ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 371-5 กำรจำกไปขององค์หญิงซีสยำ สวำมีใจ หิ
เฮ่อเหลียนเจินวางจอกสุราลง เขาขมวดคิ้ว มองไป
ที่ม่อจิ่งหลีแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าหลีอ๋องพิจารณา
ข้อเสนอก่อนหน้านี้ของข้าน้อยแล้วหรือยังขอรับพ่ะย่ะ
ค่ะ” ม่อจิ่งหลีเงียบไม่พูดอะไร ไม่ใช่เพราะเขาจงใจยั่วยุ
เฮ่อเหลียนเจิน ข้อเสนอของเฮ่อเหลียนเจินก็น่าสนใจ แต่
หากต้องเปิดศึกกับต าหนักติ้งอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถ
ตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ตอนนี้เจียงหนานจะอยู่ใน
ก ามือของม่อจิ่งหลีแล้ว แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าหากตน
เปิดศึกกับต าหนักติ้งอ๋องแล้ว ขึ้นมาจริงๆ จะมีขุนนาง
ฝ่ายบุ๋นและบู๊กี่คนที่จะสนับสนุนเขา
เมื่อเฮ่อเหลียนเผิงเห็นท่าทีลังเลของม่อจิ่งหลี เขาก็
รู้ทันทีว่าหาใช่ว่าม่อเพราะม่อจิ่งหลีจะไม่หวั่นไหว แต่
เพราะสิ่งล่อใจที่เขาเสนอให้ยังไม่น่าดึงดูดพอ ตาม书呆子
ลักษณะนิสัยของม่อจิ่งหลีแล้ว ขอแค่สิ่งล่อใจนั้นยิ่งใหญ่
พอ เขาคงไม่มานั่งคิดว่าจะเป็นศัตรูกับต าหนักติ้งอ๋อง
หรือสรวงสวรรค์เป็นแน่
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เฮ่อเหลียนเจินก็พูดเสียง
ขรึมว่า “หลีอ๋อง ข้าน้อยขอพูดตามตรงขอรับ ก่อนที่
ข้าน้อยจะมาหนานจิง ข้าน้อยได้เข้าพบเจิ้นหนานอ๋อง
แห่งแคว้นซีหลิงมาขอรับ” ม่อจิ่งหลีชะงัก เขาหรี่ตามอง
ไปที่เฮ่อเหลียนเจิน แล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพเฮ่อเหลียน
หมายถึงอันใด”
เฮ่อเหลียนเจินยิ้มพลางพูดว่า “ครั้งนี้ข้าน้อย
ต้องการผูกสัมพันธมิตรกับหลีอ๋องและเจิ้นหนานอ๋องจาก
ด้วยใจจริงขอรับ และข้าน้อยเองก็โน้มน้าวเจิ้นหนานอ๋อง
ส าเร็จแล้ว ขอเพียงหลีอ๋องประสงค์เป็นพันธมิตรด้วย
เจิ้นหนานอ๋องจะแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งให้…”书呆子
เมื่อม่อจิ่งหลีได้ยินดังนั้น นัยน์ตาพลันมีประกาย
แล่นผ่าน แต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉยดังเดิม เขายิ้มและพูด
อย่างเคร่งขรึมว่า “เป็นพันธมิตรอย่างจริงใจหรือ นั่นเป็น
เพราะแคว้นเป่ยหรงถูกต าหนักติ้งอ๋องโจมตีจนทนรับไม่
ไหวแล้วมากกว่า” นัยน์ตาเฮ่อเหลียนเจินพลันแสดง
ความโมโหขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็กลั้นไว้ได้ภายในเวลาอัน
สั้นๆ เขาจ้องม่อจิ่งหลีแล้ว พูดขึ้นว่า “ตอนนี้แคว้นเป่ย
หรงเป็นรองเรื่องศึกสงครามระหว่างต าหนักติ้งอ๋องก็จริง
แต่ที่หลีอ๋องกล่าวว่าทนรับไม่ไหวนั้นก็ออกจะเกินไป
ขอรับ สักหน่อย กองทัพของแคว้นเป่ยหรงของข้า
แข็งแกร่ง ตอนนี้ในต้าฉู่ยังมีทหารอีกเกือบล้านนาย ส่วน
ทหารกองหนุนของแคว้นเป่ยหรงก็สามารถมาสมทบได้
ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้น.. หากแคว้นเป่ยหรงของข้าพ่ายแพ้
หลีอ๋องท่านจะได้ประโยชน์อันใดหรือ”书呆子
สีหน้าม่อจิ่งหลีดูไม่ดียิ่งนัก หากแคว้นเป่ยหรง
ถูกม่อซิวเหยาขับไล่ออกจากทางตอนเหนือ เกรงว่า
อ านาจของต าหนักติ้งอ๋องจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ และจากนี้
เป็นต้นไปต าหนักติ้งอ๋องก็จะได้ครอบครองพื้นที่ทางตอน
เหนือทั้งหมดอย่างถูกต้องตามธรรมนองครองธรรม ใน
เมื่อต าหนักติ้งอ๋องตัดขาดความสัมพันธ์กับต้าฉู่แล้ว ต้าฉู่
ทิ้งเมืองทางตอนเหนือให้กับเป่ยหรงและเป่ยจิ้ง และ
ต าหนักติ้งอ๋องก็ก าราบเป่ยจิ้งได้ ไล่เป่ยหรงออกไป
อาณาบริเวณเหล่านี้ย่อมไม่ข้องเกี่ยวกับต้าฉู่และม่อจิ่ง
หลีอีก
หลังจากเงียบไปนาน ม่อจิ่งหลีก็พูดด้วยน้ าเสียง
เข้มขรึมว่า “หากเป็นพันธมิตรกับเป่ยหรงและซีหลิง
เกรงว่าทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ในต้าฉู่จะไม่มีใครเห็นด้วย” นี่
เป็นสิ่งที่ม่อจิ่งหลีกังวลมากที่สุด ซีหลิงและเป่ยหรงยึด
ครองพื้นที่ของต้าฉู่ ต้าฉู่กลับไม่ขับไล่ศัตรูที่เข้ามารุกราน书呆子
และฟื้นฟูแว่นแคว้น แต่กลับผูกสัมพันธมิตรกับเป่ยหรง
และซีหลิงเพื่อเป็นศัตรูกับตระกูลม่อ หากกระท าเช่นนี้
จะมีแต่คนต าหนิเอาเสีย
เฮ่อเหลียนเจินหัวเราะ พูดว่า “เรื่องเหล่านี้เป็น
เรื่องเล็กน้อย ไม่มีสิ่งใดห้ามหลีอ๋องได้หากท่านมีความ
เชื่อมั่น อยู่ที่ว่าหลีอ๋อง…อยากเอาชนะม่อซิวเหยา โค่น
ล้างล่มต าหนักติ้งอ๋องหรือไม่”
ม่อจิ่งหลีเงียบ แค่ความคิดในสมองกลับแล่นฉิว
อย่างรวดเร็ว เขาย่อมอยากเอาชนะม่อซิวเหยา ตั้งแต่
เด็กจนโตเขาอยากจะเหยียบม่อซิวเหยาให้จมดินแม้ใน
ความฝัน แม้สถานะตอนนี้ของเขาไม่ต่ าต้อยไปกว่าม่อซิว
เหยา แต่ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขา ก็รู้สึกเสมือนอยู่ต่ ากว่า
อีกขั้นหนึ่งอยู่ดี เขาจึงใฝ่ฝันว่าจะต้องมีสักวันที่เขาจะ
เหยียบย่ าม่อจิ่งซิวเหยาให้จมดินได้อย่างแท้จริง และ书呆子
สามารถแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่แต่เดิมเคยเป็นของตน
กลับมาเสีย ให้ได้
หากเป่ยหรงถูกม่อซิวเหยาก าราบ เหลยเจิ้งถิงอายุ
ก็มากแล้ว ส่วนเหลยเถิงเฟิงนั้นดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคู่
ต่อสู้ของม่อซิวเหยาได้ เกรงว่าเมื่อเหลยเจิ้งถิงไปซีหลิง
แล้วมีแต่จะแพ้ให้กับม่อซิวเหยา ถึงตอนนั้นเหลือเพียง
ตนหัวเดียวกระเทียมลีบ คงไม่มีทางได้แก้ตัวอีกตลอดไป
… ส่วนตอนนี้ หากทั้งสามตระกูลผูกสัมพันธมิตรกัน
แม้ม่อซิวเหยาจะมีความสามารถมากมายเพียงใด ก็ไม่
สามารถต่อต้านกองทัพสองสามล้านนายของทั้งสาม
แคว้นได้เป็นแน่ ซึ่งหมายความว่าโอกาสชนะนั้นมีสูงมาก
เฮ่อเหลียนเจินที่ยิ้มมองม่อจิ่งหลีที่ก าลังลังเลและ
สับสน เขายิ้มพูดว่า “เจิ้นงหนานอ๋องให้สัญญาแล้วขอรับ
ว่า ตราบใดที่หลีอ๋องยอมส่งกองก าลัง เขาจะถอนทหาร
ออกจากเมืองกว่างหลิงและเมืองทางตอนเหนืออีกสี่เมือง书呆子
ถือเสียว่าเป็นการมอบความจริงใจให้แก่หลีอ๋อง และให้
ทหารของหลีอ๋องใช้เส้นทางเป็นทางผ่านได้อย่างสบายใจ
หลีอ๋องคิดว่าเห็นอย่างไรขอรับ”
ม่อจิ่งหลีก าจอกสุราในมือไว้แน่น จนเหล้าดอก
เบญจมาศกระเด็นหกลงมาโดนมือแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว
“เหตุใดหลีอ๋องจึงลังเลตัดสินใจไม่ได้ขอรับ หรือ
เมื่อทั้งสามฝ่ายก าราบต าหนักติ้งอ๋องได้ ต้าฉู่เองก็จะได้
เมืองหลวงของตนคืน ทั้งหมดทั้งปวงทุกสิ่งทุกอย่างที่หลี
อ๋องสูญเสียไปก็จะได้กลับคืนกลับมา มิหน าซ้ าจะได้
มากกว่านั้นเสียอีกด้วย” เฮ่อเหลียนเจินจ้องมองไปที่ม่อ
จิ่งหลีพลาง พูดไม่หยุดปาก
ม่อจิ่งหลีกัดฟันกรอด นัยน์ตาพลันมีประกายแล่น
ผ่าน เขาพูดเสียงหนักแน่นว่า “ได้ ข้าให้สัญญาท่านแม่
ทัพเฮ่อเหลียนก็ได้ ต้าฉู่…จะส่งทัพขึ้นเหนือในเร็ววัน!”书呆子
เฮ่อเหลียนดีใจยิ่งนัก ไม่สนใจเหล้าเบญจมาศที่จืด
ชืดในมืออีก เขาชูจอกขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็น
เช่นนี้ มาร่วมดื่มอวยพรแก่ความส าเร็จ ชนแก้วเพื่อก าจัด
ตระกูลม่อทิ้งเสียเถิด” ม่อจิ่งหลีเงียบไม่พูดอะไร เขา
เพียงเงยหน้าแล้วกระดกเหล้าชั้นดีลงไป เมื่อเฮ่อเหลียน
เห็นท่าทางของเขา ก็เปล่งเสียงหัวเราะเสียงดังออกมา
ณ สวนดอกไม้ ท่ามกลางทุ่งดอกเบญจมาศหลากสี
อันงดงามตระการตา เหล่าคุณชาย บุตรหลาน และหนุ่ม
สาวโฉมงามจากตระกูลสูงศักดิ์มากมายก าลังอ่านกลอน
อยู่ในสวน เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เยี่ยหลีจรด
ปลายพู่กันลงบนกระดาษซวนจื่อ เขียนบทกลอนเกี่ยวกับ
ดอกเบญจมาศ
“เสียงลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมา สวนดอก
เบญจมาศพลิ้วไหวตามสายลม เกสรที่ร่วงหล่นและกลิ่น
หอมที่ชวนโชย ฤดูอันเหน็บหนาวผีเสื้อมิอาจย่างกาย วัน书呆子
ใดข้าเป็นเทพวสันตฤดู จักเปลี่ยนแปลงกฎแห่งธรรมชาติ
ให้เบญจมาศเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ แย่งชูช่อแย้มงามกับ
ดอกท้อเอย”
หลังจากค่อยๆ ตวัดลายอักษรตัวสุดท้ายแล้ว เสียง
หัวเราะอันน่าอภิรมย์ของเฮ่อเหลียนเจินก็ดังขึ้น เยี่ยหลี
วางพู่กันลงบนแท่นวาง นางยิ้มเล็กน้อย พูดขึ้นว่า “ดูท่า
จะส าเร็จแล้ว”