ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 369-4 ลงใต้ สถำนกำรณ์ยำกล ำบำกของเหยำ จี
ติ้งอ๋องเคียดแค้นต่อจวนมู่หยางโหวมานานแล้ว
ลูกชายนางกลับเป็นลูกของมู่หยาง หากนางคิดจะให้ลูก
ชายมีชีวิตที่สงบสุขมั่นคงไปชั่วชีวิตล่ะก็ ก็คงต้อง
จงรักภักดีต่อต าหนักติ้งอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาติ้ง
อ๋องมีพระคุณต่อนางกับลูก ส่วนจวนมู่หยางโหว…แม้ว่ามู่
หยางจะรู้แก่ใจว่าตอนนั้นคนพวกนั้นท าอันใดกับนางและ
ลูก แต่ก็ไม่อาจท าอะไรพวกเขาได้ เพียงแค่ใช้วิธีที่เขาเอง
คิดว่าถูกต้องมารักใคร่นางเท่านั้น มู่หยางคิดว่าเขารัก
นางมาก บางทีเขาอาจจะรักนางมากจริงๆ แต่ความรัก
ของเขากลับไม่ใช่สิ่งที่ลูกชายเขาต้องการมานานแล้ว
ตอนที่นางพามู่เลี่ยกลับไปถึงจวนมู่หยางโหว นางก็ไม่ใช่
เหยาจีคนเก่าผู้นั้นที่ทั้งรักทั้งแค้นมู่หยางอีกต่อไป นาง
เป็นเพียงแค่สายลับคนหนึ่ง เป็นเพียงสายตาที่ต าหนักติ้ง书呆子
อ๋องทิ้งไว้ให้สอดส่องในจวนมู่หยางโหวกับต้าฉู่เท่านั้น แต่
นี้ไป ไร้ซึ่งความรักความแค้น มีเพียงจุดยืนเท่านั้น
เยี่ยหลีพยักหน้าเอ่ยว่า “ไว้ข้าข้าจะไปหาเยี่ยอิ๋งสัก
หน่อย”
เหยาจีพยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าจะคิดหาวิธีจัดการให้
เพคะ หากพระชายาไม่มีธุระอื่นแล้ว พวกเราก็ขอตัวกลับ
ก่อน” เยี่ยหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “รอให้หาพี่ใหญ่เจอ
แล้ว เจ้ากับมู่เลี่ยก็กลับเมืองหลีเถิด” เหยาจีได้ยิน
เช่นนั้นก็ตกตะลึงอย่างอดไม่อยู่ นางอยู่ที่จวนมู่หยางโหว
มาสองปีกว่า ซึ่งได้กลายเป็นคนสอดแนมที่ส าคัญที่สุดใน
หนานจิงให้กับต าหนักติ้งอ๋องไปแล้ว แม้ว่าจะไม่อาจ
เรียกได้ว่าไร้คนมาแทนที่ได้ แต่หากหายตัวไปกะทันหัน
กลับไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร
“พระชายานี่คือ…”书呆子
เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้นมองนาง ยิ้มบางเอ่ยว่า “เรื่องที่
เจ้าควรท าก็เสร็จสิ้นแล้ว ไม่จ าเป็นต้องอยู่ที่เจียงหนาน
ให้เสียเวลาของเจ้าอีกต่อไป”
เหยาจีเงียบงันไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้าเอ่ยว่า “เหยา
จีทราบแล้ว ขอบคุณพระชายามากเพคะ”
เหยาจีพามู่เลี่ยออกจากประตูไป ฉินเฟิงขมวดคิ้ว
มองเยี่ยหลีพลางเอ่ยอย่างกังวลว่า “พระชายาพูดกับนาง
เรื่องนี้ในยามนี้จะไม่เป็นการดีเท่าใดกระมัง” เยี่ยหลีอม
ยิ้มมองเขาแล้วเอยว่า “เจ้าไม่เชื่อใจนางรึ”
ฉินเฟิงสีหน้าแข็งทื่อ พักใหญ่ทีเดียวจึงได้ถอน
หายใจออกมาแล้วเอ่ยว่า “บางทีกระมัง” ความจริงแล้ว
ฉินเฟิงเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าระหว่างเขากับเหยาจีคือ
อะไรกันแน่ เขาไม่เคยลืมเลือนสตรีผอมแห้งที่ตนเคยช่วย
กลับมานางนั้นเลย แต่เขากลับไม่อาจยืนยันได้ว่าเหยาจี
คิดอะไรกับเขากันแน่ หากเหยาจีมีใจแก่เขา เหตุใดตอน书呆子
นั้นจึงขอให้ท่านอ๋องกับพระชายาสั่งให้ส่งนางออกจาก
เมืองหลีไปยังจวนมู่หยางโหวโดยไม่ลังเลสักนิด ส่วนเขา
หากรักเหยาจีเข้าจริงๆ เหตุใดจึงเชื่อใจนางทั้งหมดไม่ได้
และกังวลว่าเหยาจีจะหักหลังในตอนที่พระชายาหยั่งเชิง
นางครั้งแรก
เยี่ยหลีมองฉินเฟิงที่มีสีหน้าดูไม่ได้จึงยิ้มบางเอ่ยว่า
“ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องที่เจ้ากังวลนั้นเป็นเรื่อง
ธรรมดามาก บนโลกนี้ไม่มีความเชื่อใจที่ไร้เงื่อนไข
มิฉะนั้นแล้ว ข้าจะพูดเรื่องนี้ในเวลานี้กับนางได้อย่างไร
ข้ายอมให้นางคิดให้ดีในยามนี้ ดีกว่าในอนาคตมานั่ง
เสียใจภายหลังที่นางแทงข้างหลังข้า” ไม่ใช่ว่าเยี่ยหลีไม่
เชื่อใจในความจงรักภักดีของเหยาจี แต่ชั่วชีวิตของสตรี
ง่ายที่จะสั่นคลอนต่อสองสิ่งนี้ที่สุด หนึ่งคือคนรัก สองคือ
บุตร ขนาดเยี่ยหลีเองยังไม่กล้ารับรองได้เลยว่าจะไม่ท า
เรื่องที่รู้ดีแก่ใจว่าไม่ถูกแต่ก็ยังท าเพื่อม่อซิวเหยากับลูกๆ书呆子
ทั้งสาม ยามนี้นางให้เวลาเหยาจีได้คิดได้ตั้งตัว ดีกว่าถึง
เวลานั้นให้นางยอมรับกะทันหันเป็นไหนๆ ต่อให้เหยาจี
จะมีปัญหาใด พวกนางก็สามารถชดเชยเสริมให้ได้ตลอด
ทันทีที่เยี่ยหลีมาถึงหนานจิงก็ได้ก าหนดจุดจบของ
จวนมู่หยางโหวในอนาคตไว้แล้ว คนที่เคียดแค้นชิงชัง
ต่อม่อซิวเหยามีมากมายนัก มู่หยางโหวคนก่อนคือหนึ่ง
ในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อมาแล้ว เยี่ยหลีก็ไม่ถือสา
ที่จะจัดการแทนเขา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ม่อจิ่งหลี
เห็นด้วยกับซีหลิงและเป่ยหรงในการร่วมมือกัน จวนมู่
หยางโหวก็จะยิ่งเป็นศัตรูต่อต าหนักติ้งอ๋อง จะลงมือ
ก าจัดทิ้งไปก่อนก็ไม่เสียหาย
ฉินเฟิงเงียบไปเนิ่นนาน เขามองเยี่ยหลีแล้วเอ่ยว่า
“พระชายาโปรดยกเรื่องจวนมู่หยางโหวให้เป็นหน้าที่ของ
ข้าน้อยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”书呆子
เยี่ยหลีลังเลอยู่เล็กน้อย “เจ้าไตร่ตรองดีแล้วหรือก
เดิมทีข้าคิดว่าเรื่องนี้จะให้จั๋วจิ้งกับหลินหานไปจัดการจึง
จะเหมาะสม” ฉินเฟิงยิ้มเอ่ยว่า “ขอบพระคุณพระชายา
ข้าน้อยจะไม่ท าให้พระชายาผิดหวังแน่นอน”
เยี่ยหลีถอนใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าควรรู้
ไว้ว่า…” หากจวนมู่หยางโหวถูกท าลายลงในมือฉินเฟิง
ในอนาคตก่อนที่เหยาจีจะลงเอยกับเขาคงได้คิดเป็นกังวล
จริงๆ แล้ว ต่อให้เหยาจีไม่ได้รักมู่หยางแล้ว แต่อย่างไร
เสียมู่หยางก็ยังเป็นพ่อของลูกนาง
“ข้าน้อยทราบดีพ่ะย่ะค่ะ” รอยยิ้มฉินเฟิงบางเบา
แต่น้ าเสียงกลับหนักแน่นดั่งหินผา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ให้หลินหานไปกับเจ้าด้วยแล้ว
กัน หากมีเรื่องใดไม่สะดวกก็ให้หลินหานจัดการ” เยี่ยหลี
เอ่ย หลินหานพยักหน้าขานรับว่า “ข้าน้อยรับบัญชา”
หลินหานย่อมเข้าใจความหมายของพระชายาดี เกิดถึง书呆子
เวลาส าคัญที่ฉินเฟิงต้องจะลงมือสังหารคนใดหรือเวลาใด
ในจวนมู่หยางโหว หลินหานจะได้ท าแทน
“ขอบพระคุณพระชายา”
ณ จวนมู่หยางโหว เหยาจีพามู่เลี่ยเดินไปทางเรือน
ของตนด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ถูกคนตรงหน้ามา
ขวางทางไว้อย่างกะทันหัน เหยาจีเงยหน้าขึ้นมองบรรดา
สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เล็กน้อย
อดีตฮูหยินน้อย ฮูหยินมู่หยางโหวคนปัจจุบัน ใน
ยามนี้ก าลังมองสตรีตรงหน้าที่แม้จะอายุกว่าสามสิบปี
แล้วก็ยังงดงามสั่นคลอนใจคนเหมือนเคย สายตาเต็มไป
ด้วยความอิจฉาริษยาเหลือแสน นางเอ่ยเสียงแหลมสูงว่า
“ฮูหยินน้อยไปไหนมาหรือ”
เหยาจีอารมณ์ไม่ดี คิ้วงามของนางเลิกขึ้นเล็กน้อย
เอ่ยเสียงเรียบว่า “แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้า”书呆子
ฮูหยินมู่หยางโหวสีหน้าพลันแข็งทื่อ ใบหน้าที่เดิม
สะสวยก็พลันดุร้ายขึ้นมา นางกัดฟันเอ่ยว่า “เหยาจี เจ้า
จะอวดดีเกินไปแล้วนะ! อย่าลืมเสียว่าข้าเป็นฮูหยินของมู่
หยางโหว!” เหยาจีปรายตามองนางคราหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่
แยแสว่า “แล้วอย่างไร เจ้าเก็บต าแหน่งฮูหยินมู่หยางโหว
เอาไว้เองเถิด ไม่มีใครมาแย่งเจ้าไปหรอก หากเจ้า
อยากจะได้ กระทั่งต าแหน่งฮูหยินน้อยเจ้าก็ยังเก็บไว้ได้
เลย”
“เจ้า…” ฮูหยินมู่หยางโหวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แทบ
อยากจะฉีกทึ้งสตรีตรงหน้านี้จนทนไม่ไหว กุลสตรี
เพียบพร้อมอย่างนาง นึกไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้ให้กับสตรีที่
เกิดในกองสังคีต หลายปีมานี้ไม่เพียงแต่ได้รับการละเลย
จนสุดจะทนเท่านั้น นางยังถูกบรรดาสตรีชั้นสูงข้างนอก
หัวเราะเยาะเอาอีก ฮูหยินมู่หยางโหวยามนี้ลืมไปแล้วว่า
ในปีนั้นเหยาจีได้รับความล าบากเพราะนางไปเท่าไร书呆子
จนถึงขั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด และในปีนั้นหากนางไม่
บังคับขู่เข็ญ เหยาจีคงได้ปิดบังชื่อเสียงเรียงนามพาลูก
ชายไปใช้ชีวิตอย่างไร้ตัวตนแล้ว จะมาเป็นสายลับให้กับ
ต าหนักติ้งอ๋องและกลับมาแย่งชิงความโปรดปรานจาก
นางได้อย่างไร
เหยาจีช าเลืองมองสตรีท่าทางเพียบพร้อมเหล่านั้น
ด้านหลังของนางอย่างร าคาญ สตรีพวกนี้ล้วนเป็นสตรีที่
ฮูหยินมู่หยางโหวเลือกมาให้มู่หยางเพื่อแสดงให้เห็นถึง
ความเป็นศรีภรรยาในระยะสองปีมานี้ และบางคนก็เป็น
คนในราชส านักเลือกหามาให้ ตราบใดที่เหยาจีได้รับ
ความโปรดปรานแต่เพียงคนเดียว สตรีเหล่านี้ก็สามารถ
เก็บความทะเยอทะยานเอาไว้แล้วยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินมู่
หยางโหวเพื่อจัดการกับเหยาจีได้ ที่น่าเสียดายก็คือ
ส าหรับเหยาจีที่ผ่านเรื่องราวมานับไม่ถ้วนแล้ว คนเหล่านี้书呆子
ก็ยังอ่อนแอเกินไป แม้ว่าพวกนางจะร่วมมือกันแต่ก็ไม่
เคยมาเอาเปรียบอะไรนางได้เลยสักครั้ง
เหยาจียามนี้อารมณ์ไม่ดีนัก ย่อมไม่มีเวลามาปะทะ
ฝีปากกับสตรีเหล่านี้ นางเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินมู่หยาง
โหวแล้วแย้มยิ้มออกมา เอ่ยเสียงต่ าว่า “ฮูหยิน อันที่จริง
มีค ากล่าวที่ข้าอยากจะพูดกับเจ้ามานานแล้ว”
“เจ้าจะพูดอันใด” ฮูหยินมู่หยางโหวจ้องเหยาจี
อย่างระแวง รอยยิ้มของเหยาจีเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย “ข้า
อยากจะบอกเจ้าว่า…ความจริงแล้วเจ้าท าเช่นนี้กับข้าไป
ก็เปล่าประโยชน์ มู่หยางไม่สนใจเจ้า เจ้าไม่คิดว่าควรจะ
ทบทวนตัวเองดูสักหน่อยหรือ เป็นถึงสตรี กลับท าให้สามี
รู้สึกไร้รสชาติ กระทั่งมองสักครั้งยังไม่คิดจะมอง ข้า
สงสารเจ้าจริ