ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 374-3 แม่สำวน้อยอวิ๋นเกอ
อวิ๋นเกอมองเขาอย่างล าบากใจ นางอยากออกจาก
ที่นี่กับสวีชิงเฉินเหลือเกิน แม้นางไม่ชอบความครึกครื้น
นัก แต่หลังจากที่ช่วงนี้มีสวีชิงเฉินคุยเป็นเพื่อน และเมื่อ
คิดถึงตนเองที่ต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งก็ให้รู้สึก
เศร้าใจนัก แต่ท่านพ่อบอกให้นางรอคนมารับที่นี่ นางจะ
ไม่ฟังก็ไม่ได้
เมื่อสวีชิงเฉินเห็นนางลังเล เขาก็ยิ้มพูดว่า “อย่าง
นั้นเจ้าจ าที่อยู่ที่เจ้าส่งจดหมายไปได้หรือไม่ ข้าให้คนช่วย
เจ้าหาพวกเขา ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้รับจดหมาย
จริงๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงต้องรออยู่ที่นี่ทั้งชีวิต”
อวิ๋นเกอคิดอยู่นาน กว่าจะพยักหน้าและบอกที่อยู่
ที่หนึ่งไป เมื่อฟังจบ สวีชิงเฉินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ อวิ๋
นเกอมองสีหน้าไม่สู้ดีนักของเขา ก็อดกังวลไม่ได้ “สวีชิง
เฉิน เจ้าเป็นอะไร”书呆子
สวีชิงเฉินถาม “เจ้าแซ่มู่หรือ”
“หืม ข้าไม่ได้แซ่มู่ ท่านพ่อข้าแซ่เฉิน” อวิ๋นเกอต
อบอย่างงงงวย นางไม่ได้บอกสวีชิงเฉินว่าตนแซ่อะไร
หรือ นางเอียงศีรษะคิดแล้วคิดอีก ดูเหมือนว่านางจะลืม
บอกว่าตนแซ่เฉินจริงๆ ด้วย เมื่ออยู่ตัวคนเดียวนานวัน
เข้า ชื่อแซ่อะไรย่อมไม่ส าคัญมากอีกต่อไป
“แล้วท่านแม่เจ้าแซ่อะไร” สวีชิงเฉินถาม
อวิ๋นเกอตอบ “ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่ข้าแซ่หลี่”
สวีชิงเฉินพยักหน้า พูดว่า “ข้ารู้ว่าคนที่ท่านพ่อเจ้า
หาคือใคร ข้าพาเจ้าไปได้ รอข้าหายแล้วเจ้าไปกับข้า
เถิด” อวิ๋นเกอตาลุกวาว “จริงหรือ”
สวีชิงเฉินพยักหน้า ยิ้มเล็กน้อย มองดูสาวน้อย
ท่าทางตื่นเต้นดีใจตรงหน้าก็แอบถอนหายใจเบาๆ นาง
เป็นเพียงเด็กน้อยผู้โดดเดี่ยวเท่านั้น书呆子
ณ จวนฉู่
“เรียนพระชายา บ่าวมารายงานว่าเมื่อครู่มีนังหนู
คนหนึ่งมาแอบมองอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยลิ่นเข้ามา
รายงาน
เยี่ยหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย “นังหนูหรือ”
เว่ยลิ่นพยักหน้าพูดว่า “นังหนูคนนั้นมีฝีมือต่อสู้ไม่
เลวเลย แต่ไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าไรนัก นางซุ่มมอง
อยู่ข้างนอกอยู่นานจึงจากไปพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยหลียิ้มอย่าง
สนอกสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาชางหมางหรือม่อจิ่งหลี ก็
ไม่ส่งนังหนูที่ไม่มีประสบการณ์มาสอดแนมจวนฉู่แน่
“เห็นหน้าตาชัดหรือไม่”
“เป็นเด็กอายุราวสิบห้าสิบหก แต่เห็นหน้าไม่ชัด
คนที่ตามนางออกจากเมืองไปกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “คลาดกันแล้วหรือ”书呆子
เว่ยลิ่นพยักหน้าอย่างละอายใจ เขารู้สึกว่าช่วงนี้
องครักษ์ลับนับวันยิ่งฝีมือแย่ลง ก่อนหน้านี้ก็ท าคุณชาย
ชิงเฉินหายไป ตอนนี้แม้แต่นังหนูอายุสิบห้าสิบหกก็ยัง
คลาดตัวไปอีก เสียหน้าหน่วยกิเลนเหลือเกิน
เยี่ยหลีพูดขึ้น “ช่างเถิด ไม่ต้องดุพวกเขาหรอก
ตามหลักแล้ว… พวกเขาไม่สมควรคลาดกับนังหนูคนหนึ่ง
ที่ไม่มีประสบการณ์ ลองให้คนไปค้นหาบริเวณที่นังหนู
คนนั้นหายตัวไปที แล้วก็ส่งคนไปคอยสังเกตการณ์ที่ตรง
นั้นไว้ให้ดี นังหนูคนนั้นต้องไม่ออกมาเพียงครั้งเดียวแน่”
เว่ยลิ่นพยักหน้าพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ ขอบคุณพระชายาที่ไม่
ลงโทษ”
เยี่ยหลีส่ายศีรษะ พูดว่า “แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ข้าก็
คิดว่าอีกหน่อยหน่อยกิเลนคงต้องฝึกฝนเพิ่มแล้ว”
“น้อมรับบัญชา”书呆子
เยี่ยหลีหัวเราะพูดว่า “เรื่องนี้ค่อยว่ากันคราวหลัง
เจ้าคิดว่า… สาวน้อยคนนี้เกี่ยวโยงกับพี่ใหญ่หรือไม่”
เว่ยลิ่นขมวดคิ้วครุ่นคิด พูดว่า “มีความเป็นไปได้
สูง แม้แต่ม่อจิ่งหลีก็ไม่พบความปกติของจวนฉู่ เหตุใด
สาวน้อยคนนั้นจึงมาคอยสังเกตจวนฉู่ได้ อีกอย่าง นาง
ปรากฏตัวตรงบริเวณที่คุณชายชิงเฉินหายตัวไปด้วย หรือ
ว่าสาวน้อยคนนี้คือคนที่ช่วยคุณชายชิงเฉินไว้ เพียงแต่…
ในเมื่อคุณชายชิงเฉินถูกช่วยไว้แล้ว เหตุใดจึงไม่กลับมา
เล่า”
เยี่ยหลีเลิกคิ้วถาม “พี่ใหญ่… อาจจะบาดเจ็บหนัก
ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อพี่ใหญ่รู้ว่าเรามาแล้ว อีกไม่นานคง
มีข่าวดี”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะส่งคนคอยสังเกตที่นั่นไว้
วันนี้ต าหนักหลีอ๋องตรวจคนเข้มงวด ประเดี๋ยวต้องไป
ร่วมงานของม่อจิ่งหลีแล้ว พระชายาอย่าออกนอกเมือง书呆子
อีกเลย” เว่ยลิ่นพูด เยี่ยหลีพยักหน้าถอนหายใจเบาๆ
แล้วพูดว่า “ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น”
เป็นไปตามคาด เที่ยงวันของวันต่อมาเยี่ยหลีก็ได้
พบกับสาวน้อยที่เว่ยลิ่นพูดถึง เมื่อนางเจอเข้าพลันรู้สึกดี
ใจนัก เป็นนังหนูตัวน้อยจริงๆ ด้วย ดูแล้วอายุยังไม่ครบ
สิบหกดี ที่ส าคัญคือดวงตาสดใสไร้ที่เปรียบดวงนั้น
แม้แต่คนอย่างเยี่ยหลีเจอแล้วก็อดรู้สึกละอายใจไม่ได้
อวิ๋นเกอถูกคนต าหนักติ้งอ๋องน าตัวเข้าจวนฉู่ แต่
เดิมนางถูกสวีชิงเฉินไหว้วานให้มาพบเยี่ยหลี แต่สวีชิง
เฉินดันบอกนางว่าห้ามเข้าจากทางประตูหลัก มิเช่นนั้น
จะถูกคนพบได้ อวิ๋นเกอจึงอ้อมไปด้านหลังของจวนฉู่เพื่อ
ปีนก าแพงเข้าไป แต่หารู้ไม่ว่าองครักษ์ด้านหลังของจวน
ฉู่มีมากกว่าประตูหลักด้านหน้า จึงไม่แปลกใจเลยที่ถูก
คนจับได้书呆子
อวิ๋นเกอมองเยี่ยหลีอย่างแปลกใจ ถามขึ้นว่า “เจ้า
ก็คือหลีเอ๋อร์ที่สวีชิงเฉินพูดถึงหรือ”
เยี่ยหลียิ้ม พยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว ข้าคือหลีเอ๋อร์
แล้วสาวน้อยเจ้าคือใคร”
อวิ๋นเกอยิ้มตอบว่า “ข้าคือเฉินอวิ๋นเกอ ข้าเป็น
เพื่อนของสวีชิงเฉิน เจ้าดูงามจังเลย แต่ว่า… เหตุใดต้อง
ใส่เสื้อผู้ชายเล่า” เยี่ยหลีตกใจ “เจ้าดูออกว่าข้าเป็น
ผู้หญิงหรือ หรือว่าพี่ใหญ่บอกเจ้า” เยี่ยหลีคิดมาตลอดว่า
ตนอ าพรางตนได้ดี อย่างน้อยก็ไม่มีใครดูออกจนถึงบัดนี้
ซึ่งไม่น่าใช่สาวน้อยตรงหน้าผู้ใสซื่อคนนี้ที่จะดูออก
“ข้าเป็นหมอ” เฉินอวิ๋นเกอพูด “ย่อมดูออก ผู้ชาย
ผู้หญิงต่างกันมาก”
เยี่ยหลียิ้ม ดูท่าในบรรดาคนที่บอกว่าตนรู้วิชา
แพทย์ก็คงต่างกันมากอยู่ อย่างน้อยคนที่อ้างตนว่า书呆子
เชี่ยวชาญการแพทย์คนหนึ่งก็มองไม่ออก เยี่ยหลีมองสาว
น้อยตรงหน้า ถามว่า “พี่ใหญ่ข้าสบายดีหรือไม่”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินอวิ๋นเกอก็หน้าหงอยขึ้นมา
ทันที นางพูดขึ้นว่า “ขอโทษ ข้าไม่ดีเอง… สวีชิงเฉิน
บาดเจ็บหนัก”
“ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้าช่วยพี่ใหญ่ไว้ เจ้าพูดมาช้าๆ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เยี่ยหลีปลอบเสียงอ่อนโยน เฉินอวิ๋
นเกอเล่าเรื่องที่นางเจอสวีชิงเฉินทั้งหมดให้ฟังอย่าง
ละเอียด แล้วเยี่ยหลีจะยังไม่เข้าใจอีกหรือ บางทีตอน
แรกที่เฉินอวิ๋นเกอได้ยินเสียงเหยาเจิ้งอาจเป็นเรื่อง
บังเอิญ แต่เรื่องที่เกิดหลังจากเฉินอวิ๋นเกอเข้าไปในหุบ
เขาอย่างไร้ซุ่มเสียงและขอร้องให้พี่ใหญ่สอนเล่นเหยาเจิ้ง
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เรื่องของพี่ใหญ่หากจะโทษ
สาวน้อยคนนี้ ก็ดูจะเกินไปเสียหน่อย书呆子
แม้แต่จั๋วจิ้งและเว่ยลิ่นที่ยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยหลียัง
รู้สึกประหลาดใจ แอบคิดในใจว่า ‘อันที่จริงแล้วนี่คงเป็น
ผลกรรมของคุณชายชิงเฉินที่ลักพาตัวสาวน้อยผู้ไร้
เดียงสาออกมามากกว่า’
เยี่ยหลีตบมือน้อยๆ ของเฉินอวิ๋นเกอ ยิ้มพูดว่า
“จะโทษเจ้าได้อย่างไร ข้าต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยพี่ใหญ่ไว้
มากกว่า”
สาวน้อยเตรียมใจโดนดุไว้แล้ว แต่เมื่อเยี่ยหลีท าตัว
อ่อนโยนเช่นนี้กลับท าให้เฉินอวิ๋นเกอรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เสียงเล็กๆ ถามขึ้นว่า “หลี เอ่อ เจ้าไม่โทษข้าหรือ” เยี่ย
หลียิ้มตอบ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ข้าโตกว่าเจ้าไม่กี่ปี
เรียกข้าพี่หลีเอ๋อร์ก็ได้ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะโทษ
เจ้าได้อย่างไร อีกอย่าง สาวน้อยอย่างเจ้าพาพี่ใหญ่ที่ตัว
ใหญ่เช่นนี้หนีออกมาทางน้ าได้ อาจชนนั่นชนนี่อย่าง
ไม่ได้ตั้งใจบ้างก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก” เยี่ยหลีรู้สึก书呆子
ทึ่งเหลือเกินที่เฉินอวิ๋นเกอเด็กตัวเล็กแค่นี้พาผู้ชายร่าง
ใหญ่คนหนึ่งที่กินยาสลบเข้าไปออกจากใต้น้ ามาได้
แม้แต่ผู้ชายร่างใหญ่ด้วยกันเองก็เกรงว่าจะล าบาก การ
บาดเจ็บภายในของคุณชายชิงเฉินจึงถือว่าเบามากแล้ว
ศีรษะไม่ถูกชนก็ถือว่าดีมากแล้วจริงๆ