ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 371-2 กำรจำกไปขององค์หญิงซีสยำ สวำมีใจ หิ
“บังอาจ! ในต าหนักหลีอ๋อง ข้าเป็นใหญ่ ต้องรอให้
เจ้ามาอนุญาตด้วยหรือ ” ม่อจิ่งหลีพูดด้วยน้ าเสียงเย็น
เยือก ตงฟางโยวเอียงคอมองหลีอ๋อง แล้วหัวเราะเหอะๆ
ออกมา นางมองม่อจิ่งหลีเหมือนจะข าแต่ก็ไม่ข าพลาง
กล่าวว่า “ท่านอ๋อง ถึงแม้ก าลังพลของภูเขาซางหมางจะ
ถูกซีหลิงและต าหนักติ้งอ๋องฆ่าไปเกือบหมดแล้ว แต่อย่าง
น้อยก็ยังเหลืออยู่สามในสิบส่วน”
ม่อจิ่งหลีตอบอย่างไม่แยแสว่า “ข้าทราบดี หรือว่า
เจ้ายังจะใช้ก าลังพลชางหมางของเจ้ามาคุกคามข้าให้ได้”
หากเป็นเมื่อก่อน ม่อจิ่งหลีคงนึกกลัว แต่ตอนนี้ก าลังพล
ที่เหลือเพียงสามในสิบส่วนอาจจะสร้างความวุ่นวายให้
เขาได้ แต่กลับไม่เพียงพอที่จะท าให้เขาเกรงกลัวได้书呆子
ตงฟางโยวอมยิ้มปรายตามององค์หญิงซีสยา องค์
หญิงซีสยาที่พิงซบกับอกม่อจิ่งหลีอยู่กลับถูกสายตาคู่นี้
มองท าให้ตัวสั่นอย่างไม่อาจห้ามได้ สีแดงระเรื่อเล็กน้อย
ที่ยังเหลือบนใบหน้าก็จางหายไปจนสิ้น ได้ยินเพียงตง
ฟางโยวหัวเราะพลางกล่าวว่า “มิใช่อยู่แล้ว ข้าเพียงแต่
อยากบอกหลีอ๋องว่า…อันที่จริงชางหมาง…ยังมีคนอยู่อีก
นิดหน่อยในต าหนักติ้งอ๋อง ข้าสามารถยกให้ท่านอ๋องได้
มิทราบว่าท่านอ๋องต้องการจะรับไว้หรือไม่”
ม่อจิ่งหลีจ้องเขม็ง แววตาดุดันพุ่งตรงไปยังตงฟาง
โยว ความเข้มงวดของกองก าลังป้องกันต าหนักติ้งอ๋องขึ้น
ชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย มิใช่ว่าไม่มีใครเคยลองส่งไส้ศึกเข้า
ไปในต าหนักติ้งอ๋องเลย แต่ว่าไส้ศึกที่ส่งไปไม่หายไป
อย่างไร้ร่องรอยในเวลาอันรวดเร็ว ก็ถูกส่งไปอยู่นอก
บริเวณ ไม่เคยได้ข่าวอะไรที่เป็นประโยชน์เลยสักนิด ตง
ฟางโยวหาได้สนใจสายตาของม่อจิ่งหลีไม่ นางเลิกคิ้วยิ้ม书呆子
พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องประหลาดใจเช่นนั้นหรอก
อย่างไรเสียภูเขาชางหมางก็มีวงในมาหลายร้อยปี ย่อม
ต้องมีความลับที่คนภายนอกไม่รู้อยู่บ้างเป็นธรรมดา แม้
จะไม่ใช่คนส าคัญอะไร แต่ถ้าหากรู้จักใช้ ก็จะให้ผลลัพธ์
ที่คาดไม่ถึงเชียวล่ะ”
ม่อจิ่งหลีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าต้องการอะไร”
ตงฟางโยวชี้ไปที่องค์หญิงซีสยาแล้วพูดว่า “นาง
ข้าต้องการให้ท่านอ๋องส่งนางมาให้ข้าจัดการ”
ม่อจิ่งหลีอยากจะปฏิเสธเสียงหนักแน่น แต่อ้าปาก
เท่าไรก็ไม่มีค าพูดใดหลุดออกมา องค์หญิงซีสยาตกใจ
กลัวจับชายเสื้อผ้าของหลีอ๋องไว้ “ท่านอ๋อง…พี่หลี
ผู้หญิงคนนี้เอาชีวิตข้าแน่!”
ตงฟางโยวมองเยาะเย้ยม่อจิ่งหลี ประหนึ่งมั่นใจว่า
เขาจะไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ตงฟางโยวหยิบกระดาษ
แผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “เพื่อจะแสดงความจริงใจ书呆子
ของข้า ท่านอ๋องลองดูก่อนว่าราคาของสิ่งที่ข้าเสนอ
คุ้มค่ากับที่ท่านอ๋องจะมอบนางให้ข้าหรือไม่”
ม่อจิ่งหลีหน้านิ่งรับกระดาษมาอ่านแล้วเก็บไว้ใน
แขนเสื้อ องค์หญิงซีสยาเบิกตาโพลงทันใด “พี่จิ่งหลี…”
ครั้นองค์หญิงซีสยามองเห็นรอยยิ้มอ ามหิตบนใบหน้าตง
ฟางโยว นางก็จับแขนเสื้อของม่อจิ่งหลีไว้ด้วยความ
หวาดกลัวสุดขีด ราวกับไม่เชื่อว่าม่อจิ่งหลีจะส่งตัวนางให้
ตงฟางโยวจริงๆ ตงฟางโยวยิ้มได้ใจ สั่งคนข้างๆ “ลากตัว
นางกลับมา โบยต่อ!”
นายรับใช้สองคนสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะเดินไป
ข้างหน้าลากองค์หญิงซีสยาไปที่กลางลาน องค์หญิงซีส
ยารู้ดีหากตนตกอยู่ในมือของตงฟางโยวคงจะไม่มีทาง
รอดไปได้แน่ นางจับแขนเสื้อม่อจิ่งหลีไว้แน่นไม่ปล่อย
“พี่จิ่งหลี ช่วยข้าด้วย…ไม่…ท่านอ๋อง ช่วยข้าด้วย”书呆子
ม่อจิ่งหลีนิ่งมองหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้านางเต็ม
ไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง องค์หญิงซีสยา
อยู่ข้างกายเขามาสิบปี ยอมทิ้งเกียรติยศขององค์หญิง ไม่
เหลือชื่อไม่เหลือฐานะเพื่อติดตามเขามา หากจะพูดว่าไม่
มีความผูกพันแม้แต่น้อยคงเป็นเรื่องโกหก ถึงจะไม่ได้รัก
นาง แต่ความผูกพันสิบปีมานี้ก็หาใช่ของปลอมไม่ เพียง
แต่…
สุดท้าย ม่อจิ่งหลีก็เพียงดึงมือองค์หญิงซีสยาที่จับ
แขนเสื้อตนเองอยู่ออกโดยไม่พูดอะไร ครั้นมองเห็นนิ้ว
มือเรียวนุ่มถูกดึงออกทีละนิด ประกายแสงที่ยังเหลืออยู่
ในดวงตาองค์หญิงซีสยาก็ค่อยๆ เลือนหายไป
ท้ายที่สุด องค์หญิงซีสยายังคงถูกลากไปกลางแส้
เสียงแส้เพี๊ยะๆ เคล้าไปกับเสียงหญิงสาวที่กรีดร้องด้วย
ความเจ็บปวด แม้จะเป็นแค่ผู้คนที่เดินผ่านนอกเรือนก็ยัง
อดตกใจจนตัวสั่นมิได้书呆子
“กรี๊ด…กรี๊ด…ช่วยข้าด้วย… ท่านอ๋อง พี่จิ่งหลี…ไม่
ข้าเจ็บ…กรี๊ด” องค์หญิงซีสยาดิ้นพล่านอยู่ที่พื้นอย่าง
เจ็บปวด เพียงชั่วครู่นางก็ถูกฟาดจนเลือดไหลไม่หยุดไป
ทั่วทั้งตัว นางหอบหายใจรวยรินราวกับใกล้หมดลม
“ท่านอ๋อง…ท าไม…ท าไม…ช่วยข้าด้วย”
“ใครก็ช่วยเจ้ามิได้หรอก” ตงฟางโยวยิ้มเย็นยะ
เยือกพลางพูดว่า “เจ้าบอกว่าท่านอ๋องโปรดปรานเจ้า
มิใช่หรือ เทียบกันแล้วดูเหมือนท่านจะชอบของที่ข้าให้
มากกว่านะ ความโปรดปรานที่ท่านอ๋องมีให้เจ้า ยังสู้
กระดาษแผ่นเดียวไม่ได้เลยด้วยซ้ า”
ครั้นได้ยินตงฟางโยวเอ่ยเยาะเย้ยอย่างไม่เกรงใจ
แม้แต่น้อย องค์หญิงซีสยาก็รู้สึกสมองเบลอหนักอึ้ง
นอกจากความเจ็บปวดที่แสบร้อนแผดเผา เรื่องราวต่างๆ
ในสิบกว่าปีมานี้กลับค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจ เมื่อได้สบกับ
ดวงตาอันนิ่งขรึมคู่นั้นของม่อจิ่งหลีอีกครั้ง จู่ๆ องค์หญิง书呆子
ซีสยาก็อยากหัวเราะขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าในสายตาม่อจิ่ง
หลีไม่มีความรู้สึกหรือความสงสารใดๆ เลย สิบกว่าปีมานี้
นางมัวท าอะไรอยู่กันแน่
“เหอะๆ…ฮ่าๆ” องค์หญิงซีสยาหัวเราะเบาๆ แต่
เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าพลันนองไปด้วยน้ าตา “พี่จิ่งหลี
ท่านใจร้ายยิ่งนัก”
เพี๊ยะ! แส้หวดลงมาอีกครั้ง องค์หญิงซีสยาปวดจน
ชักดิ้นชักงอ ทว่ายังคงหยุดหัวเราะไม่ได้ “เหอะๆ…ฮือ…
เสด็จพี่…เสด็จพี่…สยาเอ๋อร์ผิดไปแล้ว…”
ครั้นเห็นสภาพน่าอนาถขององค์หญิงซีสยา เยี่ยอิ๋ง
ที่ยืนอยู่ข้างหลังม่อจิ่งหลีก็พลันรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่ว
ร่าง แม้จะคลุมเสื้อคลุมขนนกยูงถักอยู่ก็ตาม นางอด
ไม่ได้ที่จะถอยหลังมาก้าวหนึ่ง มองชายหนุ่มสูงส่งรูปงาม
ที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับอยากจะอยู่ห่างจากเขาโดยไม่รู้ตัว书呆子
ม่อจิ่งหลีมองดูสภาพหอบเฮือกแทบสิ้นลมหายใจ
ขององค์หญิงซีสยาอย่างเงียบๆ สายตาเขาขรึมลง
เล็กน้อยก่อนจะหันหลังจากไปในที่สุด ครั้นเห็นเขาจาก
ไป เยี่ยอิ๋งก็ออยากตามออกไปด้วย แต่จู่ๆ ก็รู้สึกกลัว
สถานการณ์ที่ต้องอยู่กับม่อจิ่งหลีขึ้นมา จึงก้าวขาทั้งสอง
ข้างไม่ออกเสียอย่างนั้น ท าได้เพียงเหม่อมองเหตุการณ์ที่
อยู่ตรงหน้าต่อไปเงียบๆ
ตงฟางโยวมองม่อจิ่งหลีเดินจากไป แล้วจึงส่งเสียง
เป็นสัญญาณให้คนรับใช้หยุดโบย นางเดินสบายๆ ไป
ตรงหน้าองค์หญิงซีสยา มองยิ้มพลางกล่าว “เป็นอย่างไร
บ้าง ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าม่อจิ่งหลียังโปรดเจ้าอยู่หรือไม่
บังอาจกล้าดีต่อหน้าข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ข้าจะให้
เจ้าได้ตายตาไม่หลับ”
องค์หญิงซีสยาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงอ่อนเต็มไป
ด้วยความเคียดแค้น “ตงฟางโยว ชาตินี้คุณชายชิงเฉินไม่书呆子
มีวันปรายตามองเจ้าหรอก! คนวิปริตจิตใจบิดเบี้ยวอย่าง
เจ้า ดอกไม้เหี่ยวร่วงถูกทิ้งไม่มีใครเอา ต่อให้คุณชายชิง
เฉินชอบสาวบ้านนอกก็ไม่มีทางชอบผู้หญิงชั้นต่ าอย่าง
เจ้า ข้าขอสาปแช่งเจ้า ขอให้ทุกภพทุกชาติของเจ้า หวัง
อะไรก็มิเป็นดั่งหวัง…”
“ฟาดนางให้ตาย ข้าจะต้องได้ลงเอยกับคุณชายชิง
เฉินแน่ เสียดายก็แต่เจ้าจะไม่มีวาสนาได้อยู่เห็นวันนั้น”
ใบหน้าสะสวยของตงฟางโยวนิ่งขรึม น้ าเสียงดุดัน
เสียงแซ่ดังขึ้นอีกครั้ง องค์หญิงซีสยาที่ทีแรกก่นด่า
อย่างเจ็บแสบค่อยๆ สิ้นเสียงไป “พระชายา นางหมดลม
หายใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ตงฟางโยวมองร่างขยะแขยงบนพื้นที่แทบมองไม่
ออกว่าเดิมทีเป็นใคร “เอาไปทิ้งที่สุสานร้าง ห้ามฝัง ข้า
จะให้ศพมันถูกหมาจรจัดกิน!” ทุกคนในเรือนอดไม่ได้ที่
จะตัวสั่น แม้จะเป็นคนของตงฟางโยวเองก็อดไม่ได้ที่จะ书呆子
ฉายแววตาตกใจหวาดกลัว ถึงแม้ผู้ปกครองชางหมางแต่
ละรุ่นจะไม่ใช่คนจิตใจอ่อนโยนอะไร เพราะอย่างไรเสีย
คนใจอ่อนก็กุมอ านาจใหญ่ขนาดนี้ไว้ไม่อยู่ แต่ก็ไม่เคยมี
ใครโหดเหี้ยมป่าเถื่อนเฉกเช่นนี้ หญิงสาวตรงหน้านี้…ยัง
ใช่ทายาทที่ฉลาดไร้เดียงสาแห่งภูเขาชางหมางคนนั้นอยู่
จริงๆ หรือ