ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 375-3 งำนเลี้ยงหงเหมินของต ำหนักอุปรำช
“บังอาจ!” ม่อจิ่งหลีสีหน้าเคร่งขรึม ตบมือฉาด ใหญ่บนแท่นวางมือ เสียงดุดันท าเอาทุกคนที่นั่งอยู่ผวา ล าตัวของจางไป่ว่านสั่นระริก สีหน้าซีดเผือดกว่าเดิม
“ข้าให้เกียรติเจ้าแต่เจ้าไม่รับไว้ คิดว่าข้าเป็นพระ โพธิสัตว์หรืออย่างไร” ม่อจิ่งหลีพูดอย่างโหดเหี้ยม เขา โบกมือ “เอาตัวออกไป โบยหนักห้าสิบที นายใหญ่จาง คงจะดีขึ้นได้ในทันที”
ห้าสิบที หากโบยลงไปจริงๆ คนที่มีอายุไม่น้อยแล้ว และไม่เคยฝึกวิชาอย่างจางไป่ว่านอาจเสียชีวิตได้ แม้หลี อ๋องจะออมมือให้ แต่เกรงว่าชีวิตของเขาคงหายไปเจ็ด แปดส่วนอยู่ดี เห็นได้ชัดว่า หลีอ๋องคิดจะจัดการตระกูล จางให้สิ้นซาก ทุกคนที่นั่งอยู่แอบตกใจ และอดรู้สึกตัว เองโชคดีที่ไม่ตัดสินใจท าอะไรโง่ๆ ไป
书呆子
องครักษ์ที่อยู่ข้างกายลากเขาออกไปทันที ไม่ แม้แต่จะให้โอกาสเขาแก้ตัวใดๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียง ร้องไห้โอดครวญของจางไป่ว่านและเสียงทุบตีของไม้โบย ก็ดังขึ้นจากข้างนอก เห็นได้ชัดว่าม่อจิ่งหลีต้องการเชือด ไก่ให้ลิงดู
“ท่านอุปราช” ท่ามกลางความหวาดกลัวของทุก คน เสียงใสอันหนักแน่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทุกคนมองไป ตามเสียง เห็นคุณชายชุดขาวคนหนึ่งยืนขึ้น พูดด้วยสี หน้าสงบว่า “ท่านอ๋องจะออกศึกในเร็ววัน เหตุใดต้องลด ตัวลงมาวิวาทกับผู้มิรู้ความด้วย ท่านอ๋องโปรด ใคร่ครวญ”
ม่อจิ่งหลีขมวดคิ้ว มองเยี่ยหลีด้วยความสงสัย พูด ว่า “คุณชายฉู่ช่วยไถ่โทษแทนเขาหรือ”
书呆子
เยี่ยหลีพูด “ข้าน้อยมิได้ไถ่โทษแทนนายใหญ่จาง เพียงแต่… ท่านอ๋องออกศึกก็เพื่อต้าฉู่ หากฆ่าจางไป่ว่าน เกรงว่าจะเป็นภัยต่อชื่อเสียงท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“น่าคิด” ที่ม่อจิ่งหลีท าเช่นนี้ก็เพื่อท าให้ทุกคน เกรงกลัว เขาไม่ได้ต้องการจะเอาชีวิตของจางไป่ว่าน จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องเหลือลมหายใจให้เขาออกจาก ต าหนักอุปราชไป เมื่อเยี่ยหลีพูดเช่นนี้ ม่อจิ่งหลีจึงยกมือ ขึ้นส่งสัญญาณให้คนข้างกายออกไปบอกให้หยุดโบย
ผ่านไปครู่หนึ่ง จางไป่ว่านถูกหิ้วกลับมาและโยนลง กับพื้น แม้เยี่ยหลีช่วยพูดไว้ แต่ก็ถูกโบยไปยี่สิบกว่าทีจน เสื้อด้านหลังเปื้อนรอยเลือดเป็นวงกว้าง
ม่อจิ่งหลีมองคนที่นอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถลุก ขึ้นได้ด้วยสายตาเย็นชา พูดกับเยี่ยหลีว่า “ข้าออกศึกก็ เพื่อยึดแผ่นดินเดิมของต้าฉู่กลับคืนมา ตอนนี้ข้าก็แค่ขอ ยืมเงินทองจากเหล่าประชาในนามของพระราชวังเท่านั้น
书呆子
จางไป่ว่านกลับปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่า คุณชายฉู่คิดว่า คนแบบนี้สมควรถูกโบยหรือไม่”
เยี่ยหลีพูดนิ่งเรียบ “คนเช่นนี้ย่อมสมควรโบย แต่ ว่าการฆ่าโดยปราศจากการสั่งสอนคือการทรมาน การ ขอให้ประสบความส าเร็จโดยปราศจากการให้โอกาสคือ การใช้ความรุนแรง อย่างที่ทุกท่านทราบดี นายใหญ่จาง รักเงินทองดั่งชีวิต การหลงผิดชั่วขณะก็เป็นเรื่องที่อาจ เกิดขึ้นได้ บัดนี้เขาได้รับการสั่งสอนแล้ว คิดว่านายใหญ่ จางจะไม่ท าให้ท่านอ๋องผิดหวังอีกพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นหรือ” ม่อจิ่งหลีเลิกคิ้วมองไปที่จางไป่ว่าน จางไป่ว่านผู้สามารถสะสมเงินทองมากมายได้ ย่อมมิใช่ คนโง่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตนเกือบจะไม่มีชีวิตรอดใน เหตุการณ์เมื่อครู่นี้แล้ว หากไม่ใช่เพราะคุณชายฉู่ออกมา ช่วยพูด เกรงว่าอีกเพียงครู่เดียวจางไป่ว่านคงกลายเป็น ศพไปแล้ว เมื่อเห็นสายตาที่กวาดมองมาของม่อจิ่งหลี
书呆子
เขาจึงรีบพยักหน้าพูดว่า “คุณชายท่านนี้พูดถูก ข้าน้อย เลอะเลือนเอง ท่านอ๋องได้โปรดอภัยด้วย ข้าน้อยยอม บริจาคข้าวสารห้าแสนตั้น[1]เป็นเสบียงทหารพ่ะย่ะค่ะ”
เสบียงทหารถือว่าบริจาคให้ มิต้องคืน แม้ม่อจิ่งหลี ไม่ได้คิดจะคืนแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ฟังรื่นหูกว่า ค าว่า ‘ยืม’ มากนัก เพียงแต่… ‘ห้าแสน’ หรือ ข้าวสาร ห้าแสนตั้นฟังดูเหมือนมากมาย แต่เสบียงเท่านี้คงยังไม่ เพียงพอส าหรับทหารหนึ่งแสนนายแม้เพียงหนึ่งเดือน ม่อจิ่งหลีย่อมไม่พอใจ จางไป่ว่านตกใจ พูดด้วยสีหน้า ร้องไห้ว่า “หนึ่งล้าน… หนึ่งล้านตั้น…”
ม่อจิ่งหลีร้อง ฮึ เบาๆ หัวเราะแล้วพูดว่า “เช่นนี้ ข้าก็ขอขอบคุณกุศลของนายใหญ่จางแล้ว ต่อไปเสบียง อาหารของกองทัพเกรงว่าคงต้องรบกวนนายใหญ่จาง แน่นอน… พระราชวังจะจ่ายให้ในราคาสูง ดีหรือไม่”
书呆子
นอกจากพยักหน้าแล้ว จางไป่ว่านจะท าอะไรได้อีก เขารู้ชัดแจ้งดีว่า ค าว่าราคาสูงของม่อจิ่งหลีนั้นเชื่อไม่ได้ แม้แต่ราคาปกติก็คงมิได้เช่นกัน สุดท้ายก็เข้าเนื้อตนเอง อยู่ดี ท าได้เพียงภาวนาขอให้หลังจากหลีอ๋องเสร็จศึกแล้ว จะเหลือเงินก้นถุงให้ตระกูลจางบ้างเล็กน้อย
เมื่อได้เห็นจางไป่ว่านถูกสั่งสอน พ่อค้าผู้ร่ ารวยใน นั้นย่อมรู้ว่าต้องท าอย่างไรโดยที่ไม่ต้องรอให้ม่อจิ่งหลีปริ ปาก พวกเขาต่างบริจาคเงินบริจาคสิ่งของ คนส่วนใหญ่ ในนั้นมอบให้โดยไม่ต้องคืน แม้ว่าคนเหล่านี้จะก่นด่า บรรพบุรุษของม่อจิ่งหลีในใจไปเจ็ดชั่วโครตแล้วก็ตาม แต่พวกเขายังคงปั้นสีหน้ายิ้มแย้มอย่างระแวดระวัง กลัว ว่าหากท าให้ม่อจิ่งหลีโกรธ แม้แต่ชีวิตที่จะได้ออกจาก ต าหนักหลีอ๋องก็คงหาได้ยาก
ผ่านไปไม่นาน เยี่ยหลีแอบคิดในใจ เงินทองที่ทุก คนในนั้นถูกบังคับให้บริจาคตอนนี้มีมากถึงห้าหกแสน
书呆子
ต าลึง และยังมีสิ่งของอีกนับไม่ถ้วน เมื่อได้รับเงินและ สิ่งของมากมายเช่นนี้ สีหน้าเคร่งเครียดของม่อจิ่งหลีก็ดี ขึ้นมาก เยี่ยหลีเองก็อยู่เป็น นางบริจาคให้ห้าหมื่นต าลึง แม้ม่อจิ่งหลีไม่ค่อยพอใจนัก แต่เมื่อคิดได้ว่าฉู่จวินเหวย จากจวนมาไกล มีห้าหมื่นต าลึงก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก อีกอย่างเมื่อครู่นี้ฉู่จวินเหวยก็ เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม ถือว่าช่วยคลายสถานการณ์ให้เขา แน่นอนว่า สุดท้ายนายใหญ่หลินคนที่นั่งข้างๆ เยี่ยหลียัง เป็นคนให้ห้าแสนต าลึงนี้ นายใหญ่หลินร่วมงานเลี้ยง เพียงครั้งเดียวก็หมดไปสี่แสนห้าหมื่นต าลึง เขาเจ็บปวด ใจจนหน้าถอดสีแล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่รู้ดีว่าเมื่อเสียเงินทอง เหล่านี้ไปแล้วคงมิอาจหวนกลับ เหมือนกับเอาซาลาเปา โยนให้สุนัข แต่โชคดีที่เจียงหนานเป็นดินแดนแห่งความ มั่นคั่งมาแต่โบราณกาล แม้พ่อค้าผู้ร่ ารวยเหล่านี้สูญเสีย ไปไม่น้อย แต่ก็ยังพอแบกรับไหว หากเป็นแคว้นอย่าง
书呆子
หนานจ้าว ซีหลิง คงไม่ต้องรอให้ม่อจิ่งออกศึก คนเหล่านี้ น่าจะก่อกบฏเสียก่อนแล้ว
เมื่อได้สิ่งของที่ตนอยากได้ ม่อจิ่งหลีก็ไม่มีอารมณ์ กินดื่มกับคนเหล่านี้อีก หลังจากชนแก้วอีกครั้งหนึ่งก็ลุก จากไป ทุกคนในนั้นต่างทานอาหารอย่างทุกข์ทรมาน แต่ กลับไม่มีใครกล้าลุกจากไปทันที การที่หลีอ๋องเพิ่งจากไป แล้วลุกตามไปทันทีนั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ ที่มีต่อหลีอ๋อง ตั้งแต่โบราณกาล ความคิดที่ว่าคนจนไม่สู้ กับคนร่ ารวย คนร่ ารวยไม่สู้กับขุนนางถูกฝังลึกเข้า กระดูกของผู้คน ขอเพียงไม่ใช่เพราะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ แล้ว สามัญชนธรรมดาย่อมไม่เป็นศัตรูกับพระราชวัง
ทุกคนในงานเลี้ยงจึงดูการแสดงในงานเลี้ยงอย่าง เหม่อลอย ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดกับทรัพย์สินที่ตนสูญเสีย ไปด้วย เยี่ยหลีเป็นคนเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในนั้นอย่างไร้ ความกังวล แม้ม่อจิ่งหลีจะไปแล้ว แต่เยี่ยอิ๋งและฮ่องเต้
书呆子
น้อยยังอยู่ในงานเลี้ยง เพราะว่านี่คืองานเลี้ยงของ ต าหนักอุปราช จะให้เหลือเพียงแขกในงานก็คงดูไม่ดี การแต่งตัวของเยี่ยหลีตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปคุย กับเยี่ยอิ๋ง นางมองม่อซู่อวิ๋นที่ก าลังนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ ด้วยสายตาสงบ มุมปากพลันเผยรอยยิ้มขึ้น
“เหตุใดวันนี้ฮ่องเต้จึงปรากฏในต าหนักอุปราช หรือ” เยี่ยหลีถามขึ้นอย่างสงสัย
นายใหญ่หลินที่อยู่ข้างๆ รีบอธิบายเสียงเบาว่า “ได้ยินมาว่าอุปราชและไทฮองไทเฮาทะเลาะกันใหญ่โต บอกว่าสั่งสอนฮ่องเต้ไม่เป็น เพราะว่าความเมตตาแห่ง สตรีของไทฮองไทเฮา จึงให้ฮ่องเต้อยู่กับตนเพื่อสั่งสอน ท่านด้วยตนเอง”
“สั่งสอนด้วยตนเองหรือ” ม่อจิ่งหลีคิดจะขู่ขวัญให้ ฮ่องเต้น้อยตกใจตายเสียมากกว่า มิหน าซ้ า ม่อจิ่งหลีคง ลืมไปแล้วว่าความเมตตาของสตรีผู้เป็นไทฮองไทเฮานั้น
书呆子
เขาก็เคยผ่านการสั่งสอนด้วยความเมตตาของผู้เป็นแม่ มาแล้วเช่นกัน
[1] ตั้น หน่วยวัดน้ าหนักสมัยโบราณ 1 ตั้น เท่ากับ (ประมาณ) 60 กิโลกรัม