ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 372-1 ที่สถำนที่ซ่อนคุณชำย สถำนกำรณ์พลิก ผั
เมื่อจั๋วจิ้งและเว่ยลิ่นได้ยินค าพูดของเยี่ยหลี พวก
เขาก็หันศีรษะมองไปยังอาคารโอ่อ่าตระการตาที่ตั้งอยู่
ห่างไปไม่ไกลออกไป หากนับเพียงก าลังภายใน พวกเขา
เก่งกว่าเยี่ยหลี เมื่อเยี่ยหลีได้ยินเสียงหัวเราะของเฮ่อ
เหลียนเจิน พวกเขาก็ย่อมได้ยินอย่างชัดเจนเช่นกัน เว่ย
ลิ่นขมวดคิ้ว พูดเสียงเบาว่า “คุณชาย ต้องการ…” เยี่ย
หลียิ้มแล้วโบกมือ นางค่อยๆ หยิบบทกลอนที่ตนเพิ่ง
เขียนเสร็จขึ้นมาให้ลมเป่าจนแห้ง เหมือนกับคุณชาย
ตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไปในสวนแห่งนั้น
แม้เยี่ยหลีในชุดขาวโพลนสะอาดนั้นจะดูสุภาพและ
สง่างาม จนหญิงสาวมากมายใจเต้นแรงและหน้าแดงก่ า
แต่องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขากลับดูไม่เป็นมิตรนัก ท าให้
หลายๆคนที่มีใจอยากเข้าไปพูดคุยไม่กล้าเข้าใกล้书呆子
จั๋วจิ้งและเว่ยลิ่นกวาดตามองคนรอบๆตัว พลัน
รู้สึกว่าการวางแผนอย่างครอบคลุมของชายาเอกพระ
ชายาตระกูลตนนั้นช่างน่าชื่นชมนัก ใบหน้าอันหล่อเหลา
ของจั๋วจิ้งมีรอยแผลเป็นพาดยาวสามนิ้ว แผลเป็นอัน
ดุดันและสีหน้าเย็นชาของเขานั้น แม้เพียงมองผ่านก็ท า
ให้หวั่นหวาดกลัวได้ ส่วนเว่ยลิ่นแม้จะเปิดเผยโฉมหน้า
งามของเขา แต่เขามีผมขาวเทาทั้งศีรษะ และดวงตาสีฟ้า
คราม เนื่องจากในเมืองหลีเฉิงมีผู้คนหลากหลายประเภท
ไปมาหาสู่ไม่น้อย ชาวบ้านในเมืองหลีเฉิงจึงไม่รู้สึกผิด
แปลกอะไร ทว่ากลับไม่เหมือนในหนานจิง อย่างน้อย
การได้หยอกแกล้งสาวงามให้ตกใจบ้างก็ไม่เลว
แม้ก่อนหน้านี้เว่ยลิ่นและจั๋วจิ้งจะสงสัยว่าการ
แต่งตัวเช่นนี้จะยิ่งท าให้เป็นที่สังเกตและเป็นจุดสนใจ
ของผู้คนเกินไปหรือไม่ แต่ว่าเยี่ยหลีกลับยิ้มแล้วตอบว่า
“ก็เพราะว่าการเป็นสายลับนั้นจะต้องไม่ท าตัวเป็นจุด书呆子
สนใจของผู้คน ดังนั้นการแต่งตัวเกินไปแบบนี้ย่อมไม่ใช่
สายลับอย่างแน่แท้นอน” ม่อจิ่งหลีคิดให้ตายอย่างไร ก็
คงคิดไม่ถึงว่าเยี่ยหลีจะแปลงโฉมตนตัวเองเป็นผู้ชาย
เดินอวดตนเองต่อหน้าต่อตาเขาอย่างเปิดเผย แต่แล้วทุก
อย่างก็เป็นไปตามคาด องครักษ์สองนายที่โดดเด่นและมี
เอกลักษณ์เช่นนี้ อีกทั้งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์
ของคุณชายตระกูลฉู่ที่สวมชุดขาวโพลนล้วนราวกับเป็น
เทพบุตร ผู้คนที่พบเจอพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้รู้สึก
แปลก แต่กลับยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคุณชายจากตระกูลที่มี
ชื่อเสียง ต่างยกยอตระกูลฉู่ว่าสมแล้วที่เป็นตระกูลเก่าแก่
อันเลื่องชื่อของต้าฉู่
“คุณชายท่านนี้ เขียนกลอนได้ดีนัก” ในขณะที่เยี่ย
หลีวางหนังสือกลอนในมือลงเตรียมจะจากไปนั้น เสียง
ผู้หญิงสตรีอันคุ้นหูคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างด้านหลัง เมื่อ
หันกลับไปมอง ก็เห็นตงฟางโยวสวมชุดสีขาวยืนจ้องมาที่书呆子
ตนอยู่ไม่ไกล เยี่ยหลีรู้ดีว่าเป็นเพราะใบหน้าของตนเอง
แท้ๆ ที่ท าให้ตนต้องเดือดร้อน แต่นางก็ไม่สนใจ เพราะ
ถึงอย่างไรนางก็จะหาโอกาสเข้าหาตงฟางโยวอยู่แล้ว
ตอนนี้ตงฟางโยวยอมเข้าหาตนก่อนย่อมเป็นการดีที่สุด
นางยิ้มเบาๆ ประสานมือพูดว่า “ฉู่จวินเหวยคารวะพระ
ชายาอุปราชขอรับ”
เมื่อได้ยินว่าพระชายาอุปราชสี่ค านี้ ตงฟางโยวก็
อดขมวดคิ้วไม่ได้ นางพยักหน้าพูดว่า “ฉู่จวินเหวย? เป็น
คุณชายบ้านตระกูลฉู่เมืองอวิ๋นใช่หรือไม่ ไม่ทราบว่า
คุณชายสามเว่ยอวิ๋นสบายดีหรือ”
สีหน้าเยี่ยหลีฉายแววสงสัยเล็กน้อย นางพูดอมยิ้ม
กับตงฟางโยวว่า “ที่แท้ชายาเอกพระชายาก็รู้จักกับ
คุณชายเว่ยอวิ๋นหรือ แต่ว่า… ช่วงสองสามปีนี้แม้ข้าน้อย
ไม่ค่อยได้ติดต่อท่านพี่ แต่ก็ยังจ าได้ว่าเว่ยอวิ๋นเป็น
คุณชายคนที่สี่ ส่วนพี่สามชื่อมีนามว่าเหวยเฟิงขอรับ”书呆子
เยี่ยหลีไม่แยแสกับการทดสอบของตงฟางโยว ในเมื่อต้อง
แต่งเป็นฉู่จวินเหวยแล้ว ต าหนักติ้งอ๋องจะไม่
เตรียมพร้อมได้อย่างไร อย่าว่าแต่สถานะของฉู่จวินเหวย
เลย แม้แต่เรื่องราวของพ่อแม่ของเขา ก็ตระเตรียมไว้
หมดแล้ว บ้านตระกูลฉู่มีกี่คน เยี่ยหลีย่อมจ าได้อย่าง
แม่นย า
ตงฟางโยวไม่สนใจ พูดอย่างเฉยชาว่า “อาจเพราะ
ข้าจ าผิด สองสามปีก่อนเคยพบหน้าคุณชายสี่ตระกูลฉู่
เพียงครั้งเดียว”
เยี่ยหลีแอบหัวเราะในใจ ตงฟางโยวก็พูดจาหน้าไม่
อายไร้ระดับเกินไป ใครไม่รู้บ้างว่าตงฟางโยวเพิ่งลงมา
จากภูเขาชางหมางเมื่อปีนี้เอง แล้วจะเจอฉู่เหวยอวิ๋นเมื่อ
สองสามปีก่อนได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสองสามปี
ก่อนตงฟางโยวเพิ่งอายุเท่าไหร่กัน แต่เยี่ยหลีก็ไม่เปิดโปง
นาง เพียงแค่ยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ไม่书呆子
ทราบว่าชายาเอกพระชายามีสิ่งใดจะชี้แนะหรือไม่
ขอรับ”
ตงฟางโยวเงียบไม่พูดอะไร อันที่จริงนางเองก็ไม่รู้
ว่าที่นางมาทักทายเขาเพราะต้องการสิ่งใดกันแน่ เพียง
แค่ตอนที่นางบังเอิญเดินผ่านแล้วเห็นรอยยิ้มอ่อนๆ บน
ใบหน้าของคุณชายชุดขาวคนนี้ ก็ท าให้นางนึกถึงชายอีก
คนหนึ่งที่ดูราวเหมือนกับแต่งชุดขาวมาทั้งชีวิต นางจึง
เข้ามาเอ่ยปากทักเขาขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ตงฟาง
โยวก็พูดขึ้นว่า “คุณชายฉู่อาศัยอยู่ในเมืองอวิ๋น วันนี้เป็น
ครั้งแรกที่มาอยู่หนานจิง หากต้องการความช่วยเหลืออัน
ใด ก็ส่งคนมาหาข้าที่จวนต าหนักอุปราชได้”
เยี่ยหลีชะงักเล็กน้อย นางรีบยิ้มตอบว่า “ชายาเอก
พระชายามีใจเอื้อเฟื้อยิ่งนัก ขอบพระคุณคุณขอรับ หาก
มีเรื่องอันมดจะขอเรื่องไหว้วาน ถึงตอนยามนั้นคงต้อง
รบกวนชายาเอกด้วยขอรับพระชายาแล้ว”书呆子
ตงฟางโยวมองนางอย่างใจลอย พูดเสียงเบาว่า
“ถ้าเขาเหมือนเจ้าเช่นนี้… ” พูดไปได้ครึ่งทางพลัน
รู้สึกตัว จึงเงียบไป เยี่ยหลีแสร้งท าเป็นไม่ได้ยิน นางเพียง
ยิ้มให้อย่างสุภาพ “ชายาเอกพระชายา หากไม่มีธุระอื่น
ใดแล้ว ข้าน้อยขอลาขอรับตัวก่อน”
ตงฟางโยวพยักหน้า พูดว่า “รบกวนคุณชายแล้ว
ข้าก็ต้องไปแล้วล่ะเช่นกัน”
“ชายาเอกพระชายากลับดีๆขอรับ” เยี่ยหลี
ประสานมือพูด จั๋วจิ้งมองตามแผ่นหลังของตงฟางโยวที่
จากไป นางแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณชายขอรับ
ตงฟางโยวดูแล้ว… เหมือนไม่ค่อยปกติเลยขอรับ”
“ไม่ใช่แค่ไม่ปกติ” เว่ยลิ่นเอ่ยปากพูด “สายตาที่
นางมองคุณชาย ท าเอาขนลุกขนชันไปหมด คุณชายห้า
พูดถูก ช่างโชคร้ายเสียจริงที่คุณชายใหญ่ไปเดือดร้อน
สะดุดใจผู้หญิงเช่นนี้เข้า” แม้พวกนางเขาจะเป็นคนนอก书呆子
แต่สายตาที่ตงฟางโยวมองชายาเอกพระชายาเมื่อครู่นี้ ก็
ท าเอารู้สึกใจเต้นแรงเพราะความกลัวอยู่ดี แต่ชายาเอก
พระชายากลับยังปั้นหน้ายิ้มแย้มเยี่ยงนี้ได้ ช่างหายาก
เหลือเกิน ที่ส าคัญกว่านั้นคือ ชายาเอกพระชายาเป็น
เพียงคนแปลกหน้าที่เจอครั้งแรกและเพียงมีหน้าตาคล้าย
คุณชายชิงเฉินเท่านั้น แล้วถ้าหากอยู่กับคุณชายชิงเฉิน…
เว่ยลิ่นอดตัวสั่นสะท้านเทาไม่ได้ เขาภาวนาขอก็เพียง
ขอให้คุณชายชิงเฉินยังไม่เจอตงฟางโยวเช่นนี้ ในสภาพ
นี้
เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ พูดอย่างเห็นอกเห็นใจว่า
“ความคิดหนึ่งเป็นพระ ความคิดหนึ่งเป็นมาร…”
จั๋วจิ้งพูดขึ้นว่า “คุณชายหมายถึงว่า ตงฟางโยว
หมกมุ่นจนเป็นมาร เพราะไม่ได้ความรักจากคุณชายใหญ่
หรือขอรับ”书呆子
เยี่ยหลีพับพัดในมือ พูดว่า “เอาเป็นว่า ต้องรีบหา
พี่ใหญ่ให้เจอ ดูจากสภาพตงฟางโยวตอนนี้แล้ว น่าจะทน
ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ ให้คนที่ตามตงฟางโยวไป คอยจับตา
ดูนางให้ดี”
“ขอรับ” จั๋วจิ้งขานตอบ
จวนต าหนักอุปราช
ในห้องหนังสือ สีหน้าไร้อารมณ์ของตงฟางโยว
ก าลังมองไปที่ใบหน้าอันภิรมย์และปากที่พูดเป็นน้ าไหล
ไฟดับของม่อจิ่งหลีที่อยู่ข้างหน้าตรงหน้าด้วยจิตใจ
ล่องลอย ม่อจิ่งหลีหยุดพูด กวาดตามองตงฟางโยวที่
ก าลังเหม่อลอย ความไม่พอใจแล่นผ่านใบหน้าของเขา
ความรู้สึกที่ม่อจิ่งหลีมีต่อตงฟางโยวตอนนี้แย่เสีย
จนแย่กว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หากเป็นไปได้ ม่อจิ่งหลีอยากจะ
ฆ่าผู้หญิงตรงหน้านี้เสียให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ า ในก ามือ
ของผู้หญิงคนนี้กุมอ านาจอันมิสมควรที่คนใต้หล้าริษยา书呆子
แต่นางกลับไม่แยแสสิ่งใดและเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับผู้ชาย
ที่ไม่แม้แต่จะชายตามองนาง นอกจากนางจะเฟ้นค้นหา
ทุกวิถีทางแล้ว ยังกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนเสียสติและชั่ว
ร้าย หากไม่ใช่เพราะไม่อยากทะเลาะกับตงฟางโยว ม่อ
จิ่งหลีอยากจะบอกนางเหลือเกินว่า ในฐานะที่เขาก็เป็น
ผู้ชายคนหนึ่งเช่นกัน ยิ่งนางตามตอแยไม่เลิกเท่าไหร่ สวี
ชิงเฉินมีแต่จะยิ่งเกลียดนางเท่านั้น
“ข้าตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับซีหลิงและและเป่ย
หรงแล้ว เจ้าซ่อนคุณชายชิงเฉินไว้ที่ไหนกัน รีบส่งตัวมา
ให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องใช้” ม่อจิ่งหลีอดกลั้นความโมโหในใจ
ไว้พร้อม พูดเสียงขรึม ตอนนั้นที่เขากล้าลงมือจับตัวสวี
ชิงเฉินไว้ ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ให้ผู้หญิงคนนี้คลั่งไคล้เช่นนี้ สวี
ชิงเฉินถือว่าเป็นบุคคลส าคัญอันดับที่สามรองจากม่อซิว
เหยาและเยี่ยหลี หากมีเขาอยู่ในก ามือ ไม่ว่าจะท าสิ่งใดก็
ง่ายขึ้นเป็นกอง