ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 371-1 กำรจำกไปขององค์หญิงซีสยำ สวำมีใจ หิน
ภายในเรือนสยาของต าหนักหลีอ๋องที่องค์หญิงซีส
ยาพักอยู่ นางก าลังนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยและงีบหลับ
ด้วยใบหน้าที่อิ่มเอมเป็นสุข หลายวันมานี้นางถูกตงฟาง
โยวกดดันอย่างหนัก แม้ว่าจะมีหลีอ๋องคุ้มครอง หากแต่
หลีอ๋องก็ไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนนางได้ตลอดเวลา และยิ่ง
เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลงโทษตงฟางโยวผู้ที่ครอบครอง
กองก าลังทั้งหมดของภูเขาซางหมางเอาไว้ในก ามือ
ดังนั้นชีวิตของนางหลายวันนี้จึงต้องพบกับความทุกข์
ทรมานอย่างมากจริงๆ จนในที่สุดวันนี้นางก็ได้โอกาส
ฟ้องหนักๆ ต่อหน้าหลีอ๋องเสียที
แม้ว่าองค์หญิงซีสยาจะไม่ได้มีชื่อเสียงหรือสถานะ
โดยแท้จริง แต่เมื่อเทียบกับเยี่ยอิ๋งที่ม่อจิ่งหลีหมดรักไป
นานแล้ว ที่ผ่านมาองค์หญิงซีสยาจึงได้รับความรักความ书呆子
โปรดปรานอย่างล้นเหลือมาตลอดหลายปี ม่อจิ่งหลีไม่ได้
ปิดบังนางหลายเรื่อง ดังนั้นองค์หญิงซีสยาจึงทราบเรื่อง
ที่ม่อจิ่งหลีส่งคนไปสกัดกั้นคุณชายชิงเฉิน แม้ว่าเดิมที
นางจะไม่ค่อยสนใจกับการกระท าครั้งนี้ของม่อจิ่งหลีนัก
และสวีชิงเฉินเก่งกาจมากเพียงใด นางย่อมรู้ดี สุดท้าย
คนที่ม่อจิ่งหลีส่งไปจึงกลับมามือเปล่าอย่างที่คาดคิด
เอาไว้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องส าคัญอะไรส าหรับนาง เพียงแต่เมื่อ
วานตอนที่บังเอิญได้ยินสาวใช้สองคนพูดคุยกัน นางก็ใจ
สั่นไหวขึ้นมาทันใด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงตัวตงฟาง
โยว ส่วนที่ว่าเป็นเรื่องจริงเท็จอย่างไรนั้น ใครจะสนเล่า
ขอแค่เล่าทุกเรื่องได้อย่างลื่นไหลจนท าให้ม่อจิ่งหลีเชื่อได้
ก็พอแล้วมิใช่หรือ
แค่ดูจากสีหน้าหลีอ๋องตอนที่ออกจากเรือนนางไป
กับท่าทางรีบร้อนพุ่งตัวเข้าไปในห้องหนังสือ และวันนี้แต่
เช้าตรู่ที่เขาแล่นไปหาตงฟางโยวเพื่อด่าทอนางอย่าง书呆子
รุนแรงยกหนึ่งก็รู้ได้แล้วว่า หลีอ๋องยังคงเชื่อถ้อยค าของ
ตัวเองอย่างสนิทใจ
“นังคนชั่วช้า เจ้าช่างสบายเสียจริงนะ!” เสียงตง
ฟางโยวดังขึ้นที่หน้าประตูในทันใด เสียงที่เย็นชาของนาง
ท าให้องค์หญิงซีสยาขนลุกซู่อย่างควบคุมไม่ได้ องค์หญิง
ซีสยาลุกพรวดขึ้น แล้วถลึงตาใส่ตงฟางโยวที่พาคนเข้ามา
และพูดว่า “เจ้ามาท าอะไรที่เรือนของข้า”
ตงฟางโยวยกเท้าก้าวเข้าไปในห้องโถง แล้วเดิน
อาดๆ มาตรงหน้าองค์หญิงซีสยา มองเหยียดลงมาจาก
บนลงล่าง
‘เพี๊ยะ!’ ครั้นเมื่อองค์หญิงซีสยารู้สึกร าคาญที่ถูก
มองจนก าลังจะอาละวาดออกมา ตงฟางโยวก็ยกมือขึ้นที่
ระดับหูแล้วฟาดเข้าใส่ใบหน้าขององค์หญิงซีสยาด้วย
ความรวดเร็วและเกลียดชัง อันที่จริงแล้ว เวลาที่ผู้ชาย
ตบผู้หญิง ส่วนใหญ่จะผ่อนแรงไว้บ้าง แต่ถ้าเป็นผู้หญิง书呆子
ตบกันเองกลับกลายเป็นว่ามักจะออกแรงสุดแรง ตงฟาง
โยวก็เป็นผู้ที่เชี่ยวช านาญในการต่อสู้ การตบเช่นนี้ท าให้
ใบหน้าขององค์หญิงซีสยาสะบัดไปอีกด้านทันที แก้มที่
ขาวสะอาดก็ปรากฏรอยนิ้วที่บวมแดงขึ้นมาในบัดดล
เลือดจากมุมปากไหลออกมา และหยดลงบนเสื้อผ้าที่
หน้าอก
“เจ้า…” องค์หญิงซีสยางุนงงไปชั่วขณะเมื่อถูกฝ่า
มือนั่นตบลงที่หน้าอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่า นางเองก็
นึกไม่ถึงว่าตงฟางโยวจะไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายสัก
ประโยคก็ลงมือทันที องค์หญิงซีสยากุมแก้มที่ร้อนผ่าว
จากความเจ็บปวด นัยน์ตาของนางแทบจะพ่นไฟออกมา
ได้ “ตงฟางโยว เจ้าบังอาจตบข้าอย่างนั้นหรือ!”
ตงฟางโยวบุ้ยปากอย่างดูถูกและกล่าวว่า “ข้าตบ
เจ้าน่ะสิ ท าไมหรือ เจ้านึกว่าเจ้าเป็นตัวอะไรหรือ ก็แค่
สนมไร้สถานะเท่านั้น ไม่สิ เจ้าไม่แม้แต่จะนับว่าเป็นสนม书呆子
ได้ด้วยซ้ า อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียงเท่า
นั้นเอง” แม้ว่าองค์หญิงซีสยามีค าเรียกว่า “องค์หญิง”
ทว่า บัดนี้ นางตกต่ าจนมีสถานะที่น่ากระอักกระอ่วน จน
กลายเป็นปมเจ็บปวดในใจลึกๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อ
ถูกตงฟางโยวเอามาเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
เช่นนี้ องค์หญิงซีสยาจึงโกรธจนแค่นหัวเราะออกมา
ใบหน้าที่กุมอยู่ก็เผยรอยยิ้มดูถูกใส่ตงฟางโยว
เช่นเดียวกัน “ข้าไร้สถานะไร้นามแล้วอย่างไรกันเล่า
อย่างน้อยหลีอ๋องก็ชื่นชมข้า ไม่เหมือนใครบางคนที่เสนอ
ตัวไปถึงบ้านคนอื่นก็แล้ว แต่คนเขาก็ยังไม่เอาอยู่ดี
มิหน าซ้ าก็ยังตกต่ าถึงขนาดลักพาตัวเขามาอีก คงไม่ใช่
เพราะคิดถึงแต่ผู้ชายจนบ้าคลั่ง เลยอยากจะใช้ก าลัง
บังคับคุณชายชิงเฉินเสียเลยสินะ”
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่พูดจาไร้สาระกับม่อจิ่งหลี!” ตง
ฟางโยวกัดฟันพูด书呆子
องค์หญิงซีสยากล่าวอย่างได้ใจ “ข้าพูดเอง แล้ว
อย่างไรเล่า ในเมื่อเจ้ากล้าท าก็อย่าได้กลัวคนอื่นพูดสิ
ช่างท าให้ผู้หญิงอย่างพวกเราขายหน้าเสียจริงๆ หากเจ้า
กลัวว่าจะไม่มีใครต้องการเจ้า ก็เลือกสุนัขข้างกายเจ้า
พวกนั้นเสียสิ อย่าหน้าหนาไปท าให้คุณชายชิงเฉินต้อง
แปดเปื้อนเสียหายเลย ไม่แน่ว่าคุณชายชิงเฉินอาจรับ
ผู้หญิงอย่างเจ้าไม่ได้ จนยอมตายเสียยังดีกว่าก็เป็นได้”
เมื่อตงฟางโยวพูดอย่างไร้ความปราณี องค์หญิงซีส
ยาก็ย่อมไม่เกรงใจเช่นกัน พวกนางต่างสะกิดความ
เจ็บปวดในใจของอีกฝ่ายอย่างไร้เยื้อใย ใบหน้าที่สวยงาม
ของตงฟางโยวหุบรอยยิ้มที่มืดขรึม มององค์หญิงซีสยา
และกล่าวว่า “ม่อจิ่งหลีชอบเจ้า? ได้…ข้าจะลองดูสัก
หน่อยว่าม่อจิ่งหลีชอบเจ้าแค่ไหนกันเชียว ใครก็ได้ มา
ถอดเสื้อผ้าของนางออกให้หมด!”书呆子
“ตงฟางโยว เจ้ากล้าหรือ!” สีหน้าขององค์หญิงซีส
ยาเปลี่ยนไปกะทันหัน ผู้คนที่ติดตามตงฟางโยวต่างตก
ตะลึงและมองนางอย่างลังเล แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคน
ของตงฟางโยว แต่ท้ายที่สุด หลีอ๋องก็เป็นนายแห่ง
ต าหนักผู้ส าเร็จราชการโดยแท้จริง และองค์หญิงซีสยาก็
เป็นผู้หญิงของม่อจิ่งหลี
“เจ้าก็ดูสิว่าข้ากล้าหรือไม่! ยังไม่รีบไปอีก” องค์
หญิงซีสยายิ้มเยาะ “ไปเชิญให้ท่านหลีอ๋องมา บอกว่าข้า
มีเรื่องอยากจะปรึกษากับท่านอ๋อง” บ่าวไพร่ไม่มี
ทางเลือกนอกจากต้องรับค าสั่งขององค์หญิงซีสยา และ
ไปเชิญม่อจิ่งหลีมา ส่วนบ่าวไพร่อีกสองคนจับองค์หญิง
ซีสยาไว้คนละข้างแล้วลากไปภายในลาน แล้วลงมือดึงทึ้ง
เสื้อผ้าของนาง องค์หญิงซีสยาไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ทน
สิ่งใดไม่ได้ มือเหวี่ยงแส้ยาวสู้กับคนอื่นไปด้วย แต่ทักษะ书呆子
การต่อสู้ของนางไม่เพียงพอที่จะปกป้องให้ตัวเองรอด
ปลอดภัยได้ สู้กันไม่กี่ทีก็ถูกจับมือไว้ได้
ตงฟางโยวมองท่าทางขององค์หญิงซีสยาที่สู้ไม่ได้
อย่างเฉยเมย และกล่าวเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้ายังรออะไร
อยู่อีก ดึงเสื้อผ้าของนางออก แล้วหวดแส้ใส่นาง
เดี๋ยวนี้!”
ในไม่ช้าเสื้อผ้าองค์หญิงซีสยาก็ถูกดึงออกมาจน
เหลือแต่เสื้อคลุมตัวในบางๆ สภาพอากาศในเดือนเก้า
และสิบของทางตอนใต้ไม่ได้อบอุ่นอีกต่อไปแล้ว องค์
หญิงซีสยาที่สวมเสื้อผ้าคลุมตัวในบางๆ ตัวเดียว ผิวกาย
จึงปะทะกับความหนาวเหน็บที่พัดเข้ามาจนท าให้ตัวสั่น
สะท้าน ทว่า สิ่งนี้ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของแส้
ที่หวดลงบนร่างกายนาง เมื่อถูกแส้ตีครั้งแรก องค์หญิง
ซีสยาก็กรีดร้องครวญครางออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
แล้วล้มตัวลงบนพื้น หลังจากนั้นก็ถูกหวดแส้อย่าง书呆子
ต่อเนื่องโดยที่นางไม่มีก าลังแม้แต่จะหลบหลีก ในเวลานี้
สภาพของสตรีที่กรีดร้องอย่างน่าเวทนาคนนี้ก็ไร้ซึ่งความ
เย่อหยิ่งและภาพที่สะบัดแส้ยาวใส่ผู้อื่นตามใจชอบด้วย
ความงดงามเหมือนดั่งยามที่นางมาถึงฉู่จิงในช่วงแรกๆ
ทันที
“ตงฟางโยว เจ้าท าอะไรน่ะ” มีเสียงค ารามด้วย
ความเดือดดาลดังมาจากหน้าประตูเรือน ม่อจิ่งหลีพา
เยี่ยอิ๋งเร่งมาถึงอยากรีบร้อน พอเห็นภาพตรงหน้าก็โกรธ
จนสีหน้าด าคล้ าบึ้งตึง ม่อจิ่งหลีคิดว่าตงฟางโยวน าความ
โกรธที่มีต่อตัวเองเมื่อเช้ามาระบายลงกับองค์หญิงซีสยา
ซึ่งแน่นอนว่า ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น
ตงฟางโยวไม่ได้สนใจความโกรธของม่อจิ่งหลี
แม้แต่น้อย นางยิ้มอย่างท้าทาย “ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เห็นแล้ว
หรือ ท าไมเล่า ข้าเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้ส าเร็จ书呆子
ราชการ การสั่งสอนผู้หญิงที่แม้แต่ฐานะสนมบ าเรอก็ยัง
เทียบไม่ได้แบบนี้ ถึงขั้นต้องเชิญท่านอ๋องมาด้วยหรือ”
ม่อจิ่งหลีพูดอย่างเย็นชา “เมื่อเช้าข้าก็ได้บอกเจ้า
แล้วว่าเรื่องของต าหนักอ๋องไม่จ าเป็นต้องให้เจ้ายุ่งอีก”
ม่อจิ่งหลีมาช้าไปเพียงชั่วขณะ บัดนี้ ตามร่างกาย
องค์หญิงซีสยามีรอยถูกแส้ฟาดใส่ไปหกเจ็ดครั้งแล้ว
เสื้อผ้าคลุมบนตัวก็ฉีกขาดเป็นริ้วๆ เมื่อเห็นม่อจิ่งหลี
องค์หญิงซีสยาก็รู้สึกราวกับเห็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย
จึงรีบโผเข้าไปในอ้อมแขนของม่อจิ่งหลี “ท่านอ๋อง ฮือๆ
…ท่านอ๋อง ท่านต้องตัดสินให้ซีสยาเอ๋อร์นะเจ้าคะ ฮือๆ…
ตงฟางโยวนางท าเกินไปแล้ว ซีสยาเจ็บเหลือเกิน…”
ม่อจิ่งหลีเห็นว่าทั่วทั้งกายองค์หญิงซีสยาเต็มไป
ด้วยบาดแผล สีหน้าจึงยิ่งดูย่ าแย่ขึ้นไปอีก เยี่ยอิ๋งที่
ติดตามมาข้างกายม่อจิ่งหลีจึงกล่าวเตือนว่า “ท่านอ๋อง
เรียกท่านหมอให้มาดูองค์หญิงซีสยาก่อนเถิดเพคะ” ม่อ书呆子
จิ่งหลีเหลือบมองเยี่ยอิ๋งด้วยความชื่นชม แล้วหันกลับมา
สั่งว่า “รีบไปเรียกหมอมา”
“ไม่ให้ไป!” เสียงตงฟางโยวดังขึ้นจากด้านหลัง