ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 370-5 คุณชำยหำยตัวไป หัวอกของมำรดำ
จั๋วจิ้งพยักหน้าเงียบๆ หลังจากนั้นไม่นาน จั๋วจิ้งถึง
ถามขึ้นว่า “พระชายาต้องการจะให้ม่อจิ่งหลีกับตงฟาง
โยวทะเลาะกันเอง เช่นนี้ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีถอนหายใจและกล่าวว่า “ได้หรือไม่ได้ก็ต้อง
ลองดู พวกเราล้วนคิดว่าตงฟางโยวจับพี่ใหญ่ไป แต่หาก
นางไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย พวกเราก็ไม่สามารถหา
พี่ใหญ่ลเจอได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้…แหวกหญ้าให้งูตื่นก่อน
จะดีเสียกว่า ส่วนที่หนานจิง ไม่ว่าอย่างไรม่อจิ่งหลีรู้
ดีกว่าพวกเรามาก หากเป็นตงฟางโยวที่จับพี่ใหญ่ไปจริง
ข้าก็ไม่เชื่อว่านางจะสามารถซ่อนพี่ใหญ่อยู่ในสถานที่ที่
ห่างไกลจากตัวเองเกินไปนักได้ ต่อให้ไม่ใช่ในเมืองหนาน
จิงก็น่าจะเป็นสักที่ใกล้ๆ นี้”
จั๋วจิ้งพยักหน้าเห็นด้วย บัดนี้มีทางแค่หนทางนี้ทาง
เดียวเท่านั้น จะบอกว่าเจียงหนานนี้ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็书呆子
ไม่เล็ก หากแต่ภูเขาซางหมางท าปฏิบัติการมาหลายร้อย
ปีแล้ว จึงหามีผู้ใดรู้ว่าตงฟางโยวซ่อนคุณชายชิงเฉินไว้ที่
ซอกหลืบใดไม่
“ส่งคนไปจับตาดูต าหนักหลีอ๋อง ตงฟางโยวคงไม่
คิดจะไม่ไปหาพี่ใหญ่เลยหรอก” เยี่ยหลีก าชับเสียงเบา
“รับบัญชา” จั๋วจิ้งเอ่ยเสียงเบา
ณ ต าหนักท่านอ๋องผู้ส าเร็จราชการ
ตงฟางโยวนั่งอยู่คนเดียวในห้องหนังสือมองดู
ภาพวาดเหมือนที่กางอยู่บนโต๊ะราวกับเหม่อลอย ดวงตา
ที่ขุ่นนวลเต็มไปด้วยความหลงใหลและความเคียดแค้น
จ าเป็นต้องบอกว่าฝีมือการวาดภาพของตงฟางโยวไม่เลว
เลย ผู้ชายผมด าชุดขาวในภาพมีท่าทางเรียบเฉยราวกับ
เทพบุตรบนสวรรค์书呆子
ตงฟาวโยวยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของชายรูป
งามในภาพ แล้วรอยยิ้มแห่งความปรีดาของตงฟางโยวก็
ไหลวนอยู่ภายในดวงตา
‘ปัง!’ ประตูห้องหนังสือถูกคนเตะจากด้านนอกจน
เปิดออก สายตาของตงฟางโยวพลันเยือกเย็น เงยหน้า
มองผู้ชายที่ยืนโกรธเกรี้ยวอยู่ที่หน้าประตูอย่างไม่สบ
อารมณ์ “เจ้าท าอะไรน่ะ”
ม่อจิ่งหลีรีบเดินเข้าไปในห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นรูปวาดบนโต๊ะก็พ่นลมหายใจดูถูก แล้วก้าวไป
ข้างหน้าคว้าเสื้อของตงฟางโยวและพูดอย่างเดือดดาลว่า
“นังสารเลว! เจ้าบังอาจยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเล่น
ตุกติกกับข้า!”
ตงฟางโยวผงะไป ยกมือขึ้นปัดมือของม่อจิ่งหลีที่
จับคอเสื้อของตนอย่างไม่พอใจและพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่า เจ้า书呆子
ก าลังบ้าคลั่งอะไรอยู่! ม่อจิ่งหลี อย่าคิดว่าข้ากลัวเจ้า เชื่อ
หรือไม่ว่าข้าสังหารเจ้าตอนนี้เลยก็ยังได้!”
ม่อจิ่งหลียิ้มอย่างดูถูก “ฆ่าข้าหรือ ยามนี้บน
แผ่นดินอันกว้างใหญ่ของใต้หล้า นอกจากเจียงหนานของ
ข้าแล้วยังมีที่ให้คนจากภูเขาซางหมางอย่างเจ้าอยู่อีกหรือ
หากฆ่าข้าแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถออกจากต าหนักหลี
อ๋องไปโดยที่ยังมีชีวิตได้อีกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น…ตอนนี้มี
ชายงามอยู่ในมือ เจ้ายินยอมตายด้วยหรือ”
ใบหน้าของตงฟางโยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ข้าไม่รู้
ว่าเจ้าก าลังพูดเรื่องอะไร”
ม่อจิ่งหลีเยาะเย้ย “ไม่รู้? ข้าส่งคนไปช่วยเจ้าจับสวี
ชิงเฉิน แต่เจ้ากลับส่งคนไปชิงตัวเขาตัดหน้าข้าอย่างนั้น
หรือ ข้าเป็นแพะรับบาปให้เจ้าแล้ว ส่วนผลประโยชน์
กลับกลายเป็นตกอยู่บนตัวเจ้าคนเดียวทั้งหมด พอถึง
ตอนเจ้าจากไป เจ้าก็ได้เสพสุขอยู่แดนไกล ปล่อยให้ข้า书呆子
กับต าหนักติ้งอ๋องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เจ้าวางแผนได้
ดีนักนี่ ตงฟางโยว หากตอนแรกเจ้าอยู่เมืองหลีแล้วฉลาด
เช่นนี้ เหตุใดทุกวันนี้ถึงตกต่ าได้ถึงขนาดนี้เล่า”
หัวใจของตงฟางโยวพลันเต้นแรง แต่ยังคงพูดโดย
ที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลงว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้ยินถ้อยค า
เลอะเทอะมาจากไหน ชิงตัดหน้าอันใดกัน เจ้าไร้
ความสามารถที่จะจับตัวคุณชายชิงเฉิงเองต่างหาก และ
ข้าก็ไม่ได้ผิดสัญญา ถือว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีแล้ว เจ้า
จงอย่าได้คืบจะเอาศอกนักเลย!”
สีหน้าของม่อจิ่งหลีบิดเบี้ยวและยิ้มอย่างชั่วร้าย
“เจ้าคิดว่าข้ายังจะเชื่อเจ้าอีกหรือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เจ้าจงอยู่แต่ในจวน และไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปไหน
ทั้งนั้น”
“เจ้าอยากจะกักบริเวณข้าทางอ้อมหรือ” ตงฟาง
โยวจ้องม่อจิ่งหลีด้วยท่าทางถมึงทึง书呆子
ม่อจิ่งหลีเลิกคิ้วและพูดว่า “บอกข้ามาว่าตอนนี้สวี
ชิงเฉินอยู่ที่ใด” ที่ม่อจิ่งหลีกล้าลงมือจับสวีชิงเฉิน ไม่ใช่
เพียงแค่เพื่อจะเอามาให้ผู้หญิงคนนี้ได้เพ้อเจ้อสมใจอย่าง
เดียวเท่านั้น ตงฟางโยวไม่สะทกสะท้าน “ข้าไม่รู้ว่าเจ้า
ก าลังพูดอะไร”
ม่อจิ่งหลีก็ไม่สนใจเช่นกัน เขาผลักตงฟางโยว ยก
มือขึ้นไปหยิบภาพวาดบนโต๊ะ และหัวเราะเยาะเย้ย
“หลายวันนี้เจ้าไม่ได้ออกจากต าหนักอ๋องเลยสินะ
อย่างไรล่ะ ไม่กล้าไปพบคุณชายชิงเฉินหรือ ก็ใช่สิ…
คุณชายชิงเฉินงดงามปานดวงตะวันยามฟ้าสาง สมญา
นามว่าคุณชายแห่งเทพสวรรค์ แล้วจะชอบคนที่เหี่ยว
แห้งโรยราเช่นเจ้าได้อย่างไร เจ้าถึงได้กล้าเพียงคลั่งไคล้
อยู่กับภาพเหมือนเช่นนี้”书呆子
สีหน้าของตงฟางโยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยื่นมือ
ออกไปคว้ารูปวาดในมือของม่อจิ่งหลี “ม่อจิ่งหลี เอาคืน
มานะ!”
ม่อจิ่งหลีเอี้ยวตัวหลบนาง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่
ต่อสู้ของตงฟางโยว จึงไม่ได้รบเร้านางอีก เขาหันตัวเดิน
ออกไปด้านนอก พลางพูดเตือนนางว่า “ข้าขอให้เจ้าอยู่
แต่ในต าหนักหลีอ๋องอย่างว่าง่าย และอย่าได้ท าตัวโอหัง
อีก เจ้าคิดว่าคุณชายชิงเฉินจะรู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนจับ
เขามา เจ้าไม่กล้าพบเขาสินะ ฮ่าๆ…แต่คุณชายชิงเฉิน
ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เหตุใดจะเดาไม่ออกเล่า เจ้าว่าสวีชิง
เฉิงจะยอมตายดีเสียกว่าได้คนอย่างเจ้าหรือเปล่า ถ้าหาก
ข้าเป็นคุณชายชิงเฉินล่ะก็ คงยอมตายเพราะไม่อยากได้
ผู้หญิงเช่นเจ้าอยู่แล้ว เจ้าจะท าให้ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์มา
ตลอดหลายร้อยปีของตระกูลสวีเป็นต้องแปดเปื้อน ฮ่าๆ
…”书呆子
“ม่อจิ่งหลี!” ตงฟางโยวโกรธจัด มือคว้าหินหมึก
บนโต๊ะโยนเข้าใส่ไปแผ่นหลังของม่อจิ่งหลี ม่อจิ่งหลี
เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว จึงแว่บตัวออกจากห้องในทันใด
หินหมึกจึงกระแทกเข้ากับประตูห้องหนังสือเสียงดังปัง
ตงฟางโยวถลึงตาจ้องประตูที่โยกไปมาจากแรง
กระแทกของตัวเอง ท่าทางอันเกี้ยวกราดเสียกิริยาของ
ตงฟางโยว ท าให้ผู้คนเป็นต้องรู้สึกหนาวสะท้าน ผ่านไป
ครู่ใหญ่ ตงฟางโยวถึงจะกัดฟันและพ่นชื่อหนึ่งออกมา
“ซีสยา…”