ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 369-3 ลงใต้ สถำนกำรณ์ยำกล ำบำกของเหยำ จี
เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยกับฉินเฟิงว่า “เจ้าไปส่งสารให้เหยาจีทีว่าข้ามีเรื่องจะถามนาง”
ฉินเฟิงตกตะลึง พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าน้อยรับ บัญชา”
ณ เมืองหนานจิง โรงน้ าชาชั้นยอดที่สุดอย่างโรงน้ า ชาไจซิง มีหญิงสาวงดงามนางหนึ่งพาเด็กที่ท่าทางอายุ ราวๆ แปดเก้าขวบเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ทว่าทุก สายตาในห้องโถงใหญ่กลับมองรวมไปที่หญิงสาวนางซึ่ง นางคือฮูหยินน้อยแห่งจวนมู่หยางโหวคนปัจจุบันนามว่า เหยาจีและคุณชายน้อยแห่งจวนมู่หยางโหว ตั้งแต่ตระกูล โหวย้ายลงใต้ไป มู่หยางโหวก็ท้อแท้หมดก าลังใจ ยก ต าแหน่งมู่หยางโหวให้แก่บุตรชายนามว่ามู่หยาง ส่วนตัว เองใช้ชีวิตวัยชราอย่างมีสุขอยู่ที่บ้าน อิสระเสรี มู่หยาง
书呆子
เป็นคนมีความสามารถและทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย แม้ ว่าม่อจิ่งฉีจะไม่อยู่แล้ว แต่จวนมู่หยางโหวกลับค่อยๆ ใกล้ชิดสนิทสนมกับม่อจิ่งหลีอย่างช้าๆ สองปีมานี้จวนมู่ หยางโหวเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องที่เหยาจี ฮู หยินน้อยผู้งดงามแห่งจวนหยางโหวนางนี้แทบจะมี ต าแหน่งเทียบเท่ากับภรรยาหลวงนั้นย่อมลือกันไปทั่วทั้ง เมืองหนานจิง เหยาจีจึงยิ่งกลายเป็นเป้าหมายที่ภรรยา หลวงทุกคนชิงชัง ภรรยาน้อยต่างเอาเยี่ยงอย่าง
พอเห็นเหยาจีเดินเข้ามา หลงจู๊ก็รีบเข้ามาต้อนรับ อย่างมีไมตรี “ฮูหยินมู่ คุณชายน้อย เชิญบนชั้นสอง ขอรับ”
เหยาจีแย้มยิ้มงามแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก ยัง เก็บห้องไว้ให้ข้าหรือไม่”
ผู้ดูแลยิ้มเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ “ฮูหยินมู่ชื่นชอบ ชาและขนมของหอผู้น้อย เป็นความโชคดีของผู้น้อย
书呆子
ขอรับ ผู้น้อยย่อมเหลือห้องที่ฮูหยินชื่นชอบไว้ให้ตลอด อยู่แล้ว” ภายในเมืองหนานจิงแห่งนี้ใครจะไม่รู้บ้างว่ามู่ หยางโหวคนปัจจุบันแม้จะมีภรรยามากมาย แต่กลับรัก ใคร่โปรดปรานฮูหยินน้อยนางนี้แต่เพียงผู้เดียว ฮูหยิน เหยาจีผู้นี้เดิมทีเป็นนางสังคีตที่ฉู่จิง มีฉายาว่านางสังคีต อันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่ ความงดงามโสภาของนางย่อมไม่ใช่ สิ่งที่คนธรรมดาสามารถมาเทียบเคียงได้ อีกทั้งฮูหยิน เหยาจีนั้นใจกว้างมาก เนื่องจากมู่หยางโหวโปรดปราน นางมาก ยามปกติต่อให้ไม่ได้มาเองก็จะให้คนมาซื้อขนม กลับไปทุกวัน ร้านไจซิงจึงยินดีที่จะเก็บห้องไว้ให้ โดยเฉพาะเพื่อแสดงถึงการบริการที่ยอดเยี่ยม
เหยาจีอมยิ้มเอ่ยว่าล าบากแล้วไปค าหนึ่ง แล้วจูง เด็กน้อยข้างกายขึ้นไปด้านบน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมที่ โจมตีผู้คน ทรวดทรงองเอวและเสียงหัวเราะใสกังวานที่ ท าเอาคนใจเต้น
书呆子
จนกระทั่งร่างนางหายขึ้นไปด้านบน ทุกคน ด้านล่างจึงได้หายใจเข้าลึกๆ พลางวิพากษ์วิจารณ์กัน ขึ้นมา
“ฮูหยินเหยาจีนางนี้สมกับที่เป็นนางสังคีตอันดับ หนึ่งในตอนนั้นจริงๆ แม้ว่าอายุอานามจะไม่น้อยแล้ว แต่ ใบหน้ายังคงเลิศล้ างดงามเกรงว่าพระชายาหลีอ๋องก็ไม่ อาจเทียมได้” หรงเฟยนามว่าเยี่ยอิ๋ง หนึ่งในพระชายา รองของหลีอ๋องยามนี้เคยมีฉายาหญิงงามอันดับหนึ่งแห่ง เมืองหลวงมาก่อน ทว่ายามนี้ที่ท าให้คนจ านางได้ก็มี เพียงในนามของน้องสาวพระชายาติ้งอ๋องเท่านั้น ไหน เลยจะสู้เหยาจีผู้งดงามล่มเมืองนางนี้ได้
“มู่หยางโหวมีดวงนารีไม่น้อย มิน่าเล่าจึงได้รักใคร่ ฮูหยินเหยาจีเช่นนี้” เสียดายก็แต่ฮูหยินมู่หยางโหวนาง นั้นเดิมทีก็เป็นบุตรสาวของครอบครัวที่มีชื่อเสียง งดงาม
书呆子
โสภาเช่นกัน น่าเสียดายที่นางถูกบดบังเมื่ออยู่ต่อหน้า เหยาจีที่มีรังสีความงามสาดส่องทุกสารทิศ
เหยาจีจูงมู่เลี่ยขึ้นด้านบน พอเข้ามาในห้องของ ตัวเองที่มานั่งเป็นประจ าแล้ว ด้านในก็มีคนรอนางอยู่ ก่อนแล้วเช่นกัน เหยาจีเห็นเยี่ยหลีที่ดื่มชาอยู่ในห้องมุม ปากก็ยกยิ้มอย่างอดไม่อยู่ เอ่ยว่า “คุณชายรูปงามที่ใด กันหรือนี่”
เยี่ยหลีอมยิ้มมองนางแล้วเอ่ยว่า “เหยาจี ไม่ได้พบ กันนานยังสง่างามเช่นเดิมเลย มู่เลี่ย เข้ามานั่งเถิด” มู่ เลี่ยที่ดูแล้วยังไม่ครบสิบขวบเต็ม แต่ดูคล้ายมู่หยางที่โต เป็นหนุ่มแล้ว เขามองไปทางเยี่ยหลีหลายครั้งด้วยความ สนใจใคร่รู้ เอ่ยตอบอย่างนอบน้อมว่า “พ่ะย่ะค่ะ ขอบคุณพระชายา”
书呆子
เยี่ยหลีส่ายหน้า นางมองเหยาจีพลางเอ่ยว่า “นิสัย อย่างเจ้า เหตุใดจึงสอนเด็กน้อยให้ออกมาเคร่งขรึมเพียง นี้ได้”
เหยาจีเอ่ยอย่างจนใจว่า “ข้าสอนเขาได้ที่ไหนกัน ล้วนเป็นเขาที่สอนข้าทั้งนั้น” เหยาจีนั่งลงตามมาเช่นกัน ในตอนที่นางเห็นฉินเฟิงที่นั่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ด้านหลังเยี่ยหลีก็ชะงักไปเล็กน้อย คล้ายว่าหันไปมอง โดยไม่ได้ตั้งใจ
เหยาจีทราบดีเช่นกันว่ายามนี้ศึกทางแดนเหนือ ก าลังด าเนินอยู่ เยี่ยหลีเดินทางมายังเจียงหนานด้วย ระยะทางแสนไกลย่อมมีเรื่องส าคัญมากแน่ จึงไม่พูดไร้ สาระมากนัก นางเล่าเรื่องราวน้อยใหญ่ในหนานจิงใน ระยะนี้ให้เยี่ยหลีฟัง เยี่ยหลีฟังแล้วกลับเอ่ยด้วยความ สงสัยว่า “เจ้าไม่ได้ข่าวคราวพี่ใหญ่ที่เจียงหนานแม้แต่ น้อยเลยหรือ” เหยาจียิ้มขื่นอย่างจนใจ เอ่ยว่า “หลังจาก
书呆子
ได้ยินข่าวที่คุณชายชิงเฉินหายตัวไป ข้าก็ใส่ใจการ เคลื่อนไหวทั้งนอกทั้งในฉู่จิงอย่างระมัดระวัง นึกไม่ถึงว่า จะไร้วี่แววข่าวคราวของคุณชายชิงเฉิน เหยาจีกล้า รับประกันว่า ไม่ว่าคุณชายชิงเฉินจะถูกคนหนานจิง ลักพาตัวไปหรือไม่ แต่อย่างน้อย…คุณชายชิงเฉินยามนี้ ไม่ได้อยู่ที่หนานจิงแน่นอนเพคะ”
เห็นเยี่ยหลีคิ้วขมวด คิ้วงามของเหยาจีก็ขมวด ขึ้นมาเล็กน้อย จะว่าไปเรื่องนี้ก็แปลกอยู่เหมือนกันจริงๆ นั่นแหละ คุณชายชิงเฉินไม่ใช่ตาสีตาสาธรรมดาทั่วไป ไม่ ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนดึงดูดผู้คนให้สนใจทั้งนั้น อีกทั้งจาก สติปัญญาของคุณชายแล้ว ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่า อย่างไรก็ต้องทิ้งเบาะแสไว้ให้พวกนางแน่นอน ทว่าหลาย วันมานี้คนของต าหนักติ้งอ๋องแทบจะพลิกแผ่นดินหนาน จิงหาอยู่แล้ว แต่ก็ไร้ซึ่งข่าวคราวของคุณชายชิงเฉิน
书呆子
ทันใดนั้น เหยาจีก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นางเอ่ย เสียงขรึมว่า “จริงสิ ก่อนที่คุณชายชิงเฉินจะหายตัวไป ข้าน้อยได้ส่งจดหมายลับไปให้เขาฉบับหนึ่ง”
ทุกคนที่ได้ยินก็พลันเงยหน้าขึ้นมา เหยาจีเอ่ยว่า “จดหมายลับนั้นส่งออกมาจากจวนอุปราช เพราะพระ ชายากับท่านอ๋องต่างอยู่ชายแดน ยามนี้เรื่องที่เจียง หนานทั้งหมดจึงเปลี่ยนมือมายังคุณชายชิงเฉิน ดังนั้น จดหมายลับนั่นจึงได้ส่งไปยังคุณชายชิงเฉินโดยตรง ตอน นั้น…เป็นวันที่สองที่ตงฟางฮุ่ยตาย”
“หลังจากที่ตงฟางฮุ่ยถูกฆ่า ข่าวที่ส่งจากต าหนัก หลีอ๋อง…” เยี่ยหลีไตร่ตรองพลางเอ่ย เวลาเหมาะเจาะ เพียงนั้น ข่าวที่เยี่ยอิ๋งส่งมาย่อมเกี่ยวกับตงฟางโยวแน่ แล้ว
“เว่ยลิ่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าใจความในจดหมายเขียนว่า อย่างไร”
书呆子
เว่ยลิ่นส่ายหน้าอย่างเศร้าๆ เอ่ยว่า “ตอนนั้น ข้าน้อยไม่ได้อยู่กับคุณชายชิงเฉิน ต่อมาคุณชายสั่งให้ ข้าน้อยไปหาเพราะมีเรื่องจะสั่ง แต่ข้าน้อยเพิ่งจะถึงหน้า ประตูของคุณชายมือสังหารก็มาถึงแล้ว จากนั้น… จดหมายลับนั่นหากไม่ถูกอีกฝ่ายเอาไป ก็ต้องถูกคุณชาย ชิงเฉินท าลายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเฟิงเอ่ยขึ้นว่า “ยามนี้จวนอุปราชกลับไม่มีข่าว คราวที่ไม่ดีต่อพระชายาหลีอ๋องเลย จดหมายลับน่าจะ ไม่ได้ถูกเปิดเผย”
เยี่ยหลีถอนหายใจอย่างจนปัญญา เอ่ยว่า “เช่นนั้น ก็คงต้องหาช่องโหว่จากต าหนักหลีอ๋องให้พบ เหยาจี บุตรชายม่อจิ่งหลีมีข่าวคราวใดหรือไม่”
เหยาจีพยักหน้า อมยิ้มกระซิบบอกข้างหูเยี่ยหลี สองสามประโยค เยี่ยหลีเลิกคิ้วด้วยความตกใจ เอ่ยว่า “เจ้าแน่ใจรึ”
书呆子
“ถูกต้องแน่นอนเจ้าค่ะ” เหยาจียิ้มเอ่ย “เมื่อสอง เดือนก่อนก็ยืนยันแล้ว เพียงแต่ข่าวนี้ส าคัญเกินไป ข้าน้อยกลัวว่าจะหลุดออกไป จึงให้คนที่ช านาญส่งกลับ เมืองหลีโดยเฉพาะ แต่ไม่คิดว่าคุณชายชิงเฉินกับพระ ชายาจะมาเจียงหนานอย่างไล่เลี่ยกันเช่นนี้”
เยี่ยหลีถอนใจเอ่ยว่า “ไม่จบไม่สิ้นเสียที ม่อจิ่งหลี ได้ยาถอนพิษไปแล้ว เกรงว่าภายหน้าต่อไปข่าวนี้จะไม่ คุ้มค่าเสียแล้ว”
เหยาจีปิดปากหัวเราะเอ่ยว่า “นั่นก็ไม่แน่ ม่อจิ่งหลี ถูกม่อจิ่งฉีวางยาพิษร้ายแรง ต่อให้มียาถอนพิษก็ต้องใช้ เวลาบ ารุงอีกนานจึงจะสามารถเห็นผลได้ แต่หลีอ๋องกลับ เป็นคนใจร้อน พอกลับเจียงหนานก็รับธิดาของขุนนาง ใหญ่ในราชส านักเข้าต าหนักมาห้าหกคน เสียดายก็แต่ไม่ มีข่าวคราวใดเลย ได้ยินว่าหลีอ๋องสงสัยว่าท่านอ๋องจะเอา ยาถอนพิษปลอมมาหลอกเขา ก าลังระงับโทสะอยู่แหน่ะ
书呆子
เพคะ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ใช้กับบิดาไม่ได้ผล ไม่ว่า อย่างไรและเวลาใดลูกก็มีผลกับมารดาอยู่ดี” เหยาจีพูด ถึงตรงนี้ก็ถอนใจออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ อยู่ๆ ก็รู้สึก เห็นใจเยี่ยอิ๋งขึ้นมาเล็กน้อย เป็นแม่ต้องเข้มแข็ง หาก ไม่ใช่เพื่อลูก นางจะทิ้งวันคืนอันสงบสุขในเมืองหลีไป พัวพันอยู่ที่จวนมู่หยางโหวท าไมตั้งหลายปีเพียงนี้