ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 370-4 คุณชำยหำยตัวไป หัวอกของมำรดำ
เยี่ยหลีเล่นพัดในมือ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ข้า เองน่ะสิ น้องสี่จ าไม่ได้แล้วหรือ”
เยี่ยอิ๋งยิ้มอย่างละอาย รูปลักษณ์ของเยี่ยหลีเช่นนี้ ช่างแตกต่างจากความทรงจ าเดิมไปมาก ถ้าหากอยู่บน ท้องถนนใหญ่ คงเกรงว่าจะเป็นเพียงการเดินผ่านและ จากไปโดยที่นางไม่อาจจ าได้เลย หลังจากผ่าน ประสบการณ์ต่างๆ มา เยี่ยอิ๋งถึงถามขึ้นโดยไม่ถือสาว่า “ท าไมพี่สามถึงมาที่หนานจิงด้วยตัวเองเล่า” เดิมทีนาง คิดว่าเหยาจีต้องการพบนาง กลับนึกไม่ถึงว่าจะ กลายเป็นเยี่ยหลีที่มาหานางถึงที่ด้วยตัวเอง
เมื่อได้ยินค าพูดของเยี่ยอิ๋ง รอยยิ้มบนใบหน้า ของเยี่ยหลีก็หุบลงเล็กน้อย และถอนหายใจเบาๆ “ก็ เพราะว่าเกิดเรื่องแล้วน่ะสิ หลายวันก่อน เจ้าให้เหยาจีส่ง
书呆子
จดหมายลับกลับไปเมืองหลี ในจดหมายนั่นเขียนว่าอันใด หรือ”
เยี่ยอิ๋งอึ้งไปทันใด “เกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างนั้น หรือ”
เยี่ยหลีส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่ใช่ปัญหาของเจ้า จดหมายฉบับนั้นส่งถึงมือพี่ใหญ่แล้ว แต่ตอนนี้…พี่ใหญ่ หายตัวไป ฉะนั้นข้าจึงอยากรู้ว่าในจดหมายนั่นเขียนว่า อย่างไร” เมื่อฟังดังนั้นเยี่ยอิ๋งก็ถอนหายใจด้วยความโล่ งอก และรีบพูดว่า “หลังจากที่ตงฟางฮุ่ยตาย ม่อจิ่งหลีก็ ไปหาตงฟางโยว ตอนนี้กองก าลังที่หลงเหลือทั้งหมดใน ภูเขาชางหมางตกอยู่ในก ามือของตงฟางโยวแล้ว ม่อจิ่ง หลีได้ท าข้อตกลงกับตงฟางโหยว ตงฟางโยวจึงตัดสินใจ ช่วยม่อจิ่อหลีถึงที่สุด และม่อจิ่งหลีก็ช่วยตงฟางโยวให้ได้ คุณชายชิงเฉินมา”
书呆子
“ได้?” เยี่ยหลีขมวดคิ้ว การที่ค าว่า “ได้” นี้ถูกใช้ กับสวีชิงเฉินก็ท าให้รู้สึกน่ารังเกียจยิ่งนัก เมื่อคิดอยู่ครู่ หนึ่ง จึงถามขึ้นว่า “เช่นนั้น…เป็นไปได้หรือไม่ที่ม่อจิ่งหลี จะลักพาตัวพี่ใหญ่ไป”
เยี่ยอิ๋งไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้าและ พูดว่า “ไม่น่าใช่…ม่อจิ่งหลีเคยส่งคนข้ามแม่น้ าไปก็จริง ทว่า พวกนั้นกลับมามือเปล่า ม่อจิ่งหลียังโกรธเป็นฟืน เป็นไฟ และทะเลาะกับตงฟางโยวเสียยกใหญ่อีกด้วย หลายวันมานี้ แม้ว่าตงฟางโยวจะช่วยม่อจิ่งหลีกกดดัน องค์ไทเฮา แต่ตงฟางโยวยามอยู่ภายในต าหนักก็ท าตัว โอหังนัก แม้แต่เสียนเจาไท่เฟยก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา ด้วย เหตุนี้ม่อจิ่งหลีถึงได้ทะเลาะกับนางบ่อยครั้ง วันนี้นางยัง ไม่ยอมให้ข้าออกมาข้างนอกอีกด้วย”
书呆子
เยี่ยหลีขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน และถามว่า “ตง ฟางโยวล่ะ ช่วงนี้ตงฟางโยวออกจากต าหนักบ้าง หรือไม่”
เยี่ยอิ๋งส่ายหน้า ผ่านไปครู่หนึ่งถึงนึกขึ้นได้ และ มองเยี่ยหลีด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคิดว่าตงฟางโยว จับคุณชายชิงเฉินไปหรือ” เยี่ยหลีถอนหายใจและกล่าว ว่า “แค่คาดเดาเท่านั้น” เยี่ยอิ๋งพูดต่อ “หลายวันนี้ตง ฟางโยวไม่ออกไปไหนเลย แต่นางมีบ่าวใช้เยอะมาก ภายในจวนหลายวันนี้ก็มีคนของภูเขาซางหมางไม่น้อย แต่เมื่อม่อจิ่งหลีไม่ได้ว่าอะไร คนอื่นก็ไปยุ่งอะไรไม่ได้” พอได้ยินค าพูดของเยี่ยหลี ในใจเยี่ยอิ๋งก็ตกตะลึงกับการ วางอ านาจบาตรใหญ่ของตงฟางโยวอย่างอดไม่ได้ การ ลักพาตัวผู้ชายที่ตัวเองชอบแต่ผู้ชายมิได้ชอบตัวเองแบบ นี้ เยี่ยอิ๋งคิดว่าตัวนางก็ไม่มีทางท าถึงขนาดนี้ได้อย่าง แน่นอน
书呆子
เยี่ยหลีเล่นพัดพลางคิดใคร่ครวญ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึง พูดขึ้นว่า “หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว พยายามหาทาง ให้ม่อจิ่งหลีรู้ว่า ตงฟางโยวลักพาตัวคุณชายชิงเฉินไป”
เยี่ยอิ๋งตกตะลึง และพูดด้วยความสับสนว่า “ข้าจะ บอกม่อจิ่งหลีอย่างไรเล่า แล้วเขาจะเชื่อข้าได้อย่างไร” อันที่จริง หลายวันที่ผ่านมาเยี่ยอิ๋งเริ่มรู้สึกกลัวตงฟางโยว ขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะหลังจากที่ตงฟางฮุ่ยเสียชีวิต ทุกครั้งที่นางเห็นตงฟางโยว ตงฟางโยวมักจะท าให้นาง รู้สึกว่าหวาดกลัวอย่างน่าขนลุก แต่นางก็เข้าใจดีว่า ตัวเองจ าเป็นต้องท าตามที่เยี่ยหลีบอก ไม่ต้องพูดโยงไป ถึงเรื่องลูกของนางที่ยังจ าเป็นต้องให้เยี่ยหลีช่วยตามหา แต่เพียงเพราะถ้าหากเยี่ยหลีไม่ได้ส่งคนมาคุ้มครองตัว นางอยู่ลับๆ เยี่ยอิ๋งเกรงว่าต่อให้ตงฟางโยวไม่ฆ่าตัวนาง ให้ตาย นางก็ยังไม่รู้เลยว่าชีวิตตัวเองในแต่ละวันจะเป็น อย่างไร ดูแค่องค์หญิงซีสยาผู้หยิ่งผยองและไม่สนใจใคร
书呆子
หน้าไหนที่ถูกตงฟางโยวกดข่มอย่างในทุกวันนี้ก็เห็นได้ ประจักษ์ชัดแล้ว
เยี่ยหลีคิดอยู่ครู่หนึ่ง การให้เยี่ยอิ๋งไปบอกก็เป็นสิ่ง ที่ไม่เหมาะสมจริงๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเยี่ยอิ๋งรู้เรื่องที่ คุณชายชิงเฉินหายตัวไปได้อย่างไรเลย แค่สมองของ เยี่ยอิ๋งก็คิดเรื่องที่ซับซ้อนเช่นนี้ออกมาไม่ได้แล้ว เกรงว่า ถ้าให้นางพูดออกไป คนที่จะโดนม่อจิ่งหลีสงสัยก่อนเป็น อันดับแรกก็คือเยี่ยอิ๋งเอง คิดไปสักพัก เยี่ยหลีก็พูดขึ้น “ตอนนี้องค์หญิงซีสยาเป็นอย่างไรบ้าง”
เยี่ยอิ๋งส่งเสียงสบถด้วยความรู้สึกที่มีความสุขบน ความทุกข์ของผู้อื่นเบาๆ “ทุกวันนี้นางย่อมล าบากกว่า ข้าแน่นอน” เมื่อนึกถึงองค์หญิงซีสยาที่ไร้ชื่อเสียงและไร้ สถานะกลับกดหัวเยี่ยอิ๋งมาได้หลายปีเพียงนั้น แล้วมา เห็นท่าทางของนางที่ถูกตงฟางโยวจัดการ เยี่ยอิ๋งก็อด รู้สึกสาแก่ใจจากความโกรธที่มีอยู่ลึกๆ ในใจไม่ได้
书呆子
ท่าทางของเยี่ยหลีดูเฉยเมย และกล่าวว่า “แต่ม่อ จิ่งหลีก็ยังคงเอ็นดูนางพอสมควรเลยใช่หรือไม่” ไม่ว่า ร่างกายขององค์หญิงซีสยาจะเป็นอย่างไร อย่างน้อย จริงๆ แล้ว องค์หญิงซีสยาก็ช านาญการเอาอกเอาใจ ผู้ชายมากกว่าเยี่ยอิ๋ง เพียงแค่ได้เห็นว่าเยี่ยอิ๋งมีท่าทาง อิจฉาริษยา ก็เผยความสุขบนความทุกข์คนอื่น และยัง รู้สึกว่าองค์หญิงซีสยายังไม่ได้สูญเสียความโปรดปราน จากม่อจิ่งหลีไปโดยสิ้นเชิง อีกทั้ง แม้ว่าจะมีตงฟางโยวอ ยู่ แต่องค์หญิงซีสยาก็ไม่ได้สูญเสียความรักทั้งหมดไป แม้ว่าตงฟางโยวจะเก่งกาจมาก แต่เอาเข้าจริงนางก็เป็น คนที่ท าให้ผู้ชายอย่างม่อจิ่งหลีตึกเกลียดได้ง่ายมาก เช่นกัน เยี่ยหลีมั่นใจได้เลยว่า ยิ่งตงฟางโยวจัดการกับ องค์หญิงซีสยาเท่าไร ม่อจิ่งหลีกลับจะยิ่งเอ็นดูนางมาก ขึ้นเท่านั้น
书呆子
“เจ้าลองหาวิธีท าให้องค์หญิงซีสยารู้เรื่องนี้ ถึงตอน นั้นนางต้องยินดีที่จะวิเคราะห์ให้ม่อจิ่งหลีฟังอย่าง แน่นอน แต่ต้องระวัง อย่าให้นางสงสัยในตัวเจ้า” เยี่ยหลี ก าชับ
เยี่ยอิ๋งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าตอนนี้ด้วยเพราะตง ฟางโยควบคุมต าหนักหลีอ๋องอยู่ ท าให้ไม่อาจใช้งานคน จ านวนมากของต าหนักติ้งอ๋องได้อีก แต่สิ่งที่เยี่ยหลีก าชับ ก็ไม่ได้ยากที่จะจัดการเกินไปนัก เยี่ยอิ๋งจึงพยักหน้าและ กล่าวรับปาก
เยี่ยหลีมองดูท่าทางที่นางมองตัวเองด้วยความ ลังเลจะพูดอะไรบางอย่าง จึงคิดไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า “จริงสิ มีข่าวของลูกเจ้าแล้วนะ”
“อ…อะไรนะ” เยี่ยอิ๋งใจสะท้านโดยพลัน มองเยี่ย หลีด้วยความตกตะลึง ประกายน้ าตาแห่งความตื่นเต้น สั่นไหวอยู่ภายในตาของนาง นางคว้ามือเยี่ยหลีโดยไม่
书呆子
สนใจว่าเวลานี้ทั้งสองคนแต่งตัวอย่างไร และพูดว่า “มี ข่าวแล้วหรือ เขา…เขายังมีชีวิตอยู่จริงหรือ”
เยี่ยหลีพยักหน้าอย่างเรียบสงบ เมื่อมองดูท่าทางที่ ตื่นเต้นจนลืมตัวของเยี่ยอิ๋ง ในใจก็บังเกิดความรู้สึก สงสารขึ้นมาแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ และพูดเบาๆ ว่า “มี ข่าวจริงๆ ม่อจิ่งฉีไม่ได้ฆ่าเด็กคนนั้นตั้งแต่แรก อีกไม่กี่วัน จะมีข่าวที่ชัดเจนกว่านี้แน่นอน”
ไหนเลยที่เยี่ยอิ๋งจะสนใจอะไรมากมาย นางพยัก หน้าหลายครั้งและพูดว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะรอ พี่สาม ขอบคุณเจ้า…เจ้าต้องการจะให้ข้าช่วยอะไร ข้าจะท าให้ ส าเร็จให้จงได้ ขอเพียงแค่ให้ข้าได้พบกับลูกของข้า”
เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “ข้าจะไม่ให้เจ้าท า เรื่องอะไรที่เป็นอันตรายแน่ เจ้าวางใจเถิด ไว้รอให้พบตัว พี่ใหญ่แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปพบกับเด็กคนนั้น”
书呆子
ในที่สุด น้ าตาในดวงตาของเยี่ยอิ๋งก็รินไหลลงอย่าง อดกลั้นไม่ไหวอีก เยี่ยอิ๋งทรุดตัวลงบนเบาะทรงกลมและ เริ่มสะอื้นไห้ขึ้นมา เดิมที ตอนที่เด็กคนนั้นยังอยู่ แม้ว่า นางจะปฏิบัติต่อเขาไม่เลว แต่กลับไม่ได้รู้สึกรักใคร่ ห่วงใยแต่อย่างใด ถึงขนาดใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือแก่งแย่ง ความรักความโปรดปราน แต่เมื่อถึงตอนที่รู้ว่าเด็กคนนั้น ไม่ใช่ลูกของตัวเอง และลูกชายที่ตัวเองคลอดออกมา หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้กระทั่งเห็นหน้าก็ยังไม่ เคยเห็นนั้น เยี่ยอิ๋งถึงได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ราวกับหัวใจ โดนมีดกรีดโดยแท้จริง นางขอเพียงแค่หาลูกตัวเองเจอ ต่อให้ต้องคร่าชีวิตของนาง นางก็จะไม่เสียดายอีก
เยี่ยหลียื่นมือไปตบหลังนางเบาๆ และกล่าวว่า “เอาล่ะ เช็ดน้ าตาแล้วกลับไปเถิด ข้างนอกมีคนมองอยู่ นะ ถ้าอยู่ที่นี่นานไปจะไม่ดี” ในที่สุดน้ าตาเยี่ยอิ๋งก็หยุด ลง เมื่อซับใบหน้าแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินออกไป
书呆子
เยี่ยหลีนั่งอยู่ในโถงวัดที่ว่างเปล่า เงยหน้าเหลือบ มองขึ้นไปยังพระพุทธรูปที่มองสรรพชีวิตด้วยความ เมตตา แล้วเยี่ยหลีก็ยิ้มขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้
“พระชายา” จั๋วจิ้งปรากฏตัวภายในโถงวัดอย่างไร้ ซุ่มเสียง และกล่าวรายงานเสียงเบาว่า “ด้านนอกมีคน ตามพระชายาหลีมาพ่ะย่ะค่ะ เป็นคนของภูเขาซาง หมาง” เยี่ยหลีพยักหน้าพูดว่า “อีกสักพักพวกเราค่อย ออกไป ไม่ต้องสนใจพวกเขา”