ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 373-1 ตงฟำงโยวถูกจับ
“ร่องรอยของคุณชายชิงเฉินขอไม่รบกวนคนของ
แม่นางตงฟางแล้ว เรียนเชิญพระชายาหลีคุยกับนายท่าน
ก่อนดีหรือไม่” จู่ๆ เสียงอันเป็นมิตรของชายคนหนึ่งก็ดัง
ขึ้นจากเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนที่อยู่หน้าบ้านหลังเล็กต่างหัน
ไปทางทิศเดียวกัน แม้บ้านหลังนี้จะดูธรรมดาไม่สะดุดตา
เสียเท่าไร แต่ระหว่างทางที่มาก็มีกับดักซ่อนไว้ไม่น้อย
ถึงแม้จะไม่ท าให้บาดเจ็บ แต่หากสัมผัสโดนกับดัก คนใน
บ้านก็จะรู้ว่ามีผู้บุกรุกทันที แต่คนผู้นี้กลับเข้ามาได้อย่าง
ไร้ซุ่มเสียง และไม่มีผู้ใดไหวตัวทันเลย
“ใครกัน” ตงฟางโยวหันหลังขวับ เห็นชายชุดด า
คนหนึ่งยืนกอดอกพิงต้นไม้อยู่บนเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล
ออกไป และก าลังมองมาที่ตน ตงฟางโยวครุ่นคิดอยู่ครู่
หนึ่งก็รู้ว่าเขาคือใคร “คนของต าหนักติ้งอ๋อง!”书呆子
แม้จะไม่รู้ชื่อและสถานะของผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้า
นี้ แต่ตงฟางโยวยังจ าได้ว่าเคยพบหน้าผู้ชายคนนี้ตอนอยู่
ข้างกายพระชายาติ้งอ๋องครั้งหนึ่ง นางจึงรู้ว่าเป็นคนสนิท
ของพระชายาติ้งอ๋อง เพียงแต่นางไม่คิดว่าตนที่คอย
ระมัดระวังต าหนักติ้งอ๋องเป็นอย่างมากมาตลอด จะถูก
คนสนิทของเยี่ยหลีตามมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเช่นนี้
ชายชุดด าอมยิ้มประสานมือ “ข้าน้อยจั๋วจิ้งแห่ง
ต าหนักติ้งอ๋อง ขอคารวะแม่นางตงฟาง”
ตงฟางโยวพูดอย่างสงบเยือกเย็นว่า “เจ้ามาท า
อะไรที่นี่ ต าหนักติ้งอ๋องคงไม่ส่งเจ้ามาคนเดียวกระมัง”
จั๋วจิ้งตอบว่า “แม่นางตงฟางมาท าอะไรที่นี่
ข้าน้อยก็มาท าอย่างนั้นเช่นกัน พระชายาขอเชิญแม่นาง
ย้อนไปร าลึกความหลังสักเล็กน้อยขอรับ” ตงฟางโยวสี
หน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ถามว่า “เยี่ยหลีก็มาหรือ” จั๋วจิ้งยิ้ม
ไม่ตอบ ตงฟางโยวฉุกคิดได้ทันทีว่าสถานการณ์ในยามนี้书呆子
เป็นภัยต่อตนนัก ครั้งที่แล้วที่นางและม่อจิ่งหลีส่งคนไป
จับสวีชิงเฉิน ก็ท าคนของพวกนางบาดเจ็บล้มตายไป
จ านวนมาก แค่คิดก็รู้แล้วว่าองครักษ์ของต าหนักติ้งอ๋อง
นั้นแข็งแกร่งเพียงใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเยี่ยหลีที่มีหน่วย
กิเลนอันฉลาดหลักแหลมแห่งต าหนักติ้งอ๋องอยู่ในมือ
เลย
“ข้าเกรงว่าจะไม่มีเวลาไปร าลึกความหลังกับพระ
ชายาติ้งอ๋อง หากพระชายาติ้งอ๋องไม่มีธุระอันใดก็มา
นั่งเล่นที่ต าหนักหลีอ๋องได้” ตงฟางโยวพูดอย่างสงบนิ่ง
จั๋วจิ้งก็ไม่พล่ามไร้สาระกับนางอีก เขาหัวเราะใน
ล าคอเบาๆ พอยกมือขึ้น เงาด านับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น
รอบทิศของบ้านที่อยู่บนเนินอย่างไร้ซุ่มเสียง พวกเขา
ขวางทางออกทุกทางไว้อย่างคล่องแคล่วและเชี่ยวชาญ
ยากนักที่จะหนีรอดออกไปได้书呆子
ตงฟางโยวรู้ดีว่าหากไม่ลงมือก็อย่าคิดที่จะหลุด
รอดจากเงื้อมมือของต าหนักติ้งอ๋องไปได้ นางจึงไม่อยู่
เฉย ตงฟางโยวเหาะเหินพุ่งตัวไปทางจั๋วจิ้ง เมื่อคนข้าง
กายตงฟางโยวเห็นนางลงมือก็ย่อมไม่เกรงใจเช่นกัน การ
ต่อสู้อันวุ่นวายในป่าจึงได้เริ่มต้นขึ้น
จั๋วจิ้งอมยิ้มมองไปทางผู้หญิงที่มุ่งมาหาตน เขาเอง
ก็ชักดาบออกมาทันที แม้วรยุทธ์ของตงฟางโยวอาจจะสูง
กว่าเขา แต่เขาก็ไม่เกรงกลัวนาง ทั้งสองจึงเข้าปะทะกัน
อย่างรวดเร็ว
บนเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไป เยี่ยหลีพาเว่ยลิ่นไป
อยู่บนที่สูงเพื่อสังเกตการณ์การต่อสู้ที่อยู่ข้างล่าง แม้วิชา
ของตงฟางโยวและคนข้างกายนางจะไม่เลว แต่คนของ
นางมีน้อยเกินไป ที่แห่งนี้เป็นที่ลับตาคน เป็นเพียงบ้านที่
ตงฟางโยวเอาไว้ซ่อนคน จึงไม่มีคนรักษาการณ์มากมาย
ผ่านไปเพียงไม่นาน คนของตงฟางโยวก็ตกที่นั่งล าบาก书呆子
“พระชายา วรยุทธ์ของตงฟางโยวคนนี้ไม่เลวเลย
จริงๆ หากนางไม่ได้มีปัญหาเรื่องสติปัญญา อาจเรียกได้
ว่านางเป็นอัจฉริยะโดยแท้จริง” เว่ยลิ่นอดชื่นชมไม่ได้
ปกติแล้วการฝึกวิทยายุทธ์ของสตรีเป็นสิ่งที่ล าบากกว่า
บุรุษอยู่แล้ว ตงฟางโยวอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ด ก็มี
วิชาการต่อสู้ที่ล้ าลึกเช่นนี้แล้ว หากเปรียบเทียบกับม่อซิว
เหยาในวัยเยาว์แล้ว พรสวรรค์เช่นนี้ไม่ต่างกันสักเท่าไร
เลยจริงๆ หากส าเร็จราบรื่น ไม่แน่ว่านางจะกลายเป็น
อัจฉริยะด้านการต่อสู้รุ่นหลังจากม่อซิวเหยา และอาจ
ได้รับฉายาว่าเป็นสตรียอดฝีมืออันดับหนึ่งที่ไม่เคยมีมา
ก่อนเลยก็เป็นได้
เยี่ยหลีที่ก าลังชมการต่อสู้อันคล่องแคล่วของหญิง
สาวที่แทบจะเอาชนะจั๋วจิ้งได้ ก็อดพยักหน้าเห็นด้วย
ไม่ได้ “ทายาทแห่งภูเขาชางหมาง เป็นอัจฉริยะที่หาได้
ยากในใต้หล้าจริงๆ” สิ่งที่ตงฟางโยวเก่งกาจไม่ได้มีเพียง书呆子
ศิลปะการต่อสู้ ศิลปะแขนงอื่นอย่างเล่นฉิน หมากรุก
เขียนพู่กัน วาดภาพ แต่งกลอน ร้องร า โหราศาสตร์
การแพทย์ ไม่มีสิ่งใดที่นางไม่ถนัดเลย อัจฉริยะเช่นนี้ เยี่ย
หลีเองก็ไม่สามารถท าได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดายที่
ความคิดของคนอัจฉริยะอย่างนางผิดแปลกจากคนปกติ
และยังเป็นความคิดที่ผู้คนปกติรับไม่ได้อีกด้วย
“ให้ข้าน้อยลงไปช่วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยลิ่นถาม
ขึ้น ไม่ใช่เพราะจั๋วจิ้งสู้ตงฟางโยวไม่ได้ แม้ตงฟางโยวจะ
อัจฉริยะเพียงใด แต่ก็ยังขาดประสบการณ์อยู่มาก ต่าง
จากเหรินฉีหนิงที่เก่งกาจจากการฝึกฝนมานาน
หากจั๋วจิ้งอยากจะฆ่าตงฟางโยวจริงๆ เวลาเพียงเท่านี้เขา
มีโอกาสลงมืออย่างน้อยสี่ห้าครั้งแล้ว แต่หากอยากจะจับ
นางไว้ก็ค่อนข้างล าบาก
“ไม่ต้อง” เยี่ยหลีส่ายหน้า พูดอมยิ้มว่า “นางหนี
ไปไหนไม่ได้หรอก เราลงไปกันเถิด”书呆子
ตงฟางโยวไร้หนทางหนี แต่ท้ายสุดไม่ใช่จั๋วจิ้งและ
คนของต าหนักติ้งอ๋องที่ท าเอานางเจ็บปางตาย แต่กลับ
เป็นหนึ่งในองครักษ์ที่ติดตามตงฟางโยวมาเสียเอง เมื่อ
ลูกน้องทั้งหมดของตงฟางโยวถูกจับได้ จนเหลือเพียง
องครักษ์คนนั้น องครักษ์คนนั้นก็กระโดดเข้ามาขวางหน้า
นางเพื่อรับดาบของจั๋วจิ้งแทนนาง ตงฟางโยวคิดว่าตนมี
โอกาสหนีไปได้ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่ต้อนรับนางอยู่หลังจาก
นั้นคือดาบที่พุ่งมาสองครั้ง ดาบแรกของจั๋วจิ้งนางหลบ
ทัน ดาบจึงเพียงเฉี่ยวโดนเสื้อเล็กน้อย แต่นางไม่ทันตั้ง
ตัวรับแรงกระแทกจากฝ่ามือของชายอีกคนที่พุ่งมาอย่าง
แรงจนท าให้นางบาดเจ็บหนัก
ตงฟางโยวกุมหน้าอกไว้ นางจ้องเขม็งไปยัง
องครักษ์ที่ย้ายไปยืนอยู่ข้างจั๋วจิ้ง แล้วนางจะไม่เข้าใจสิ่ง
ใดอีกหรือ “เจ้าคือคนของต าหนักติ้งอ๋อง?!”书呆子
จั๋วจิ้งยิ้มพูดว่า “ภูเขาชางหมางน าก าลังคน
แทรกแซงในต าหนักติ้งอ๋องได้ แล้วเหตุใดต าหนักติ้งอ๋อง
จะส่งคนมาแทรกแซงในภูเขาชางหมางมิได้เล่า”
ท้ายที่สุดก็เพราะยังอ่อนประสบการณ์เกินไป
แม้ว่าตงฟางโยวจะมีวิทยายุทธ์อันล้ าลึกที่จัดอยู่ในอันดับ
ต้นๆ ของใต้หล้า แต่ก็ยังถูกจับกุมไว้ได้อยู่ดี เมื่อตงฟาง
โยวเห็นเยี่ยหลีพาเว่ยลิ่นค่อยๆ เดินเข้ามาหา ความเดือด
ดาลของนางก็ยิ่งพลุ่งพล่าน “เยี่ยหลี เจ้าจริงๆ ด้วย!”
เยี่ยหลียิ้มอย่างไม่แยแส พูดว่า “อันที่จริงข้าไม่
อยากปรากฏตัวที่นี่ แต่แม่นางตงฟางกลับท าให้ข้าจ าต้อง
มา ในเมื่อมาถึงแล้ว เราเข้าไปนั่งในบ้านกันก่อนเถิด” ถึง
เวลานี้ตงฟางโยวย่อมไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก นางถูก
คนสกัดพลังไว้ และถูกจับให้เดินตามเยี่ยหลีเข้าไปบ้านไม้
หลังเล็กที่อยู่ข้างๆ书呆子
บ้านไม้เล็กๆ หลังนี้มีห้องลับอยู่ภายในดังคาด ด้วย
ฝีมือของต าหนักติ้งอ๋องย่อมไม่กังวลเรื่องการสอบปากค า
ให้ได้ความจากคนเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเพิ่งได้
เห็นตงฟางใช้ฝ่ามือฆ่าคนฝ่ายเดียวกันอย่างง่ายดายด้วย
ตาของตนเองเมื่อครู่แล้ว คนเหล่านี้ก็รู้สึกเศร้าโศก
เหมือนกระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ าไห้ แต่ตอนนี้เมื่อเทียบ
กับตงฟางโยวที่มีอารมณ์แปรปรวน ผิดปกติและร้ายกาจ
แล้ว พระชายาติ้งอ๋องในชุดขาวพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
อ่อนโยนของนางจึงดูเป็นมิตรมากเป็นพิเศษ
จั๋วจิ้งและเว่ยลิ่นใช้เวลาไม่ถึงชั่วก้านธูป ก็รู้ทางเข้า
ลับจากปากคนเหล่านั้น พวกเขาจับตงฟางโยวเดินไป
ข้างหน้า ใช้เวลาเดินไปประมาณครึ่งชั่วยามก็พบแสง
สว่างอีกครั้ง สถานที่ลับแห่งนี้เป็นหุบเขาลึกที่ล้อมรอบ
ด้วยหน้าผาทั้งสี่ด้าน แม้ว่าก่อนหน้านี้ ที่ดูจากต าแหน่ง
ที่ตั้งและเส้นทางของทางลับ เยี่ยหลีจะพอเดาได้ว่าสถาน书呆子
ที่นี้เป็นอย่างไร แต่เมื่อเห็นสถานที่จริงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ที่แบบนี้ อย่าว่าแต่สวีชิงเฉินที่ไม่รู้วิชาต่อสู้เลย แม้แต่เยี่ย
หลีเองจะหนีออกจากที่นี่โดยไม่ให้ผู้อื่นรู้ตัวนั้นก็เป็นไป
ไม่ได้เลย สวีชิงเฉินไม่มีวิชาตัวเบา หากจะปีนขึ้นไปด้วย
ก าลังกายของเขาเองก็ยากนักที่จะปีนขึ้นหน้าผาที่สูงร้อย
จั้งนี้ได้ แล้วพี่ใหญ่หายไปจากที่นี่ได้อย่างไรกันนะ