ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 370-3 คุณชำยหำยตัวไป หัวอกของมำรดำ
เงาร่างชุดด าพลันปรากฏตรงเบื้องหน้า ชายสอง คนดักหน้าเยี่ยอิ๋งไว้ ตงฟางโยวพูดด้วยทีท่าผยองอย่างมี ชัยชนะว่า “เอาตัวผู้หญิงคนนี้กลับไปที่ห้องนาง ถ้ายัง บังอาจสร้างปัญหาอีก ก็จับนางไปขังในคุกใต้ดินเสีย!”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายสองคนตอบรับอย่างนอบน้อม
“เจ้าช่างกล้านัก!” เยี่ยอิ๋งตื่นตระหนก เพราะชาย สองคนนี้ดูแล้วไม่ใช่องครักษ์ของต าหนักหลีอ๋อง เมื่อเห็น ทั้งสองเดินเข้ามาจะจับตน เยี่ยอิ๋งจึงกรีดร้องเสียงแหลม ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “ตงฟางโยว! เจ้าจะมากเกินไป แล้ว! ท่านอ๋องต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
ตงฟางโยวพูดเย้ยหยันว่า “อยู่ในบ้านของข้าอย่าง ว่าง่ายเสียเถิด หากยังกล้าออกไปอีก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้า จะตัดขาของเจ้าเสีย เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นเมืองหลีที่มีพระ
书呆子
ชายาติ๋งอ๋อง พี่สาวของเจ้าคนนั้นคอยหนุนหลังเจ้า หรือ”
“เจ้าบังอาจนัก! ท่านอ๋อง…ท่านอ๋อง ช่วยข้าด้วย” เยี่ยอิ๋งพยายามดิ้นรนและส่งเสียงกรีดร้อง
“เอะอะโวยวายอะไรกันน่ะ” ม่อจิ่งหลีเดินเข้ามา จากด้านนอก มองดูความวุ่นวายตรงหน้าด้วยใบหน้าบูด บึ้ง ครั้นเห็นม่อจิ่งหลีเข้ามา เยี่ยอิ๋งก็รีบสลัดตัวออกจาก ชายที่คุมตัวนางอยู่ แล้วไปหลบอยู่ข้างหลังม่อจิ่งหลีทันที “ท่านอ๋องเพคะ…ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย ตงฟางโยวจะตัด ขาของข้า!”
ม่อจิ่งหลีมองไปทางตงฟางโยวอย่างไม่สบอารมณ์ ขมวดคิ้วและกล่าว “เจ้าก่อเรื่องอะไรอีก อย่าให้มันมาก เกินไปนัก”
书呆子
ตงฟางโยวก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเช่นกัน “ข้ามาก เกินไปอย่างไรหรือ ข้าก็แค่ให้คนส่งนางกลับไปที่ห้องเท่า นั้นเอง”
เรื่องภายในต าหนักหลีอ๋องทุกวันนี้ย่อมไม่อาจ ปิดบังม่อจิ่งหลีไปได้ ม่อจิ่งหลีมองไปทางเยี่ยอิ๋งและกล่าว ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น” เยี่ยอิ๋งไม่ได้คาดคิดว่าม่อจิ่งหลีจะ ถามตัวเอง จึงรีบคว้าโอกาสพูดทันใด “ข้าเพียงแค่บอก พระสนมว่าข้าต้องการจะออกไปเดินเล่นเท่านั้น ไม่รู้ว่า นางเกิดบ้าคลั่งอะไรขึ้น จึงห้ามไม่ให้ข้าออกไปจากห้อง โถงใหญ่ อีกทั้งนางยังขู่ด้วยว่า หากข้ายังคิดจะออกไปอีก ก็จะจับข้าเข้าคุกใต้ดินและตัดขาของข้าเสีย ท่านอ๋องเพ คะ เหตุใดข้าจึงไม่ทราบเลยว่า…พระชายาหลีอ๋องอย่าง ข้า แม้แต่จะออกไปจากประตูต าหนักก็ไม่ได้แล้วหรือเจ้า คะ ถ้าหากท่านอ๋องเบื่อหน่ายอิ๋งเอ๋อร์จริงๆ เช่นนั้นแล้วก็ ปลดข้าเสียเลยสิเจ้าคะ ไยจึงต้องให้ข้าทนรับความอัปยศ
书呆子
อดสูเช่นในวันนี้ด้วย” หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเยี่ยอิ๋ง ก็เติบโตขึ้น ตอนนี้เยี่ยอิ๋งใช้กลยุทธยอมถอยหลังก่อนเพื่อ ก้าวข้างหน้าต่อได้เชี่ยวชาญมากแล้ว
แม้ว่าม่อจิ่งหลีจะหมดรักเยี่ยอิ๋งไปนานแล้ว แต่ อย่างไร นางก็เป็นสตรีที่อยู่กับตนเองมาสิบกว่าปีอีกทั้ง ตนยังเคยท าสัญญาไว้กับเยี่ยหลีอีก จึงย่อมไม่อาจปฏิบัติ ต่อนางอย่างย่ าแย่เกินไปนัก ม่อจิ่งหลีกวาดตาไปทางตง ฟางโยวอย่างไม่สบอารมณ์และพูดว่า “อิ๋งเอ๋อร์อยากจะ ออกไปเดินเล่นแล้วเกี่ยวกับอะไรกับเจ้าด้วย เสด็จแม่ยัง รับปากแล้ว แล้วเจ้าจะวุ่นวายอะไรอีก”
สีหน้าตงฟางโยวด าคล้ าขึ้นทันใด และกล่าวว่า “ข้าไม่สน ไม่ว่าอย่างไร ในช่วงนี้คนในต าหนักหลีอ๋องจะ ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เด็ดขาด”
书呆子
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของม่อจิ่งหลีก็ด าคล้ าตาม ไปด้วย และพูดอย่างเย็นชาว่า “ตงฟางโยว อย่าให้มัน มากเกินไปนัก! เช่นนั้น ข้าจะออกไปไหนก็ต้องขอ อนุญาตเจ้าก่อนด้วยหรือไม่ เรื่องที่เจ้าต่อล้อต่อเถียงกับ เสด็จแม่เมื่อหลายวันก่อน ข้าก็ยังไม่ได้ช าระบัญชีกับเจ้า เลย เจ้าอย่าได้มองข้ามเจตนาดีของผู้อื่น!” ตงฟางโยวยิ้ม อย่างเย็นชาและพูดว่า “นั่นคือเสด็จแม่ของเจ้า เกี่ยว อะไรกับข้าด้วย สตรีนางนี้หาจ าเป็นต้องยกไปเกี่ยวโยง กับหญิงเฒ่านั่นไม่”
ขณะที่ม่อจิ่งหลีก าลังจะเดือดดาล กลับฉุกคิด บางอย่างขึ้นได้ สุดท้ายจึงข่มอารมณ์ลง แล้วจ้องมองตง ฟางโยว “เจ้าไม่ยอมให้อิ๋งเอ๋อร์ออกไป แสดงว่าย่อมต้อง มีเหตุผลบางอย่างสินะ”
书呆子
ตงฟางโยวสะอึกทันใด และพูดด้วยความแข็งกร้าว ว่า “เพราะข้าพอใจน่ะสิ หากข้าไม่อนุญาตให้นางออกไป ข้างนอก นางก็ออกไปไหนไม่ได้!”
“เจ้าเสียสติไปแล้ว!” ม่อจิ่งหลีเบื่อหน่ายเกินกว่า จะสนใจนาง จึงคว้าตัวเยี่ยอิ๋งออกนอกประตูไป แล้ว เรียกองครักษ์ของตัวเองมา “ส่งพระชายาออกไปข้าง นอก ข้าจะดูสิว่าใครยังจะกล้าขัดขวางอีก!”
ไม่ว่าตงฟางโยวจะร้ายกาจเพียงใด ม่อจิ่งหลีก็ยัง เป็นนายที่แท้จริงของต าหนัก องครักษ์ข้างกายม่อจิ่งหลี จึงคุ้มครองส่งเยี่ยอิ๋งออกไป และสุดท้ายเยี่ยอิ๋งก็ได้ออก จากต าหนักหลีอ๋องอย่างที่นางต้องการ
ภายในห้องโถง ม่อจิ่งหลีมองตงฟางโยวอย่างไม่ พอใจ ม่อจิ่งหลีกล่าวว่า “เจ้าระวังตัวให้ดีด้วย” ค าหนึ่ง แล้วก็กลับไปที่ห้องอ่านหนังสือโดยไม่แม้แต่จะหัน กลับมามองนางอีก
书呆子
ตงฟางโยวจับจ้องไปยังประตูที่ว่างเปล่าด้วยท่าทาง เศร้าสลดและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน แต่กลับท าให้คน ที่อยู่รอบกายนางรู้สึกประหลาดใจ บัดนี้คนข้างกายตง ฟางโยวล้วนเป็นบริวารของภูเขาซางหมางในอดีต หลังจากที่ภูเขาซางหมางถูกท าลาย พวกเขาย่อมมา ติดตามตงฟางโยวในฐานะที่นางเป็นคุณหนู บรรดา บริวารเหล่านี้มีคนที่เติบโตในภูเขาซางหมางมาพร้อมกับ ตงฟางโยวอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นสภาพของตงฟางโยว ในตอนนี้ พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือคุณหนู ที่เคยเฉลียวฉลาดแต่ออกจะไร้เดียงสาแห่งภูเขาซาง หมางคนนั้น สุดท้ายทุกคนจึงท าได้แค่มองว่าการที่ภูเขา ซางหมางเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน ซ้ าร้าย ฮูหยินยังมาสิ้นชีพลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ท าให้ตงฟาง โยวได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากจนเกินไป จึงพลอยให้นิสัยของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงด้วย
书呆子
เช่นกัน พวกเขาจึงท าได้เพียงแอบถอนหายใจอยู่ในใจ เท่านั้น
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ พระสนมหรงคนนั้นออกไป แล้ว พวกเราจะต้อง…” ชายชุดด าที่จะเข้ามาจับเยี่ยอิ๋ง เมื่อครู่ถามเสียงเบา
ตงฟางโยวพ่นลมออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “ช่าง เถิด ถ้าท าอะไรมากเกินไป กลับจะท าให้ม่อจิ่งหลีสงสัย ได้ง่าย พวกเจ้าส่งคนไปจับตาดูเยี่ยอิ๋งเอาไว้ หากนางกล้า ติดต่อกับคนในต าหนักติ้งอ๋อง ก็ฆ่านางเสีย!”
ชายชุดด าถามอย่างสงสัยว่า “ใครๆ ก็ทราบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพระชายาติ้งอ๋องกับสนมหรงไม่สู้ดี นัก ต่อให้คนของต าหนักติ้งอ๋องมาตามหาคุณชายชิงเฉิน จริงๆ เกรงว่าก็คงไม่มาหาพระชายาหรงเป็นแน่ ยิ่งไป กว่านั้น แม้แต่หลีอ๋องก็ยังไม่รู้อันใดทั้งสิ้น นางจะรู้อะไร ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
书呆子
ตงฟางโยวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ที่เจ้า พูดก็ถูก แต่อย่างไรระวังไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า คน ของต าหนักติ้งอ๋องมีแผนพิสดารมากมาย ไม่แน่ว่าหญิงโง่ อย่างเยี่ยอิ๋งคนนั้นอาจจะโดนเขาขายแล้วยังจะช่วยเขา นับเงินอีกก็ได้”
ชายชุดด าพยักหน้าและพูดว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะส่งคนไปจับตาดูสนมหรงอย่างใกล้ชิดพ่ะย่ะ ค่ะ”
เมื่อเยี่ยอิ๋งออกมาจากต าหนักหลีอ๋องแล้ว ก็ให้ องครักษ์ของม่อจิ่งหลีกลับไป เดิมทีองครักษ์เหล่านี้ก็ เพียงแค่มาส่งนางออกจากต าหนักเพื่อจะได้ไม่โดนตงฟาง โยวขัดขวางเท่านั้น จึงไม่ได้ติดตามนางไปต่ออีก เยี่ยอิ๋ง เดินเล่นรอบๆ เมืองหนานจิงครู่หนึ่ง แล้วหันตัวมุ่งหน้า ไปยังวัดที่มีคนมาจุดธูปกราบไหว้จ านวนมากในเมือง ทันที เยี่ยอิ๋งมักจะมาที่วัดทุกเดือนเพื่อวิงวอนถึงลูกของ
书呆子
นางที่หายไปนาน เมื่อเห็นนางมาถึง เจ้าของวัดก็รีบ ออกมาต้อนรับและเชิญนางเข้าไปในวัด เยี่ยอิ๋งจุดธูป เหมือนเช่นทุกครั้ง และขอให้เณรที่รับใช้อยู่ในโถงวัด ออกไป เยี่ยอิ๋งคุกเข่าอยู่คนเดียวในนั้นเพื่อสวดอ้อนวอน ถึงลูกของนาง
สองปีมานี้ เยี่ยอิ๋งมักจะมาที่นี้ เหล่าสามเณร ภายในวัดล้วนทราบว่าพระชายาหลีก าลังสวดอ้อนวอน ให้แก่ลูกของนาง แม้ว่าบางคนจะไม่เข้าใจว่า ในเมื่อลูก ชายของพระชายาหลีตายไปแล้ว ทว่า เหตุใดพระชายา หลีถึงได้สวดอ้อนวอนราวกับลูกชายของตนยังมีชีวิตอยู่ อีก หากแต่ คนเหล่านี้ล้วนรู้ดีว่าอะไรควรพูดและมิควร พูด ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจกับการกระท าของเยี่ยอิ๋ง
ในโถงวัดอันเงียบสงบ เยี่ยอิ๋งคุกเข่าอยู่บนเบาะ ทรงกลม สวดภาวนาอยู่ในใจเงียบๆ ต่อหน้าพระพุทธรูป ด้านบนอย่างจริงใจ จนกระทั่งเสียงมีฝีเท้าเบาๆ จาก
书呆子
ด้านล่างที่ดังขึ้น จึงท าให้นางตกใจ เมื่อหันกายกลับไปก็ เห็นชายหนุ่มชุดขาวโปร่งเดินออกมาจากหลังต าหนัก แล้วคุณชายที่สวมชุดขาวหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ก็เผยยิ้ม กว้าง แต่กลับไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดชัง หน าซ้ ายัง ท าให้รู้สึกว่าทั้งจิตใจสงบลงขึ้นกว่าเดิม เยี่ยอิ๋งเคยเห็น ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลามาไม่น้อย แต่นางไม่เคยเจอกับ ผู้ชายคนไหนที่ท าให้นางเกิดความรู้สึกดีในใจเช่นนี้มา ก่อน ต่อให้เป็นคุณชายชิงเฉินที่ราวกับเทพบุตรแปลง กายมาจากสรวงสวรรค์ ก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถเทียบเท่า กับชายผู้นี้ได้
“น้องสี่ สบายดีหรือไม่” คุณชายชุดขาวถามด้วย รอยยิ้ม
เยี่ยอิ๋งอึ้งไปโดยพลัน และถามออกไปอย่าง ประหลาดใจว่า “พี่…พี่สามเหรอ เจ้าท าได้อย่างไร” เมื่อ มองดูใบหน้าที่งดงามนั่นอีกครั้งอย่างละเอียด ก็ไม่ใช่ว่า
书呆子
คลับคล้ายคลับคลากับหน้าตาของเยี่ยหลีอย่างนั้นหรือ เพียงแต่คนผู้นี้ออกจะดูสง่างามและปล่อยตัวตามสบาย กว่าเยี่ยหลีที่สง่างามหากแต่ดูส ารวมผู้นั้น