ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 374-1 แม่สำวน้อยอวิ๋นเกอ
ตระกูลฉู่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงก็จริง เสียดายที่เยี่ย
หลีไม่ใช่คนของตระกูลฉู่ อีกอย่าง ตอนนี้ค่ายใหญ่ตระกูล
ฉู่ที่อวิ๋นโจวยังอยู่ในการควบคุมของเหลยเจิ้นถิง มีเหตุผล
อันใดที่ตระกูลฉู่ต้องให้เงินค่าจ้างทหารแก่ม่อจิ่งหลีเพื่อ
โจมตีต าหนักติ้งอ๋องด้วยเล่า ดูจากความสัมพันธ์ของ
ตระกูลฉู่และตระกูลสวีแล้ว ต าหนักติ้งอ๋องเรี่ยไรเงินมา
โจมตีม่อจิ่งหลียังน่าจะเข้าท่าเสียกว่า
เหยาจีน าจดหมายยัดใส่ในมือของเยี่ยหลีอย่าง
เลี่ยงไม่ได้ นางพูดขึ้นว่า “ข้าก็ไม่อยากน าเรื่องน่าขันสิ้นดี
เช่นนี้มาหาท่านหรอก แต่ว่าพระชายาอุปราชให้มู่หยาง
โหวจัดการเรื่องนี้ โหวฮูหยินของจวนเราท่านนั้นก็ก าลัง
เล่นบทพ่อแง่แม่งอนอยู่ ข้าจึงต้องมาเอง จะได้มาถาม
ข่าวคราวของคุณชายชิงเฉินด้วย ไม่ง่ายหรอกนะที่ข้าจะ
เดินเข้าจวนของท่านได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้”书呆子
เยี่ยหลีอมยิ้มมองจดหมายในมือ นางยิ้มเล็กน้อย
พูดว่า “ดูท่าม่อจิ่งหลีไว้วางใจจวนมู่หยางโหวขึ้นมากเลย
สินะ”
เหยาจีเบ้ปาก พูดว่า “ตาเฒ่ามู่หยางโหวที่แล่นเรือ
ตามลมคนนั้น ย่อมรู้ว่าสิ่งใดควรท า สิ่งใดมิควรท า หลัง
จากม่อจิ่งฉีสวรรคต มู่หยางโหวก็เข้าหาม่อจิ่งหลีทันที
แม้สมัยก่อนมู่หยางโหวและหลีอ๋องเป็นคู่อริกัน แต่สองปี
นี้มู่หยางโหวก็ช่วยหลีอ๋องไว้ไม่น้อย อีกอย่างตอนนี้เขาก็
สละฐานันดรส่งต่อให้มู่หยางแล้ว ม่อจิ่งหลีจึงควรแสดง
ความขอบคุณบ้างเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นจะปลอบประโลม
เหล่าขุนนางคนเก่าของม่อจิ่งฉีได้อย่างไรเล่า”
เยี่ยหลีคิดตามก็เห็นด้วย นางตบจดหมายในมือ
เบาๆ พูดขึ้นว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปบอกมู่หยางโหวเถิด
ว่าฉู่จวิ้นเหวยจะไปร่วมงานตามเวลา”书呆子
เหยาจีมองนางอย่างสงสัย “ท่านคงไม่คิดจะ
ช่วยม่อจิ่งหลีเรี่ยไรค่าจ้างทหารจริงๆ หรอกใช่หรือไม่”
เยี่ยหลียิ้มไม่พูดอะไร แต่กลับถามขึ้นว่า “ข้าน่ะ
แปลกใจว่าม่อจิ่งหลีขาดแคลนเงินได้อย่างไร สองสามปี
มานี้ต้าฉู่ไม่มีภัยพิบัติ และไม่มีการใช้ทหาร หลายปีก่อน
ครั้นม่อจิ่งหลีย้ายมาทางใต้ ก็กวาดสมบัติในคลังของต้าฉู่
ไปไม่เหลือสักชิ้น” แน่นอนว่าร้อยละแปดเก้าสิบส่วนเข้า
กระเป๋าส่วนตัวของม่อจิ่งหลี เยี่ยหลีคิดมาตลอดว่าม่อจิ่ง
หลีเป็นหนึ่งในคนที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในใต้หล้านี้
เหยาจียักไหล่ พูดว่า “เรื่องนี้ข้าไม่รู้แล้วล่ะ แต่
เกรงว่าคลังของต้าฉู่เองก็มีทรัพย์สินไม่มากอยู่แล้ว สอง
สามปีนั้นต้าฉู่เองก็ออกรบอยู่บ่อยครั้งมิใช่หรือ” ที่น่า
เศร้าใจคือรบร้อยครั้งแพ้ร้อยครั้ง สุดท้ายแม้แต่ฉู่จิงก็ต้อง
สูญเสียไป “อีกอย่าง แม้ม่อจิ่งหลีมีเงิน เขาก็อาจจะไม่
ยอมน ามาเป็นค่าจ้างทหารหรอก”书呆子
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหลีอดยิ้มไม่ได้ “ดูไม่ออกเลย
นะว่าม่อจิ่งหลีเป็นทาสเงิน” พูดถึงเรื่องนี้ ในบรรดาเหล่า
อ๋อง ต าหนักติ้งอ๋องมีความสามารถมากที่สุด แต่ว่าติ้ง
อ๋องและพระชายากลับไม่ใช่คนที่มีเงินมากที่สุด ความมั่ง
คั่งภายใต้ชื่อของต าหนักติ้งอ๋องย่อมไม่นับ แต่เยี่ยหลี
และม่อซิวเหยาไม่มีนิสัยขี้งก เกรงว่าคลังส่วนตัวของพวก
เขาเองมีเพียงสี่ห้าแสนต าลึงเท่านั้น แม้จะดูเหมือน
มากมาย แต่เทียบกับท่านอ๋องสูงศักดิ์คนอื่นแล้วย่อมดูไม่
ดีนัก
เหยาจีไม่พูดมากอีก นางลุกขึ้นยิ้มพูดว่า “ในเมื่อ
ส่งหนังสือเชิญถึงมือแล้ว เหยาจีขอตัวกลับก่อน”
เยี่ยหลีรู้ว่าตอนนี้เหยาจีเป็นคนจัดการเรื่องจ านวน
ไม่น้อยของจวนมู่หยางโหว นางจึงยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า
“ระวังตัวด้วย”书呆子
นอกเมืองหนานจิง ในป่าลึกที่ห่างจากหนานจิง
หลายสิบลี้ กระท่อมเรียบง่ายสองสามหลังตั้งอยู่ระหว่าง
ภูเขาและแม่น้ า แทบจะกลืนไปกับกับต้นไม้ดอกไม้และ
ต้นหญ้าในป่าแห่งนั้น หากไม่เดินเข้าไปใกล้ จะไม่รู้เลยว่า
ในที่ที่ร้างผู้คนเช่นนี้จะมีคนอาศัยอยู่ หน้ากระท่อมมีไร่
สมุนไพร ในไร่สมุนไพรปลูกสมุนไพรไว้มากมาย แม้
ตอนนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว และสมุนไพรมากมายก็เหี่ยว
แห้งจนเหลือเพียงน้อยนิด แต่สมุนไพรที่ยังไม่ตายนั้น
กลับได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งไร่สะอาดสะอ้านและเป็น
ระเบียบ
ในกระท่อม หนุ่มโฉมงามดั่งเทพบุตรคนหนึ่งนั่งพิง
หน้าต่างอยู่บนเตียง พลิกหนังสือโบราณในมืออย่างใจ
ลอย ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ราวกับเทพบุตรบน
สวรรค์ จะเป็นใครอื่นอีกเล่า หากไม่ใช่คุณชายชิงเฉินที่书呆子
แทบจะถูกทหารตระกูลม่อพลิกหาทั้งในและนอกหนาน
จิงแล้วก็ยังไม่เจอ
อ่านหนังสือไปครู่หนึ่ง คุณชายชิงเฉินก็เงยหน้าขึ้น
มองไปข้างนอก รอยยิ้มบนใบหน้าแฝงความเบื่อหน่าย
เล็กน้อย เขาเจ็บแปลบที่หน้าอก ท าให้ความคิดที่
อยากจะลงจากเตียงไปเดินเล่นต้องหยุดลง ใครจะไม่รู้ว่า
คุณชายชิงเฉินผู้งดงามเฉิดฉายคนนี้ จะต้องมาเจอกับ
ความโชคร้ายเช่นนี้ด้วย
นอกบ้านมีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังเข้ามา แม่สาวน้อย
ในชุดสามัญชนเดินอุ้มตะกร้าไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยสมุนไพร
ชนิดต่างๆ เข้ามาข้างใน เมื่อเห็นคนที่นั่งพิงอยู่ข้างเตียง
ก็รีบวางตะกร้าไม้ไผ่ลงและเดินเข้าไปถาม “สวีชิงเฉิน
เหตุใดจึงลุกขึ้นนั่งเล่า ดีขึ้นแล้วหรือ” หน้าตาสาวน้อย
คนนั้นอายุราวสิบห้าสิบหกปี ผมยาวสลวยถูกมัดด้วย
เชือกเส้นบางคล้ายเนื้อผ้าอย่างลวกๆ นางสวมชุด书呆子
กระโปรงผ้าหยาบสีเขียวอ่อน การแต่งตัวเช่นนี้แม้จะ
เทียบกับสาวบ้านนอกก็ยังด้อยกว่า ทว่าการแต่งตัวเรียบ
ง่ายเช่นนี้กลับไม่สามารถบดบังความสวยงามของแม่สาว
น้อยได้เลย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับทาผงชาด จมูก
เล็กอันวิจิตร และดวงตาอันสดใสที่ดูราวกับสามารถมอง
ทะลุใจคนได้ แม้อายุยังน้อย แต่ก็ยากที่จะปกปิดความ
งามที่มิอาจมีใครเทียบได้ของหญิงสาว เพียงแต่ว่าตอนนี้
แม่สาวน้อยที่ใครเห็นใครก็รักนั้นกลับก าลังท าหน้านิ่วคิ้ว
ขมวดมองคุณชายชิงเฉินด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “สวีชิงเฉิน…
เจ้าดีขึ้นหรือยัง เพราะข้าไม่ดีเอง… ”
สวีชิงเฉินมองแม่สาวน้อยตรงหน้าที่ก าลังจะร้องไห้
อย่างหมดหนทาง เขาปลอบเสียงเบาว่า “โทษเจ้าได้
อย่างไร ให้พูดตามจริง เจ้าช่วยข้าไว้ต่างหาก”
“แต่ว่า… หากไม่ใช่เพราะข้าที่พาเจ้าไป เจ้าก็คงไม่
บาดเจ็บ” แม่สาวน้อยพูดอย่างรู้สึกผิด นางก็แค่ได้ยิน书呆子
เสียงเหยาเจิ้งอันไพเราะขณะที่ตนขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร
จึงเดินตามเสียงดนตรีนั้นไป เมื่อเห็นคนประดุจเทพคน
หนึ่งก าลังบรรเลงนิ้วอยู่บนเหยาเจิ้ง จึงคิดถึงเหยาเจิ้งที่
ท่านปู่ทิ้งไว้ก่อนจากไป แต่ตนกลับเล่นไม่เป็น นางจึง
แอบลงไปที่หุบเขานั้นเพื่อขอค าแนะน า จากนั้นหลังจาก
ที่ได้ยินว่าคุณชายประดุจเทพคนนั้นถูกคนจับขังไว้ที่นั่น
จึงคิดหาทางช่วยเขาออกมา แต่ไม่คิดว่าตนจะท าให้เขา
บาดเจ็บหนักโดยไม่ตั้งใจที่ใต้น้ าแห่งนั้น หากรู้ว่าเป็น
เช่นนี้แต่แรก นางคงไม่พาเขาออกมา เพราะอย่างไรคน
ในนั้นก็ดูเหมือนจะปฏิบัติกับเขาด้วยดี
“มิได้หรอก ข้ายอมบาดเจ็บเสียยังดีกว่าอยู่ในนั้น
ฉะนั้นข้าต้องขอบคุณเจ้านะ อีกอย่างเจ้าเองก็ช่วยรักษา
ข้าอยู่มิใช่หรือ” สวีชิงเฉินพูดพร้อมยิ้มบางๆ แม้เขาจะ
มั่นใจว่าคนของต าหนักติ้งอ๋องต้องมาช่วยตน แต่ก็ไม่รู้ว่า
เมื่อไร บางครั้งเพียงแค่ช้าไปเล็กน้อยก็อาจโชคร้ายได้书呆子
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เวลาคุณชายชิงเฉินอยู่ข้าง
นอก เขาปลอดภัยดีทุกครั้ง นอกจากการเดินทางไปทั่ว
สารทิศแล้ว เขายังเก่งเรื่องการวิเคราะห์สถานการณ์ได้
อย่างแม่นย าด้วย แทนที่จะเจอกับหญิงเสียสติอย่างตง
ฟางโยวคนนั้น เขายอมบาดเจ็บเพื่อให้ได้ออกมาก่อน
ค่อยกว่ากันดีกว่า บอกได้เลยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกใน
ชีวิตของคุณชายชิงเฉินที่รู้สึกเสียใจที่ตนไม่รู้วิชาการต่อสู้
สาวน้อยพยักหน้า บนใบหน้าสะสวยปรากฏ
รอยยิ้มขึ้น “อื้ม ข้าจะรักษาเจ้าให้หายในเร็ววัน ข้าเก่ง
การแพทย์มากเลยนะ หมอในเมืองต่างบอกว่ายาที่ข้าท า
มีประสิทธิภาพมาก สวีชิงเฉิน ข้าไปซื้อยาดีในเมืองมา
เพิ่ม เพิ่งท าเสร็จเมื่อครู่นี้เอง เจ้ากินเถิด” สาวน้อยหยิบ
ขวดไม้แกะสลักขวดหนึ่งออกมา ยื่นไปต่อหน้าเขาราวกับ
ถวายสมบัติให้ ดวงตากลมโตของนางมองเขาพร้อม
กะพริบตาปริบ书呆子
สวีชิงเฉินยิ้มอย่างอดไม่ได้ เขายื่นมือรับขวดยา
มาแล้วเปิดออก ขวดเล็กๆ ขวดนั้นพลันโชยกลิ่น
หอมหวนที่ท าเอาจิตใจผ่อนคลาย สวีชิงเฉินเทยาเม็ดสี
ขาวขุ่นเม็ดหนึ่งออกมาน าเข้าปากแล้วยาก็ละลายไปทันที
ทันใดนั้น ก็รู้สึกได้ว่าความไม่สบายตัวผ่อนเบาลงไปมาก
ในขวดยานั้นมียาเม็ดเพียงห้าเม็ด แม้สวีชิงเฉินจะไม่
ช่ าชองด้านการแพทย์ แต่ก็พอได้คลุกคลีมาบ้าง ย่อมรู้ว่า
ยาเม็ดเล็กๆ เหล่านี้ต้องใช้สมุนไพรมากมายเพียงใด
เพื่อให้ได้มา