ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 375-1 งำนเลี้ยงหงเหมินของต ำหนักอุปรำช
“สวีชิงเฉิน…”
ในขณะที่สวีชิงเฉินก าลังคิดอยู่นั้น ร่างอันงดงามขอ งอวิ๋นเกอก็ก าลังยืนมองหนุ่มรูปงามข้างในอย่างลังเลอยู่ หน้าประตู
สวีชิงเฉินเงยหน้า มองสาวน้อยในชุดสีเหลืองอ่อน ที่ยืนอยู่ตรงประตูแล้วยิ้ม “เหตุใดไม่เข้ามาเล่า” สาว น้อยเขินอาย ดึงแขนเสื้อตนอย่างเก้อเขินพลางจ้องมอง ไปที่สวีชิงเฉิน
สวีชิงเฉินยิ้มพร้อมเอ่ยชม “สวยมากเลย”
สวยมากจริงๆ ใบหน้าเรียวเล็กของสาวน้อยที่ไม่ ผ่านการแต่งหน้าใดๆ แต่แก้มสีแดงระเรื่อนั้นกลับแดง ราวกับทาผงชาดบางๆ สวยงามดั่งลูกท้อและลูกพลับที่ ก าลังสุกงอม แม้ดวงตาอันสดใสเปล่งประกายของนางจะ
书呆子
แฝงความกระวนกระวายใจเล็กน้อย แต่นั่นก็ยิ่งท าให้นาง น่าเอ็นดู แม้เยี่ยหลีไม่ใช่คนที่ชอบแต่งตัวมากนัก แต่นาง มีสายตาเฉียบแหลม ชุดผ้าไหมสีแหลืองอ่อนที่ปักด้วย ดอกเหมยสีจาง มีผ้าผูกเอวสีอ่อนเส้นหนึ่งผูกเอวอันแสน บอบบางเอาไว้ เนื่องจากเข้าฤดูหนาวแล้ว ยังมีเสื้อคลุม ตัวเล็กสีม่วงอ่อนที่มีขนสุนัขจิ้งจอกอยู่รอบขอบเสื้อ ขน สุนัขจิ้งจอกสีขาวปุกปุยปกคลุมรอบคอ ยิ่งท าให้ใบหน้า เล็กเรียวของอวิ๋นเกอดูงดงาม จนมิอาจละสายตาจาก นางได้
เมื่อได้ยินค าชมของสวีชิงเฉิน รอยยิ้มบนใบหน้า ของสาวน้อยก็ยิ่งฉีกกว้างขึ้น สวีชิงเฉินมองสาวน้อยสดใส ดั่งดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป ราวกับตกอยู่ในภวังค์
ณ ต าหนักอุปราช หนานจิง
ต าหนักอุปราชวันนี้คึกคักกว่าปกติ คนที่มีชื่อเสียง และความสามารถทั้งในและนอกหนานจิงล้วนถูกเชิญมา
书呆子
ร่วมงานเลี้ยงของต าหนักหลีอ๋อง แม้สีหน้าบางคนจะไม่ พอใจนักก็ตาม แต่บัดนี้ต าหนักหลีอ๋องกุมอ านาจในเจียง หนานไว้มหาศาล ค าพูดของเขาย่อมมีน้ าหนัก แม้จะไม่ ชอบแต่ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหลีอ๋องอยู่ดี
เยี่ยหลียังคงมาพร้อมกับจั๋วจิ้งและเว่ยลิ่น เว่ยลิ่น เดินตรงไปหน้าคนดูแลต าหนักที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู แล้วยื่นจดมายเชิญให้ ผู้ดูแลต าหนักมองคุณชายโฉมงาม ตรงหน้าแวบหนึ่ง ก็อดชื่นชมไม่ได้ แม้คุณชายฉู่เป็นคน เหนือ แต่ใบหน้าสง่างดงามเช่นนี้กลับไม่ใช่คนแห่งเมือง อัจฉริยะอย่างเจียงหนานสามารถเทียบได้ ไม่แปลกใจ เลยที่อวิ๋นโจวได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่ง นักปราชญ์ หลังจากเหม่อไปครู่หนึ่ง คนดูแลต าหนักก็รีบ ให้คนน าเยี่ยหลีเข้าไปด้านใน
นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยหลีมาต าหนักหลีอ๋อง แม้จะรู้ แผนผังของต าหนักหลีอ๋องอย่างคร่าวๆ แล้ว แต่เมื่อได้
书呆子
เข้ามาเห็นกับตาจริงๆ ก็มีส่วนที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง อาคารของทางตอนเหนือให้ความส าคัญกับความยิ่งใหญ่ ส่วนเจียงหนานให้ความส าคัญกับความวิจิตรประณีต ม่อ จิ่งหลีเป็นคนรักศักดิ์ศรีและชื่อเสียง ต าหนักอุปราชย่อม เป็นต าหนักที่ไม่เป็นรองใครในหนานจิง แม้แต่ขนาด พื้นที่ก็ไม่น้อยไปกว่าต าหนักติ้งอ๋องแห่งฉู่จิงในสมัยนั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ความใฝ่สูงที่ม่อจิ่งหลีมีต่อม่อซิวเหยานั้น มีมากเพียงใด
สถานที่จัดงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในห้องโถงที่อยู่ บริเวณกลางต าหนัก ห้องโถงนี้มีขนาดกว้างสิบเสา ลึก หกเสา พื้นถูกปูด้วยอิฐทองงดงาม บนประตูหลักมีป้าย ต าหนักเขียนว่าไท่ฮวา แขกที่มาถึงมากมายต่างลอบ ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เยี่ยหลีก็ขมวดคิ้วขึ้นหน้าห้องโถง ถามขึ้นว่า “เหตุใดข้ารู้สึกคุ้นตากับต าหนักไท่ฮวานัก”
书呆子
จั๋วจิ้งหัวเราะเสียงเบา “คุณชาย นี่คล้ายกับต าหนักฉิน เจิ้งในฉู่จิงอย่างไรขอรับ ไม่แปลกที่คุณชายจะคุ้นตา”
เยี่ยหลีพลันกระจ่าง อันที่จริงไม่ใช่เพราะลักษณะ ของต าหนักไท่ฮวาคล้ายกับต าหนักฉินเจิ้ง ต าหนักฉินเจิ้ง เป็นพระราชวังที่กษัตริย์องค์ก่อนหน้าสร้างขึ้นเมื่อครั้น ก่อตั้งฉู่จิง ย่อมโอ่อ่าตระการตาและสูงส่งสมกับความ เป็นกษัตริย์ แต่ต าหนักไท่ฮวากลับวิจิตรงดงามเกินไป อาคารถูกตกแต่งด้วยภาพวาดอย่างสวยงาม ประติมากรรมที่ถูกแกะสลักอย่างละเอียดลออมากจน เกินพอดี บางสิ่งบางอย่างเมื่อตั้งใจมากเกินไปอาจท าให้ ยิ่งอ่อนด้อยลง แต่ประตูพระต าหนักเก้าบาน และสัตว์ เทพบนหลังคากลับแตกต่างจากต าหนักฉินเจิ้งโดยสิ้นเชิง เลขเก้าเป็นเลขมงคลที่ใช้ส าหรับฮ่องเต้เพียงองค์เดียว แม้แต่วิหารหลักของต าหนักติ้งอ๋องในสมัยนั้น ก็ใช้เพียง
书呆子
เลขเจ็ด สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าม่อจิ่งหลีไม่สามารถปกปิด หัวใจแห่งความโลภของเขาที่มีต่อบัลลังก์ได้เลย
เมื่อเข้าไปในต าหนัก ก็มีขุนนางชั้นสูงไม่น้อยนั่งอยู่ ในนั้นก่อนแล้ว เมื่อเยี่ยหลีเข้าไปก็เห็นพ่อลูกมู่หยางโหว นั่งอยู่แถวหน้า และมีเหยาจีผู้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ราคา แพง สง่างดงามนั่งอยู่ข้างๆ มู่หยาง เหยาจียิ้มมองเยี่ยหลี แล้วพยักหน้าเบาๆ มู่หยางที่นั่งอยู่ข้างๆ นางจึง ทอดสายตามามองทันที เขามองเยี่ยหลีครู่หนึ่ง แล้วหัน กลับมามองเหยาจี เหยาจียิ้มแล้วพูดข้างหูมู่หยางสอง สามค า มู่หยางจึงพยักหน้าให้เยี่ยหลีด้วย
เยี่ยหลีพยักหน้าตอบเบาๆ ลูกน้องเดินน านางไปถึง ที่นั่ง แม้ตระกูลฉู่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงของต้าฉู่ แต่บัดนี้ กลับไม่มีอ านาจมากนักในหนานจิง ดังนั้น ที่นั่งของเยี่ย หลีจึงไม่ได้อยู่ข้างหน้ามากนัก แต่ก็ไม่อยู่ข้างหลังเกินไป
书呆子
ด้วยสถานะของฉู่จวินเหวย ต าแหน่งที่นั่งตรงนี้ถือว่าให้ เกียรติมากแล้ว
เมื่อเยี่ยหลีเข้าไปในต าหนักก็ดึงดูดสายตาผู้คน มากมาย ผู้คนที่ไม่รู้จักมากมายอดไถ่ถามถึงไม่ได้ว่าเป็น คุณชายจากตระกูลใด เหตุใดจึงสง่างามเช่นนี้
“คุณชายท่านนี้ใช่คุณชายฉู่ ฉู่จวินเหวยหรือไม่” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เยี่ยหลียิ้มถามขึ้น
เยี่ยหลีพยักหน้า ประสานมือ “มิทราบว่าท่าน คือ?” ชายวัยกลางคนยิ้มพูดว่า “ข้าแซ่หลิน เป็นเพียง พ่อค้าคนหนึ่ง มิอาจเทียบคุณชายฉู่ ทายาทตระกูลสูงส่ง ได้” เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “คุณชายหลินเกรงใจเกินไปแล้ว ตระกูลหลินเป็นผู้น าการค้าผ้าไหมของเจียงหนาน มี ทรัพย์สินหลายหมื่นต าลึง เกรงว่าจะไม่เป็นรองผู้ร่ ารวย คนใดในตอนนี้ เหตุไฉนข้าจึงจะเทียบเคียงได้”
书呆子
ค าพูดของเยี่ยหลีถูกใจชายวัยกลางคนนัก คน ค้าขายมักร่ ารวยเงินทองแต่ไม่ร่ ารวยฐานะ เขามักอิจฉา และริษยาเหล่านักปราชญ์และทายาทตระกูลสูงศักดิ์ เสมอ เมื่อคนเหล่านี้ชมเชยเขาเพียงเล็กน้อย ย่อม เทียบเท่ากับค าชมของคนธรรมดาร้อยเท่า “ฮ่าฮ่า คุณชายฉู่เกรงใจแล้ว คนอย่างพวกข้า กลิ่นตัวเหม็น เหรียญทองแดง มิอาจเทียบกับคุณชายผู้สง่าและสูงศักดิ์ ได้”
อันที่จริงเยี่ยหลีรู้จักชายวัยกลางคนคนนี้บ้าง เล็กน้อย แม้จะไม่เคยเจอ แต่ตระกูลหลินเป็นคนค้าผ้า ไหมอันดับหนึ่งของเจียงหนาน ผ้าไหมจากเมืองหลีที่ ส่งไปยังแคว้นต่างๆ ในทิศตะวันตกส่วนใหญ่ล้วนท า การค้ากับตระกูลหลินทั้งสิ้น ในฐานะที่เป็นนายหญิงของ ต าหนักติ้งอ๋อง เยี่ยหลีย่อมต้องรู้จักพันธมิตรทางการ ค้าขายเป็นอย่างดี
书呆子
“คุณชายหลินพูดเกินไปแล้ว เพียงแค่ว่าครั้งนี้ลง มาเจียงหนาน ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้ร่วมงานเลี้ยงของหลี อ๋อง ข้าน้อยเป็นเพียงคนนอก มิสามารถเป็นผู้ตัดสินแทน ตระกูลฉู่ได้” เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ และขมวดคิ้ว เล็กน้อย
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้น ก็อดถอนหายใจ ด้วยไม่ได้ เขาพูดขึ้นว่า “คุณชายพูดถูก น่าเสียดาย บัดนี้ อย่างที่หลีอ๋องกล่าวว่าสามัญชนไม่ต่อสู้กับขุนนาง สามัญ ชนตัวน้อยๆ อย่างเราจะท าอย่างไรได้เล่า” ต าหนักติ้ง อ๋องเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขา พูดได้ว่าเพราะว่ามีลูกค้า อย่างต าหนักติ้งอ๋อง ตระกูลหลินของเขาจึงได้นั่งบนเก้าอี้ อันดับหนึ่งอย่างมั่นคงในอุแวดวงค้าผ้าไหมของเจียง หนาน หากต าหนักติ้งอ๋องเป็นอะไรไปย่อมไม่มีผลดีต่อ ตระกูลหลิน มิหน าซ้ า เขาก็ไม่ชอบหลีอ๋องเอาเสียเลย หากไม่ใช่เพราะโรงงานผ้าไหมของตระกูลหลินตั้งรกราก
书呆子
อยู่ในเจียงหนานไม่สามารถย้ายถิ่นฐานได้ เขาคงโยกย้าย ตระกูลหลินไปที่เมืองหลีแล้ว
ตอนนี้สถานการณ์กลับยิ่งแย่ ใครๆ ก็รู้ว่า ต าหนักติ้งอ๋องหูไวตาไว หากต าหนักติ้งอ๋องรู้เรื่องที่ตน บริจาคเงินให้หลีอ๋องเข้า… ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว สี หน้าแย่ลง เยี่ยหลีที่นั่งอยู่ข้างๆ เขามีหรือจะไม่รู้ว่าเขา ก าลังคิดสิ่งใดอยู่ นางจึงถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก พูดขึ้นว่า “โชคดีที่บ้านข้าอยู่อวิ๋นโจว หากผ่านวันนี้ไปก็ ออกเดินทางกลับอวิ๋นโจวได้ทันที คิดว่าไม่น่าจะเป็น ปัญหาใหญ่อะไร อย่างมากก็แค่มอบจวนหลังหนึ่งใน หนานจิงให้ต าหนักหลีอ๋อง คิดว่าต าหนักติ้งอ๋องคงเห็น แก่หน้าตาของตระกูลสวี และจะไม่ลงโทษข้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันดีใจ รีบคว้ามือเยี่ยหลีไว้ ยิ้มพูดว่า
书呆子
“คุณชายตัวอยู่ข้างนอก คิดว่าคงไม่ได้น าสัมภาระติดตัว มากนัก หากต้องการสิ่งใด ข้าน้อยเต็มใจช่วยเหลือ”
 
                                         
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
         
                                     
                                     
                                     
                                     
		 
		 
		 
		