ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 372-4 สถำนที่ซ่อนคุณชำย สถำนกำรณ์พลิก ผั
เยี่ยหลีส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ต้อง คนอย่างเยี่ยอิ๋ง…
ในชีวิตนี้ไม่เคยท าสิ่งใดส าเร็จ แต่หากตัดสินใจที่จะท าสิ่ง
ใดแล้ว ยากมากที่จะได้ข่าวสารที่แท้จริงจากปากนาง ข้า
ยอมรอให้นางพูดออกมาอย่างเต็มใจดีกว่าเค้นค าตอบ
จากนางแล้วเราต้องมาเสียเวลาพิสูจน์อีก”
เหยาจีขมวดคิ้วพูดว่า “แต่ว่า หากเมืองหลีและ
ท่านอ๋องเกิดอันใดขึ้น… ”
“ตงฟางโยวบอกแล้วว่าไม่ใช่บุคคลส าคัญอะไร
เช่นนั้นก็น่าจะไม่ใช่คนใกล้ชิดซิวเหยา แม้ม่อจิ่งหลี
ต้องการใช้ ก็ไม่หุนหันพลันเล่นแน่นอน ท่านลุงใหญ่และ
ท่านลุงรองก็น่าจะก าลังตามหากันแล้ว” เยี่ยหลีพูดเสียง
ขรึม เหยาจีฉุกคิดได้ว่าติ้งอ๋องและอาจารย์หงอวี่ทั้งสอง
เป็นคนส าคัญ คนของตงฟางโยวคิดจะจัดการพวกเขาก็书呆子
เป็นเรื่องยากนัก ไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงไม่รู้ว่าภูเขาชาง
หมางเกิดหายนะเล่า
เมื่อได้ยินค าพูดของเยี่ยหลี เหยาจีก็ไม่สนใจเรื่องนี้
อีก นางมองไปที่เยี่ยหลีแล้วถามขึ้นว่า “หลังจากมู่หยาง
โหวออกศึกแล้ว เหยาจีควรท าอย่างไรต่อ คุณชายโปรด
ชี้แนะ”เยี่ยหลีเพ่งมองไปที่ดวงตาของนาง ถอนหายใจ
แล้วพูดว่า “เหยาจี เจ้ามิต้องฝืนตัวเองแบบนี้จริงๆ ”
เหยาจีอมยิ้มพยักหน้า พูดว่า “เหยาจีเข้าใจ
คุณชาย ในเมื่อเหยาจีตัดสินใจแล้ว ย่อมไม่ท าให้คุณชาย
และต าหนักติ้งอ๋องต้องเสียเรื่อง” เยี่ยหลีเล่นพัดในมือ
พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้
วันที่ต้าฉู่ออกศึก เจ้าจงไปกับเขาเถิด”
เหยาจีขมวดคิ้ว “เกรงว่ามู่หยางโหวจะไม่เห็นด้วย
เจ้าค่ะ” นอกจากขุนพลที่อาศัยในพรมแดนระยะยาว
การออกศึกสู้รบไม่อนุญาตให้พาครอบครัวไปด้วยอยู่แล้ว书呆子
อีกอย่างนางเองก็ไม่ใช่พระชายาติ้งอ๋องผู้เป็นสตรีที่เก่ง
ทั้งบุ๋นและบู๊ รู้จักวางกลยุทธ์และคอยก ากับกองทัพได้
หากจะให้มู่หยางพานางไปด้วยย่อมเป็นไปไม่ได้
เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “ขอแค่เหยาจีต้องการ ย่อมคิดหา
วิธีได้”
เหยาจีชะงักครู่หนึ่ง แล้วจึงส่งยิ้มเล็กน้อย พูดว่า
“เหยาจีเข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ”
“คุณชาย เว่ยลิ่นขอเข้าพบขอรับ” เว่ยลิ่นพูดเสียง
เบาอยู่หน้าห้อง
เหยาจีและฉินเฟิงลุกขึ้น ฉินเฟิงพูดว่า “คุณชาย
ข้าน้อยขอลา”
เยี่ยหลีพยักหน้าพูดว่า “ช่วงนี้เจ้าอยู่กับเหยาจีเถิด
ยังเหมือนที่ข้าเคยพูดไว้ เรื่องของต าหนักมู่หยางโหว ข้า书呆子
ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจได้เลย” ฉินเฟิงพยักหน้า “ฉินเฟิง
ขอบคุณคุณชายขอรับ”
เยี่ยหลีพูดเสียงเบาว่า “ท าทุกอย่างแต่พอดี เจ้า
เข้าใจความหมายของข้าดี”
ฉินเฟิงพยักหน้าเงียบๆ แล้วพาเหยาจีจากไป
เว่ยลิ่นเข้ามา ไม่ทันคารวะ ก็พูดเสียงขรึมว่า
“รายงานคุณชาย ตงฟางโยวออกจากต าหนักแล้ว” สี
หน้าเยี่ยหลีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย พลันลุกพรวด แต่แล้วก็
นั่งลงไปดังเดิมอย่างรวดเร็ว นางถามเสียงขรึมว่า “นาง
คนเดียวหรือ”
เว่ยลิ่นส่ายศีรษะพูดว่า “พาแค่องครักษ์สองนาย
ติดตัวไปด้วย เป็นคนของภูเขาชางหมางขอรับ”
เยี่ยหลีขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วจึงพูดขึ้นว่า “วิชาต่อสู้
ของตงฟางโยวนั้นไม่ธรรมดา อย่าอยู่ใกล้นางเกินไป มิ书呆子
เช่นนั้นนางจะรู้ตัวเสียก่อน” เว่ยลิ่นพยักหน้า พูดว่า
“คุณชายวางใจเถิดขอรับ ด้วยความสามารถของพวกข้า
หากรู้แน่ชัดว่าอยู่บริเวณไหน ต้องหาคุณชายชิงเฉินเจอ
แน่นอน เพียงแต่ว่าคุณชายชิงเฉินไร้ซึ่งแรงก าลัง ไม่รู้ว่า
… ”
เยี่ยหลีโบกมือพูดว่า “สองวันก่อนดูจากสภาพยาม
ที่เจอตงฟางโยวแล้ว นางน่าจะยังไม่เจอพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็
น่าจะไม่มีอันตรายอันใด”
เว่ยลิ่นพยักหน้า ตงฟางโยวรักคุณชายชิงเฉินอย่าง
บ้าคลั่ง คิดว่าคงไม่ท าร้ายคุณชายชิงเฉินง่ายๆเช่นนี้
เยี่ยหลีคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดขึ้นว่า “ตรวจสอบอ านาจ
ของภูเขาชางหมางในเจียงหนานหรือยัง”
เว่ยลิ่นตอบว่า “หลังจากภูเขาชางหมางฟื้นฟูขึ้นมา
ดังเก่าแล้ว อ านาจของภูเขาชางหมางในเจียงหนานก็ถูก
ปรับเปลี่ยน แต่ก็ยังทิ้งช่องโหว่ไว้ไม่น้อย ให้พวกข้าแกะ书呆子
รอยก็พอตรวจสอบได้เจ็ดแปดสิบส่วน คุณชายต้องการ
ให้ลงมือตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ”
เยี่ยหลีส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ รอม่อจิ่งหลีออกไปก่อน
ค่อยลงมือ”
เว่ยลิ่นกะพริบตา พูดอย่างลังเลว่า “คุณชาย
หมายความว่าครั้งนี้ม่อจิ่งหลีจะออกศึกเองหรือขอรับ”
เยี่ยหลีถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก พูดว่า “ครั้งนี้ซิว
เหยาเล่นละครใหญ่เกินไป เกรงว่าไม่เพียงแค่ม่อจิ่งหลี
เท่านั้นที่ออกศึกด้วยตนเอง แม้แต่เหลยเจิ้นถิงก็อาจจะ
ไปด้วยตนเองเช่นกัน”
“นี่… ” ม่อจิ่งหลีไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เหลย
เจิ้งถิงเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ แม้เคยประลองฝีมือกับ
ต าหนักติ้งอ๋องหลายครา แต่เหลยเจิ้นถิงก็ดูเหมือนว่าจะ
ไม่เป็นรองเท่าไรนัก นอกจากครั้งหนึ่งที่ประเมินศัตรู
อย่างพระชายาต่ าเกินไปแล้ว ส่วนที่เหลือพูดได้ว่าเป็น书呆子
เพราะสถานการณ์บีบบังคับ ความสามารถของเหลย
เจิ้นถิงสูงเกินกว่าที่ม่อจิ่งหลีและเยียหลี่ว์เหยี่ยจะ
จินตนาการได้
เยี่ยหลีส่ายหน้าอมยิ้ม พูดว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก
ในเมื่อเขาเลือกแบบนี้แล้ว… สิ่งที่ข้าท าให้เขาได้ก็คือลด
ภาระให้เขาเท่าที่จะท าได้เท่านั้น”
“พระชายา หากท่านอ๋อง… ” เว่ยลิ่นถามขึ้นอย่าง
อดไม่ได้
เยี่ยหลียิ้มเบาๆ พูดว่า “หลังแต่งร่วมสุขร่วมทุกข์
แม้ตายจากก็ไม่เว้น”
เว่ยลิ่นเงียบไม่พูดอะไร ในสายตาของคนที่อยู่
ใกล้ชิดท่านอ๋องและพระชายา มักจะเห็นความรักและ
ความคะนึงหาของท่านอ๋องที่มีต่อพระชายาเสมอ ส่วน
พระชายากลับสงบเสงี่ยมราวกับท้องฟ้าที่สดใสไร้เมฆ
บัดนี้เว่ยลิ่นเพิ่งเข้าใจ อันที่จริงแล้วความรักที่พระชายามี书呆子
ต่อท่านอ๋องนั้นไม่น้อยไปกว่าความรักของท่านอ๋องที่มีต่อ
พระชายาเลย เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับท่านอ๋องแล้ว
พระชายาไม่ชอบพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาเท่านั้น พระ
ชายาจึงต้องใช้ความพยายามถึงเพียงนี้ ขอแค่เป็นเรื่องที่
ท่านอ๋องอยากท า พระชายาก็แทบจะไม่เคยคัดค้านเลย
นางเพียงแค่ท าในสิ่งที่ตนสามารถท าได้อย่างสงบปาก
สงบค า หรืออาจแค่อยู่ข้างกายท่านอ๋องเงียบๆ…
ค าถามที่เหลือ เว่ยลิ่นคิดว่าไม่มีความจ าเป็นต้อง
ถามอีกแล้ว เขามองเยี่ยหลีอย่างนอบน้อม “พระชายา
โปรดชี้แนะด้วย”
เยี่ยหลีลุกขึ้น ยิ้มเบาๆพูดว่า “รอดูก่อนเถิด เมื่อ
ม่อจิ่งหลีไปแล้ว ฉู่จิงแห่งนี้… ก็ถึงเวลาฟ้าเปลี่ยนแล้ว”
นอกเมืองหนานจิง ตงฟางโยวสวมชุดสามัญชนเดิน
อย่างเนิบช้า ข้างกายมีหนุ่มที่สวมชุดผ้าเนื้อหยาบเช่นกัน书呆子
สองนาย มองดูไปทั้งสามคนเหมือนกับพี่น้องธรรมดาที่
เพิ่งกลับมาจากเมืองหลวง
จนเมื่อเดินถึงทางแยกหนึ่ง ตงฟางโยวหยุดฝีเท้าลง
หน้าตาสะสวยพลันมีแววพิฆาตแวบผ่าน นางพูดอย่างไม่
แยแสว่า “ก าจัดแมลงวันที่น่าร าคาญข้างหลังทิ้งเสีย”
“ขอรับ นายหญิง” ชายหนุ่มสองคนตอบอย่าง
สุภาพ เมื่อหันหลังก็หายวับไปจากถนนข้างทางทันที ตง
ฟางโยวยืนอยู่ข้างทางครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้ม
เล็กน้อยออกมา จากนั้นก็หันหลังมุ่งไปทางเล็กอีกทาง
หนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
บนทางที่เงียบสงบ ชายหนุ่มชุดผ้าเนื้อหยาบเก็บ
ดาบที่เปื้อนเลือดกลับไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วจึงกลับสู่
สภาพสามัญชนที่ดูซื่อสัตย์อีกครั้ง เขาเหลือบมองศพที่
นอนสะเปะสะปะบนพื้นอย่างไม่แยแส แล้วส่ายศีรษะ
เดินจากไป书呆子
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ชายชุดด าสองนายปรากฏตัวที่
ข้างศพ ก้มหน้าดูศพที่เลือดยังไม่แห้งบนพื้น เขายกเท้า
สะกิด แล้วพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “คลาดกันเสียแล้ว”
ชายอีกคนหนึ่งพูดว่า “เราคลาด คนอื่นอาจไม่
คลาด” ในเมื่อคอยตามใกล้ๆไม่ได้ คนที่ถูกตามย่อมไม่ได้
มีเพียงแค่ทางเดียว ชายชุดด าคนนั้นถอนหายใจพูดว่า
“กลับไปรายงานคุณชายก่อนเถิด คนของภูเขาชางหมาง
ฝีมือไม่เลวเลย”
“มิต้องแล้ว” เสียงเรียบๆเสียงหนึ่งดังขึ้นจาก
ด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็เจอคุณชายโฉมงามสวมชุดขาว
คนหนึ่งก าลังเดินมา ที่ด้านหลังมีชายชุดด าสองคน
ตามมาด้วย ทั้งสองรีบเดินขึ้นหน้าเข้าไปคารวะ
“คุณชาย”
เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “ไม่ต้องใส่ใจหรอก หากคนของ
ภูเขาซางหมางไม่มีแม้แต่ความสามารถแค่นี้ แล้วจะ书呆子
สามารถแย่งคนจากต าหนักติ้งอ๋องไปอย่างไร้ร่องรอยได้
อย่างไร ไปกันเถิด”
“คุณชายรู้ต าแหน่งของคุณชายชิงเฉินแล้วหรือ
ขอรับ”
“ไปแล้วก็รู้เอง” เยี่ยหลีพูดเรียบๆ
ที่ที่ตงฟางโยวซ่อนคนนั้นหาไม่ง่ายตามคาด แม้เยี่ย
หลีจะพอรู้ทางแต่ทุกคนก็ยังต้องเดินวนไปมาในกลุ่ม
ภูเขาใกล้เมืองหลวงอยู่ครึ่งค่อนวัน จนเมื่อเดินมาถึงบ้าน
นายพรานกลางหุบเขาที่เล็กและดูไม่เป็นที่สนใจนัก จึง
หยุดฝีเท้าลง
จั๋วจิ้งขมวดคิ้วพูดว่า “ที่นี่ดูไม่เหมือนที่ที่ขังคุณชาย
ชิงเฉินไว้เลยขอรับ” แม้บนเขานี้จะมีผู้คนอยู่น้อย แต่ก็
มักมีนายพรานและคนเก็บสมุนไพรผ่านไปมา หน้าตา
ของคุณชายชิงเฉินนั้นเป็นที่ดึงดูดของผู้คนมากเกินไป
หากสถานที่แบบนี้มีคุณชายชิงเฉินที่หน้าตาราวกับ书呆子
เทพบุตรอาศัยอยู่ เกรงว่าเรื่องคงถูกแพร่งพรายออกไป
นานแล้ว ซึ่งคนของภูเขาชางหมางคงไม่จัดการทุกคนที่
ขึ้นลงเขานั้น หากท าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นที่สังเกตได้
เยี่ยหลีอมยิ้ม ชี้ไปที่บ้านหลังเล็กหลังนั้น พูดว่า
“พวกเจ้าดูบ้านหลังนั้นว่ามีตรงใดผิดปกติหรือไม่”
จั๋วจิ้งและเว่ยลิ่นมองไปพร้อมกัน มองดูอยู่พักใหญ่
ก็ดูไม่ออกว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “ดูจาก
สภาพบ้านหลังเล็กหลังนี้แล้ว น่าจะอยู่มาหลายสิบปีแล้ว
แต่ว่า… พวกเจ้าดูปล่องไฟนั่น… ”
ทั้งสองจ้องไปทางเดียวกัน แล้วจึงถึงคราวกระจ่าง
เว่ยลิ่นพูดขึ้น “ดูเหมือนปล่องไฟไม่เคยถูกใช้งานเลย”
เยี่ยหลีพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “แม้บ้านหลังนี้มีเพียง
นายพรานที่เข้ามาอาศัยเป็นครั้งคราว แต่เป็นไปไม่ได้ที่
จะไม่เคยใช้เตาในครัวเลยสักครั้ง นอกเสียจากว่า… ในนี้
มีห้องลับห้องอื่นอีก”书呆子
“แต่… เราจะไปส ารวจได้อย่างไรขอรับ ในบ้านนี้
อาจจะมีคนอยู่” จั๋วจิ้งถาม
เยี่ยหลีครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ยังไม่แน่ใจว่าพี่ใหญ่อยู่
ที่นี่หรือเปล่า จู่ๆไปแหวกหญ้าให้งูตื่นย่อมไม่ใช่เรื่องดี
แต่หากไม่ต้องการท าให้ใครแตกตื่น… ” บ้านหลังนี้เล็ก
เหลือเกิน หากอยากเข้าไปตรวจสอบโดยที่ไม่ท าให้คนใน
บ้านแตกตื่น คงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยหลีจึงตัดสินใจรอ
ดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที ในขณะเดียวกันก็คิดในใจ
ว่าในบ้านเล็กหลังนั้นมีความลับอะไรอยู่กันแน่ มีทางลับ
หรือมีห้องลับ? ต้องมีเหตุผลที่เหมาะแก่การซ่อนคน
เพราะเยี่ยหลีเชื่อว่าความรักที่ตงฟางโยวมีให้สวีชิงเฉิน
นั้น นางต้องไม่ซ่อนเขาไว้ในถ้ าอย่างส่งเดชเช่นนั้นแน่
พวกเขารออยู่นาน ในที่สุดก็เห็นประตูบ้านถูกเปิด
ออกจากข้างใน จากนั้นตงฟางโยวก็เดินออกมาด้วยสี书呆子
หน้าขึงขัง แม้ทั้งสามคนอยู่ห่างออกไปไกลมาก ก็ยังรู้สึก
ได้ว่าสีหน้าตงฟางโยวดูไม่ดีเลย ชายหญิงที่ตามออกมาก็
ปิดปากเงียบดุจจั๊กจั่นในฤดูหนาว เยี่ยหลีพลันมีลาง
สังหรณ์ไม่ดี
พวกเขาเห็นเพียงฝ่ามือของตงฟางโยวพุ่งเข้าใส่
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ก าลังลนลานจะปริปากพูดบาง
อย่า ชายคนนั้นยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ก็กระอัก
เลือดแทนทันที จากนั้นก็ล้มลงและหมดลมหายใจไป
เห็นได้ชัดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรที่ท าให้นางโมโหถึงขีดสุด
เป็นแน่ ตงฟางโยวหันหน้ามาทางพวกเขาพอดี เยี่ยหลี
มองปากที่ขยับไปมาของนางจึงรู้ว่านางก าลังพูดอะไร
“พวกสวะ! แค่คนคนหนึ่งที่ไม่มีวิชาก็ยังเฝ้าไว้ไม่ได้ ข้าจะ
เอาพวกเจ้าไว้ท าไม”
เยี่ยหลีตกใจ พี่ใหญ่หนีออกมาได้แล้วหรือ หาก
เป็นเช่นนี้ เหตุใดพี่ใหญ่ไม่ติดต่อเรามาเลย书呆子
ลูกน้องสองสามคนนั้นก าลังพยายามอธิบาย
นอกจากชายสองคนที่ตามตงฟางโยวมาแล้ว คนอื่นต่าง
คุกเข่าลงบนพื้น ตงฟางโยวยังคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นาง
พูดอย่างเย็นชาว่า “เขาหายไปตอนไหน”
เยี่ยหลีย่อมมองไม่เห็นค าตอบของลูกน้อง นาง
ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นว่า “จับตงฟาง
โยวตอนนี้มั่นใจว่าจะจับได้หรือไม่”
จั๋วจิ้งและเว่ยลิ่นสบตากันครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงเบา
ว่า “คนของเรามาถึงบริเวณนี้แล้ว ไม่น่าเป็นปัญหาขอรับ
แต่ว่าวิชาตัวเบาของตงฟางโยวนั้นไม่เลวเลย เกรงว่าหาก
นางรู้ตัว จะหนีเอาชีวิตรอดไปได้ หากจะจับนางโดยไม่
ท าร้ายนางเลยอาจจะยากสักหน่อยขอรับ”
เยี่ยหลีอมยิ้มพูดว่า “นางไม่ใด้เป็นอะไรกับเราเสีย
หน่อย ใครห้ามเจ้าท าร้ายนางหรือ ขอแค่ไม่ถึงแก่ชีวิตก็
พอ”书呆子
“ข้าน้อยน้อมรับค าสั่ง” ทั้งสองพูดพร้อมกัน
นอกบ้านนายพราน ตงฟางโยวพูดอย่างโมโหว่า
“ยังไม่ไปหาอีก หากหาตัวคุณชายชิงเฉินไม่เจอภายใน
สามวัน ระวังชีวิตอันไร้ค่าของพวกเจ้าไว้เลย!”
“ร่องรอยของคุณชายชิงเฉินคงไม่ต้องล าบากคน
ของแม่นางตงฟางแล้ว เรียนเชิญพระชายาหลีคุยกับนาย
ท่านก่อนดีหรือไม่ขอรับ” จู่ๆเสียงอันเป็นมิตรของชาย
คนหนึ่งก็ดังขึ้นจากเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล