ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 371-3 กำรจำกไปขององค์หญิงซีสยำ สวำมีใจ หิน
ตงฟางโยวไม่แยแสทุกคนอีกต่อไป นางส่งเสียง
เหอะอย่างเยือกเย็นแล้วเดินออกไปข้างนอก เดินไปหยุด
ข้างๆ เยี่ยอิ๋งแล้วกระซิบว่า “เจ้าก็ระวังไว้ให้ดี หากมิ
เช่นนั้นเจ้าก็จะได้เป็นอย่างนังแพศยานั่น ”
เยี่ยอิ๋งตกใจรีบถอยหลังไปหลายก้าวจนล้มลงนั่ง
กับพื้นอย่างน่าอนาถ นางกัดฟันตกใจกลัวสุดขีดพลาง
พยักหน้างกๆ ตงฟางโยวเบ้ปากดูหมิ่น “ไร้ประโยชน์เสีย
จริง เจ้าเป็นน้องสาวของเยี่ยหลีจริงหรือนี่ เจ้าว่าคุณชาย
ชิงเฉินจะชอบข้าหรือไม่”
หากคุณชายชิงเฉินชอบเจ้า คงหูหนวกตาบอดไป
แล้วกระมัง
ทว่าต่อให้ใจกล้าบ้าบิ่นเพียงใด เยี่ยอิ๋งก็ไม่อาจพูด
เช่นนี้ต่อหน้าตงฟางโยวได้ นางท าได้เพียงพยักหน้าหงึกๆ书呆子
ตงฟางโยวก็หาได้สนใจไม่ นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
และหันหลังเดินจากไป
เยี่ยอิ๋งมององค์หญิงซีสยาถูกคนแบกไปอย่างไร้
ความทะนุถนอม แล้วพลันอ่อนแรงไปทั้งร่างจนลุกขึ้นยืน
แทบไม่ไหว นางทะเลาะกับองค์หญิงซีสยามาสิบกว่าปี
เดิมทีคิดว่าผู้หญิงที่ตนริษยาที่สุดในชีวิตคือเยี่ยหลี ผู้หญิง
ที่เกลียดที่สุดคือองค์หญิงซีสยา แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า
ผู้หญิงที่ท าให้ตนไม่มีความสุขมาสิบปี กลับต้องมาตาย
ง่ายๆ เช่นนี้
“ประคองข้ากลับไปที่เรือนที” เยี่ยอิ๋งกล่าวอย่างไร้
เรี่ยวแรง ด้วยไม่อาจทนอยู่นานกว่านี้ได้ มือคู่หนึ่งพยุง
นางขึ้นจากด้านหลังอย่างใจเย็น สาวใช้หน้าตาธรรมดา
สวมชุดสาวรับใช้ประจ าต าหนักหลีอ๋องพยุงเยี่ยอิ๋งขึ้น
ด้วยความระมัดระวัง แล้วกระซิบที่หูของนางว่า “คุณหนู
สี่ไม่ต้องกลัวไป ตงฟางโยวท าร้ายท่านไม่ได้หรอก”书呆子
เยี่ยอิ๋งพยักหน้า “พวกเรากลับกันก่อนเถิด…”
เรื่องทั้งหมดในวันนี้กระทบกระเทือนใจเยี่ยอิ๋งเป็นอัน
มาก ไม่เพียงเพราะพิษอ ามหิตของตงฟางโยวเท่านั้น แต่
ยิ่งเพราะความไร้หัวใจของม่อจิ่งหลี กับองค์หญิงซีสยาที่
รักและโปรดปรานมาเป็นสิบปียังไร้หัวใจได้ถึงเพียงนี้
แล้วกับตนที่ตกกระป๋องมานาน…เยี่ยอิ๋งตัวสั่น นางพิง
สาวใช้ที่พยุงตนอยู่ เดินกะโผลกกะเผลกไปทางเรือนของ
นาง
ณ สุสานร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหนานจิง ศพที่
เลือดท่วมเนื้อตัวช้ าเป็นจ้ าๆ ถูกห่อด้วยเสื่อฟางทิ้งไว้
สะเปะสะปะในสุสาน สุสานเย็นเยือกที่มีแต่เสียงอีการ้อง
ดังอยู่เนืองๆ ดูอึมครึมน่ากลัวเป็นพิเศษ
ผ่านไปพักใหญ่ ก็มีเงาด าปรากฏตัวที่สุสาน เงาด า
นั้นเดินไปนั่งยองๆ มองข้างหน้าศพ จากนั้นส ารวจชีพจร
และลมหายใจร่างที่เลือดท่วมเนื้อช้ านั้น ส่ายหน้าพลาง书呆子
เอ่ยชม “ทักษะดี” เขาหยิบยายัดใส่ปากนางหนึ่งเม็ด ไม่
แม้แต่จะรังเกียจความสกปรกจากร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือด
ของนาง จากนั้นก็แบกนางขึ้นพลางกล่าวเรียบๆ ว่า
“หากมีชีวิตอยู่ได้ต่อไปก็ถือเป็นโชคของเจ้า หากไม่ฟื้น
ขึ้นมา อย่างน้อยศพก็ไม่ต้องถูกทิ้งไว้กลางป่าร้าง” ชาย
หนุ่มพูดจบก็พาร่างที่พาดอยู่บนบ่า ก้าวย่างอย่างมั่นคง
หายวับไปจากสุสาน
ณ เรือนพักในเมือง แสงเทียนเพิ่งสว่างได้ไม่นาน
เยี่ยหลีนั่งอยู่ใต้ตะเกียง อ่านสมุดพับในมือ เว่ยลิ่นผลัก
ประตูเข้ามา “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีวางสมุดพับลง พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “นาง
เป็นอย่างไรบ้าง”
เว่ยลิ่นขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “อาการไม่ค่อยดี ถึง
บาดแผลในร่างกายจะไม่ถึงชีวิต แต่ดูเหมือนว่านางจะไข้
ขึ้นสูงมาตั้งแต่เช้า ในเมืองหนานเจียงก็ไม่อาจหาแพทย์书呆子
ฝีมือเยี่ยมอย่างท่านเสิ่นหยางและท่านหมอหลินได้ หาก
ไข้ไม่ทุเลาลง เกรงว่าจะมิอาจมีชีวิตรอดได้พ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีกล่าวเรียบๆ ว่า “พยายามให้เต็มที่แล้วกัน
จะมีชีวิตรอดหรือไม่ ก็แล้วแต่ฟ้าจะบัญชา ให้คนเอาสุรา
มาเช็ดตัวให้นาง ดูว่าไข้จะทุเลาลงหรือไม่” เว่ยลิ่นพยัก
หน้าเล็กน้อย ถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “หญิงนางนี้หา
ใช่คนดีอะไรไม่ พระชายาจ าเป็นต้องช่วยนางด้วยหรือพ่ะ
ย่ะค่ะ”
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ พลางกล่าวว่า “เรื่องราวครั้งนี้
อย่างไรเสียนางก็ต้องประสบกับภัยที่คาดไม่ถึง มิหน าซ้ า
แม้องค์หญิงซีสยาจะน่าร าคาญก็จริง แต่ก็ไม่ได้ผิด
ร้ายแรงถึงขั้นต้องตาย อีกอย่าง อย่างไรเสียนางก็เป็น
น้องสาวแท้ๆ ของจักรพรรดินีแห่งหนานจ้าว หากข้า
ไม่ได้อยู่ในเมืองหนานจิงก็คงปล่อยไปตามยถากรรม แต่书呆子
ในเมื่อก็อยู่ที่นี่แล้ว เพื่อเห็นแก่พระพักตร์ก็ต้องช่วยให้
เต็มที่”
เว่ยลิ่นกระจ่างแจ้งแก่ใจ จึงพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” พระชายาช่วยชีวิตองค์หญิงซีสยา
จักรพรรดินีหนานจ้าวก็ต้องรับน้ าใจนี้ไว้
“ต าหนักหลีอ๋องมีข่าวคราวอะไรหรือไม่” เยี่ยหลี
กล่าวถาม
เว่ยลิ่นส่ายหัวพลางกล่าวว่า “ขณะนี้ยังไม่มี
ความสัมพันธ์ระหว่างหลีอ๋องกับตงฟางโยวตึงเครียดมาก
ท่านอ๋องไม่อนุญาตให้ตงฟางโยวยื่นมือเข้ามาก้าวก่าย
เรื่องในต าหนักอีก นอกจากนี้ต าหนักติ้งอ๋องของเรายังมี
ไส้ศึกของภูเขาชางหมางอยู่ รายชื่อนั้นตงฟางโยวมอบ
ให้ม่อจิ่งหลีแล้ว แต่…พระชายาเอกหลีอาจจะรู้ก็เป็นได้
ตอนที่ม่อจิ่งหลีอ่านรายชื่อฉบับนั้นอยู่ด้วย นางยืนอยู่
ข้างๆ ม่อจิ่งหลี เพียงแต่ไม่แน่ใจว่านางมองเห็นหรือไม่书呆子
สองวันนี้นางตกใจกลัวสุดขีด ไม่ยอมพูดอะไรเลยจนบัดนี้
”
เยี่ยหลีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อย่างไรเสียนางก็
เป็นสตรีที่เลี้ยงมาในห้องต าหนัก ให้เวลานางสักวันสอง
วันเถิด ให้คนรีบไปสืบมา เยี่ยอิ๋งไม่ใช่สายสืบโดยเฉพาะ
ในสถานการณ์แบบนั้น นางอาจจะไม่ได้กลับไปสังเกต
รายชื่อฉบับนั้น นอกจากนี้ น าข่าวส่งกลับไปแจ้งท่านลุง
ใหญ่กับซิวเหยาด้วย ให้พวกเขาระวังตัวไว้หน่อย เจ้าไป
เถิด”
เว่ยลิ่นขานรับ “ข้าน้อยขอตัว”
การกระท าของเยี่ยหลีที่หนานจิงในครั้งนี้ไม่ได้
เงียบเชียบนัก นางต้องจัดการเรื่องราวไม่น้อย หากท า
อย่างปิดๆ บังๆ กลับจะยิ่งปลุกความระแวงของผู้อื่น
ตระกูลฉู่นับเป็นตระกูลที่เต็มไปด้วยบัณฑิตการศึกษาดี
เป็นตระกูลเลื่องชื่อแห่งแผ่นดินต้าฉู่ในตอนนั้น บัดนี้书呆子
คุณชายตระกูลฉู่มาหนานจิงจึงหลีกเลี่ยงมิได้ที่จะมีคนมา
เยี่ยมเยียนเป็นธรรมดา เยี่ยหลีปัดให้คนรับใช้ไปต้อนรับ
แทนทั้งหมด คนอื่นก็คิดแต่เพียงว่าคุณชายฉู่แห่งตระกูล
บัณฑิตคนนี้หยิ่งยโสตั้งแต่เล็ก จึงไม่ได้ถือสาอะไร
คุณชายตระกูลเลื่องชื่อส่วนใหญ่ก็มักจะขี้หงุดหงิดกัน
ทั้งนั้น
“คุณชาย จวนมู่หยางโหวส่งเทียบเชิญมา” จั๋วจิ้ง
ถือหนังสือเชิญฉบับหนึ่งกล่าวรายงานเบาๆ ตรงทางเข้า
ห้องหนังสือ
เยี่ยหลีเรียกสติกลับจากภวังค์ครุ่นคิด เลิกคิ้วถาม
“เทียบเชิญอะไร”
จั๋วจิ้งกล่าว “สามวันนับจากนี้ หนานจิงจะจัด
เทศกาลชมดอกเบญจมาศที่จัดขึ้นปีละครั้ง จวนมู่หยาง
โหวจึงส่งเทียบเชิญมาฉบับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยหลีฝืนยิ้ม
อย่างเสียมิได้ แล้วกล่าวว่า “บอกปัดไปเถิด ณ เวลานี้书呆子
ใครจะมีกระจิตกระใจไปร่วมเทศกาลชมดอกเบญจมาศ
กัน” จั๋วจิ้งกล่าวเสียงเบาว่า “เหยาจีส่งข่าวมาว่า เฮ่อ
เหลียนเจินถึงหนานจิงแล้วเมื่อคืนวาน เทศกาลชมดอก
เบญจมาศสามวันหลังจากนี้ ม่อจิ่งหลีกับเฮ่อเหลียนเจิน
อาจจะไปร่วมงานทั้งคู่ ถึงได้อยากถามคุณชายดูว่าจะไป
หรือไม่”
ได้ฟังเช่นนี้ แววตาเยี่ยหลีแวบประกายครุ่นคิด
“เฮ่อเหลียนเจินหรือ…หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ไปดูเสีย
หน่อยแล้วกัน” จั๋วจิ้งพยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะ
ไปเตรียมการบัดเดี๋ยวนี้”
อากาศทางใต้เทียบแล้วอบอุ่นกว่าทางเหนือ แต่
ในช่วงเวลานี้ก็มีแต่ดอกเบญจมาศให้ชมเท่านั้น เทศกาล
ชมดอกเบญจมาศในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นเทศกาลใหญ่
ปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาวของเมืองหนานจิง ผู้คนใน
เมืองไม่ว่าจะเป็นคุณชายตระกูลใหญ่หรือสตรีในเรือน书呆子
หลังล้วนตอบรับค าเชิญมาร่วมงาน แม้กระทั่งชาวบ้าน
ทั่วไปยังสามารถเดินเที่ยวตลาดดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอก
เบญจมาศ กอดกระถางดอกเบญจมาศกระถางสอง
กระถางกลับไปตามความนิยมได้
เยี่ยหลีพาเว่ยลิ่นและจั๋วจิ้งที่แปลงโฉมเล็กน้อย
มาถึงงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศแต่เช้าตรู่ สถานที่
แห่งนี้เป็นสวนขนาดใหญ่นอกเรือนของต าหนักหลีอ๋องที่
หนานจิง เมื่อน าเทียบเชิญส่งให้แล้วก้าวเข้าประตูไปก็
มองเห็นดอกเบญจมาศนานาพรรณแข่งกันอวดสีสัน นับ
ได้ว่าถึงเวลาลดทอนความอ้างว้างในฤดูใบไม้ร่วง
เพิ่มเติมทิวทัศน์รุ่งเรืองสีสันสดใสให้กับสวนแห่งนี้เสียที
เรื่องที่ท าให้เยี่ยหลีคาดไม่ถึงก็คือ ไม่น่าเชื่อว่า
เทศกาลชมดอกเบญจมาศในครั้งนี้จะยังคงให้เยี่ยอิ๋งเป็น
คนจัดการอยู่ ไม่ใช่ตงฟางโยวที่คอยดูแลต าหนักหลีอ๋อง
อาจเป็นเพราะตงฟางโยวท าให้นางตกใจอย่างหนัก แม่书呆子
จะผ่านมาแล้วหลายวัน แต่สีหน้าของเยี่ยอิ๋งยังคงไม่สู้ดี
นัก ส่วนตงฟางโยวที่นั่งอยู่อีกฝั่งสีหน้าไม่แยแสใดๆ ใน
ขณะเดียวกันก็ดูใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นได้ชัดว่า
บรรดาสตรีตระกูลสูงส่งทั้งเมืองหนานจิงเคยชินกับ
ลักษณะเช่นนั้นของตงฟางโยวมานานแล้ว จึงไม่มีใครเข้า
ไปหาเรื่องใส่ตัว เพียงเข้าไปห้อมล้อมถามไถ่พูดคุยกับ
เยี่ยอิ๋งเท่านั้น