ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 374-4 แม่สำวน้อยอวิ๋นเกอ
อวิ๋นเกอส่งสายตาเป็นประกายวาววับ ตั้งแต่เล็ก จนโตนางมีเพียงท่านพ่อและท่านแม่ที่นางคุ้นเคยด้วย นางจึงรู้สึกอิจฉาทุกครั้งที่เห็นคนอื่นมีพี่น้อง “พี่หลี เอ๋อร์”
“เด็กดี…” เยี่ยหลีลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่าง เอ็นดู “อาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้ว”
อวิ๋นเกอตอบว่า “อีกไม่กี่วันก็เดินได้ปกติแล้ว แต่ ว่าสองสามวันนี้ยังขยับไปไหนไม่ได้ อืม… สิ่งที่สวีชิงเฉิน ให้ข้ามาบอกข้าก็บอกไปหมดแล้ว ข้าคงต้องกลับไปแล้ว ล่ะ ไม่เช่นนั้นเขาต้องหิวตายแน่” เยี่ยหลีพยักหน้าอมยิ้ม “เมื่อเป็นเช่นนี้ พี่ใหญ่คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว ไว้อีกสอง สามวันเมื่ออาการของเขาดีขึ้นแล้ว ข้าค่อยส่งคนไปรับ เขาดีหรือไม่”
书呆子
อวิ๋นเกอส่ายศีรษะ พูดพร้อมรอยยิ้มอย่างสุภาพ “ไม่รบกวนหรอก สวีชิงเฉินพูดคุยเป็นเพื่อนข้า สบาย มากเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี เว่ยลิ่น ส่งสาวน้อยอวิ๋นเกอออกจาก เมือง แล้วก็ยาที่พี่ใหญ่ต้องการก็ส่งไปพร้อมกันด้วย” เยี่ยหลีหันหลังไปสั่ง เว่ยลิ่นขานตอบ “ขอรับ ข้าน้อย รับทราบ”
เยี่ยหลีมองดูเว่ยลิ่นพาอวิ๋นเกอออกไป ก็อดไม่ได้ที่ จะหัวเราะเสียงเบาออกมา “ช่างเป็นสาวน้อยที่น่าสนใจ จริงๆ ว่าไหม”
จั๋วจิ้งพยักหน้า พูดขึ้นว่า “ไม่คิดเลยว่าคนที่พา คุณชายชิงเฉินออกไปได้จะเป็นสาวน้อยจิ้มลิ้มเช่นนี้ ที่ ส าคัญคือ นิสัยของสาวน้อยคนนี้ช่างใสซื่อบริสุทธิ์อย่าง หาได้ยากนัก” ที่ส าคัญคือ ในป่าลึกนั้น มีสาวน้อยงดงาม เช่นนี้อยู่ด้วย คุณชายชิงเฉินช่างโชคดีเสียจริง…
书呆子
“เหตุใดพระชายาจึงไม่ส่งคนไปดูแลคุณชายชิงเฉิน เล่าพ่ะย่ะค่ะ” จั๋วจิ้งถาม
เยี่ยหลียิ้มตอบว่า “ในเมื่อหลายวันมานี้แม่นางอวิ๋ นเกอดูแลพี่ใหญ่ได้ดีเช่นนี้ หากรบกวนนางอีกสองสาม วันก็คงมิเป็นไรหรอก”
จั๋วจิ้งเลิกคิ้วถาม “พระชายาหมายถึง?”
เยี่ยหลีโบกมือลุกขึ้นพูดว่า “ข้าไม่ได้หมายถึงอะไร ทั้งนั้น สองสามปีนี้พี่ใหญ่เองก็เหนื่อยมาพอสมควร นานๆ จะมีโอกาสเช่นนี้สักที ให้เขาได้พักผ่อนดีๆ เถิด” สาวน้อยคนนั้นดูเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกับหญิง สาวทั่วไปที่มีจริตมากมาย พี่ใหญ่ต้องเชื่อใจนางมาก จึง ส่งนางมาจวนฉู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้เขาอยู่ที่นั่นไปก่อน เถิด
“พระชายากล่าวถูกต้องแล้ว”
书呆子
องครักษ์ของต าหนักติ้งอ๋องหอบหิ้วสัมภาระน้อย ใหญ่ที่อวิ๋นเกอต้องน ากลับไป พวกเขามาส่งนางจนถึงที่ที่ ไม่ไกลจากบ้านหลังนั้นแล้วนางจึงกลับไปเอง เมื่อเข้าไป ถึง สวีชิงเฉินมองนังหนูตรงหน้าที่เกือบจะจมอยู่ในกอง สัมภาระมากมาย เขาเลิกคิ้ว ยิ้มแล้วถามว่า “เจ้าชอบ เดินซื้อของตั้งแต่เมื่อไรกัน”
อวิ๋นเกอปาดเหงื่อบนใบหน้า ท าหน้ามุ่ยพูดว่า “ไม่ใช่ของที่ข้าซื้อเสียหน่อย พี่หลีเอ๋อร์ให้มาต่างหาก”
สวีชิงเฉินมองนางอย่างขบขัน เพิ่งเคยเจอหน้ากัน ครั้งแรกก็เรียกพี่หลีเอ๋อร์เสียแล้ว ช่างเป็นนังหนูที่ไม่รู้จัก ระวังตัวเอาเสียเลย
อวิ๋นเกอวางสัมภาระลงบนโต๊ะ ปากบ่นอุบอิบพ ลาง “สวีชิงเฉิน เจ้ามันคุณชายตัวพ่อ แค่ต้องดูแลไม่กี่วัน ถึงกับต้องเตรียมของมากมายเช่นนี้ โชคดีที่พี่ๆ องครักษ์ ช่วยข้าแบกขึ้นมาบนเขา ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ช่วยน า
书呆子
กลับมาให้เจ้าทั้งหมดหรอกนะ” เมื่อเปิดดู ก็เห็นสิ่งของ มากมายตามคาด นอกจากสมุนไพรยาบ ารุงหลากหลาย ที่สวีชิงเฉินจ าเป็นต้องใช้รักษาแล้ว ยังมีหนังสืออ่านแก้ เบื่ออีกหลายเล่ม เพียงแค่เสื้อผ้าก็มีสามสี่ชุดแล้ว แม้แต่ หยกแขวนเข้าชุดก็ตระเตรียมไว้จนเรียบร้อย
สวีชิงเฉินกวาดตามอง ชี้ไปที่กล่องข้างๆ กล่องหนึ่ง พูดขึ้นว่า “ลองเปิดดูอันนั้นสิ”
อวิ๋นเกอมองไปอย่างประหลาดใจ “อันนี้หรือ” เมื่อเปิดออก ก็เห็นชุดสตรีสีเหลืองอ่อนอันประณีตวิจิตร อวิ๋นเกอไม่รู้ แต่สวีชิงเฉินรู้ดี เพียงเห็นภายนอกกล่องก็รู้ แล้วว่านั่นคือเสื้อผ้าผู้หญิงของหมู่บ้านผ้าไหมอันเลื่องชื่อ ในหนานจิง สวีชิงเฉินยิ้มพูดว่า “หลีเอ๋อร์ให้เจ้า เจ้าลอง ไปสวมดูสิ”
“ให้ข้าหรือ” อวิ๋นเกอประหลาดใจ พลางมองชุดสี เหลืองอ่อนอันวิจิตรในกล่องใบนั้นตาไม่กะพริบ ปกตินาง
书呆子
ชินกับการใส่ชุดสามัญธรรมดา แม้เวลาที่ไปในเมืองจะ เห็นหญิงสาวมากมายสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงาม แต่ก็ไม่ เคยนึกอิจฉาสักนิด เสื้อผ้าน่ะ ขอแค่ใส่เพื่อความอบอุ่นก็ พอแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อมองดูเสื้อผ้าที่สวยงามตัวนี้อีกครั้ง แล้วมองไปที่สวีชิงเฉินชายชุดขาวตรงหน้าที่ก าลังส่งยิ้ม มองมาที่ตนเอง อวิ๋นเกอพลันรู้สึกเขินอายกับการไม่ สนใจการแต่งเนื้อแต่งตัวของตนเอง นางรีบหอบกล่องใบ นั้นแล้วเดินออกไปทันที
สวีชิงเฉินยิ้มมองแม่สาวน้อยที่หายวับไป เขาอด ส่ายศีรษะและหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ หยอกเด็กเล่นก็เป็น เรื่องสนุกดีเหมือนกันนะ ขณะเดียวกัน สวีชิงเฉินก็เริ่มตั้ง ตารอดูสภาพหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ของอวิ๋นเกออย่าง ใจจดใจจ่อ
ส่วนเรื่องที่หลีเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ตนยุ่งเรื่องหนาน จิง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน อีกอย่าง
书呆子
ตอนนี้ตนก็บาดเจ็บจนลุกไม่ไหว กลับไปก็เป็นตัวถ่วงเสีย เปล่า แค่ม่อจิ่งหลีคนเดียวห้ามหลีเอ๋อร์ไว้ไม่อยู่หรอก
สวีชิงเฉินที่ก าลังอารมณ์ดีอยู่นั้นลืมไปเสียสนิทเลย ว่า ในค่ายทหารแห่งหนึ่งทางทิศเหนือ ยังมีชายคนหนึ่งที่ ก าลังตั้งตารอคอยการกลับมาของภรรยาอันเป็นที่รักด้วย ใจที่ร้อนรน ใครคนนั้นกัดฟันกรอด “สวีชิงเฉิน ทางที่ดี เจ้าอย่าได้ตายกลับมาเชียว! ถึงขั้นต้องให้อาหลีรอนแรม ไปหาเจ้าถึงเจียงหนาน ชาติหน้าข้าจะให้เจ้าเป็นวัวเป็น ควายให้ต าหนักติ้งอ๋องให้ได้!”