书呆子
“ท่านลุงมีความเห็นเช่นไรรึ” เยียหลี่ว์เหยี่ยระงับ โทสะเอาไว้ในใจ แล้วเอ่ยเสียงขรึมขึ้น
เฮ่อเหลียนเจินยังคงไม่มีความเห็นใดในเวลานี้ จริงๆ ปีนั้นที่เฮ่อเหลียนเจินสามารถเอาชนะทหาร ตระกูลม่อได้ โดยมากเป็นเพราะเขาได้แผนการจัดวาง ก าลังป้องกันของทหารตระกูลม่อมาอยู่ในมือ ท าให้ ได้เปรียบอย่างไม่ต้องท าอะไร ทว่ายามนี้ทหารตระกูลม่ อกลับไม่ใช่ทหารตระกูลม่อเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทั้งยังไร้ซึ่ง ฮ่องเต้ต้าฉู่สมองพิการที่สามารถมอบแผนภาพจัดวาง ก าลังป้องกันให้แก่พวกเขาแล้วแทงข้างหลังทหารตระกูล ม่อเสียเองผู้นั้นอีกแล้ว
เฮ่อเหลียนเจินไตร่ตรองอยู่เนิ่นนานจึงได้เอ่ยขึ้น เสียงขรึมว่า “ผลงานการท าศึกของทหารตระกูลม่อฉาย แสงเจิดจ้า อาศัยแค่พวกเราเกรงว่าจะยึดครองมันเอามา ไว้ได้ยากนัก เราต้องร่วมมือกับคนอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
书呆子
“ร่วมมือรึ” เยียหลี่ว์เหยี่ยขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “ยามนี้ พวกเราสามารถร่วมมือกับใครได้อีก เป่ยจิ้งล่มสลายไป แล้ว ส่วนซีหลิงและแดนใต้ม่อจิ่งหลีก็จ้องพร้อมตะครุบ อยู่ เกรงว่าภายในระยะเวลาอันสั้นเหลยเจิ้นถิงก็ไม่อาจ ประมือกับทหารตระกูลม่อได้เช่นกัน”
เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยเสียงขรึมว่า “เช่นนั้นก็ดึงซีหลิง กับต้าฉู่ให้เข้ามาร่วมด้วย ใช่ว่าเหลยเจิ้นถิงจะไม่ทราบ เมื่อใดที่พวกเราเป่ยหรงจบสิ้นลง รายต่อไปที่จะต้อง เผชิญหน้ากับกองทัพตระกูลม่อก็คือพวกเขาซีหลิง หาก สามารถท าลายกองทัพตระกูลม่อลงก่อนได้ พวกเขาต้อง ยอมตกลงแน่”
เยียหลี่ว์เหยี่ยได้ยินดังนั้นก็เริ่มไตร่ตรอง ครู่ใหญ่ๆ ต่อมาจึงได้เอ่ยถามว่า “ต่อให้เป็นเช่นนั้น แล้วทาง ฟากม่อจิ่งหลีเล่า จะจัดการเช่นดี พอเหลยเจิ้นถิงกับกอง
书呆子
ทัพตระกูลม่อเปิดศึกกัน ม่อจิ่งหลีต้องข้ามแม่น้ าอวิ๋นห ลันมาเปิดศึกกับซีหลิงแน่ ถึงยามนั้นคงน่าเสียดายแล้ว”
เฮ่อเหลียนเผิงเอ่ยว่า “บุญคุณความแค้นของม่อจิ่ง หลีที่มีต่อม่อซิวเหยาย่อมไม่น้อยไปกว่าพวกเรา ขอเพียง สามารถโน้มน้าวเขาได้ ก็ไม่ยากที่จะท าลายทหารตระกูล ม่อ หลังจากนั้นก็เสนอผลประโยชน์เล็กน้อยให้เขาก็ได้ แล้ว” เยียหลี่ว์เหยี่ยที่ได้ฟังความคิดของเฮ่อเหลียนเผิงก็ สนใจขึ้นมาเล็กน้อย ม่อจิ่งหลีผู้นี้เขาเคยพบมาหลายครั้ง ย่อมรู้จักอีกฝ่ายดีอยู่บ้าง คนผู้นี้มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่แต่ สายตาไม่กว้างไกล ความสามารถก็เพียงธรรมดา หาก สามารถเสนอผลประโยชน์ที่เพียงพอให้แก่เขาได้ ไม่แน่ ว่าเขาอาจจะร่วมมือกับพวกตนมาจัดการม่อซิวเหยาก็ เป็นได้ แต่คนที่สามารถให้ประโยชน์แก่ม่อจิ่งหลีได้กลับ ต้องเป็นฝ่ายของเหลยเจิ้นถิงที่ต้องเสนอขึ้นมาเอง ดังนั้น พวกเขาจึงต้องมีคนที่สามารถโน้มน้าวเจิ้นหนานอ๋อง
书呆子
อย่างเหลยเจิ้นถิงได้ ทว่าเหลยเจิ้นถิงกลับรับมือได้ยาก เสียยิ่งกว่าม่อจิ่งหลี
“ท่านลุงมีใครที่สามารถไปโน้มน้าวเหลยเจิ้นถิงได้ บ้างหรือไม่” พวกเขาชาวเป่ยหรงไร้ซึ่งคนที่มีวาจาเป็น เอก เยียหลี่ว์เหยี่ยจึงนึกไม่ออกว่าจะสามารถส่งใครให้ไป โน้มน้าวเหลยเจิ้นถิงได้
เฮ่อเหลียนเจินยิ้มเอ่ยว่า “ข้ายินดีไปเอง”
เยียหลี่ว์เหยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มองแววตาเฮ่อ เหลียนเจินที่ฉายความกังวลออกมา หลายปีผ่านไปเช่นนี้ เยียหลี่ว์เหยี่ยค่อยๆ รู้สึกว่าท่านลุงของตนไม่ใช่แม่ทัพ ใหญ่ของเป่ยหรงที่มีบารมีท าให้คนเกรงกลัวในปีนั้นอีก แล้ว กลับกันเขามีกลิ่นไออย่างนักการเมืองของจงหยวน เพิ่มขึ้นอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเขาจะเกลียดม่อซิวเหยาเข้า กระดูก แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ละทิ้งความคิดที่จะเอาชนะ
书呆子
ม่อซิวเหยาอย่างสง่าผ่าเผยในสนามรบไปแล้ว อยู่ๆเยียห ลี่ว์เหยี่ยก็พลันรู้สึกว่านี่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่