ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 376-1 เหตุใดจึงเกิดเป็นเชื้อพระวงศ์
เช้าวันต่อมา เยี่ยหลีก็ได้รับจดหมายเชิญจากจวน ตระกูลจาง เรียนเชิญคุณชายฉู่จวินเหวยไปร่วมงานเลี้ยง ของตระกูล เมื่อเยี่ยหลีเห็นจดหมายอันแสนเรียบง่ายนั้น ก็อดส่ายศีรษะเผยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ จางไป่ว่านคนนี้เจ้าเล่ห์ นัก ผ่านไปยังไม่ถึงวันเลย เกรงว่าแม้แต่บาดแผลที่ถูกม่อ จิ่งหลีโบยก็ยังไม่ทันหายดีเสียด้วยซ้ า
“คุณชายจะไปร่วมงานหรือขอรับ” เว่ยลิ่นถาม อย่างสงสัย
เยี่ยหลีวางจดหมายลง ยิ้มพูดว่า “ย่อมต้องไป เจ้า ไม่ได้ยินนายใหญ่หลินพูดหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่จางไป่ว่าน เชิญชวนด้วยตนเองเชียวนะ แล้วพวกเราจะไม่ให้เกียรติ ได้อย่างไรเล่า” เว่ยลิ่นไม่แสดงความเห็นใดๆ ถึงอย่างไร หากพระชายาจะไปพวกเขาก็มีหน้าที่ตามไปปกป้องอยู่ แล้ว ดูจากความสามารถของจางไป่ว่านแล้วไม่น่าจะเป็น
书呆子
อันตรายต่อพระชายาได้ ถึงแม้ว่าจางไป่ว่านจะยกลูกสาว ตนให้พระชายาจริงๆ… เฮอะๆ พระชายาก็แต่งด้วยมิได้ หรอก
“รายงานคุณชาย องค์หญิงในเรือนตะวันตกตื่น แล้วเจ้าค่ะ” ในขณะที่คุยกันอยู่ สาวใช้ที่ดูแลองค์หญิง ซีสยาก็เข้ามารายงาน เว่ยลิ่นพูดอย่างตกใจว่า “นางช่าง มีบุญสูงนัก ยังมีชีวิตรอดอีกหรือ” ไม่ใช่เพราะเว่ยลิ่น เกลียดชังองค์หญิงซีสยาอยากให้นางรีบตายไป แต่เพราะ อาการขององค์หญิงซีสยาสาหัสจริงๆ แม้แต่หมอใน ต าหนักก็ถอดใจกันหมด เพียงแต่นางยังไม่สิ้นลมหายใจ จึงปล่อยไปตามยถากรรม แต่กลับไม่คิดเลยว่า นางจะ ฟื้นขึ้นมาเองได้ ในขณะที่ทุกคนถอดใจกันหมดแล้ว
สาวใช้มีท่าทีพิลึก พูดขึ้นว่า “แต่ว่า… แม่นางคน นั้นแปลกประหลาดเล็กน้อย”
书呆子
“แปลกประหลาดหรือ อย่างไร เสียสติหรือว่า ความจ าเสื่อม” เว่ยลิ่นถาม
สาวใช้ส่ายศีรษะ แต่แล้วก็พยักหน้าพูดว่า “น่าจะ … เสียสติเจ้าค่ะ ไม่ใช่ น่าจะความจ าเสื่อมเจ้าค่ะ”
เยี่ยหลีลุกขึ้นพูดว่า “ไปดูกันเถิด”
เมื่อมาถึงเรือนฝั่งตะวันตก ยังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยิน เสียงร้องไห้ดังออกมา แต่เสียงร้องไห้นั้นกลับไม่เหมือน เสียงร้องไห้ขององค์หญิงซีหลิง ข้อส าคัญคือ… ด้วยอายุ และนิสัยขององค์หญิงซีสยา จะไม่ร้อง… แงๆ แบบนี้แน่
เมื่อเข้าไปในห้อง ก็เห็นห้องในสภาพรกรุงรัง เยี่ย หลียืนขมวดคิ้วตรงหน้าประตูมองหญิงสาวที่แอบอยู่ข้าง ขาเตียง นัยน์ตาสดใสเป็นประกาย ไม่ใช่สายตาของคน เสียสติแน่ แต่สีหน้ากลับดูแปลกพิกล เมื่อเห็นพวกเขา เข้ามา หญิงสาวที่แต่เดิมร้องไห้แงๆ ซ่อนตัวอยู่ข้างขา
书呆子
เตียงก็หยุดลงทันที และจ้องมองพวกเขาอย่าง หวาดระแวง
เยี่ยหลีลองเรียก “องค์หญิงซีสยา เจ้าดีขึ้นแล้ว หรือยัง”
องค์หญิงซีสยาเม้มปาก จู่ๆ ก็กระโจนเข้ามา ทางเยี่ยหลี
“คุณชายระวัง!” เว่ยลิ่นตกใจ เหินตัวขึ้นยกเท้าถีบ ไปทางคนที่กระโจนตัวเข้ามา
“เว่ยลิ่น อย่า” เยี่ยหลีรีบพูดขึ้น เว่ยลิ่นชะงัก รีบ ลดก าลังลง แต่ก็ยังถีบองค์หญิงซีสยาจนตัวลอยออกไป แต่เพราะว่าเขาลดก าลังลงไปมาก นางจึงไม่ได้กระแทก แรงนัก
书呆子
องค์หญิงซีสยาเองก็ไม่คิดว่าจะถูกถีบ นางชะงักนั่ง อยู่บนพื้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปล่งเสียงร้องไห้เสียงดัง ออกมา “ฮือๆ… เสด็จพี่ คนร้ายรังแกสยาเอ๋อร์”
เว่ยลิ่นตกใจ หันมามองเยี่ยหลี พูดว่า “นางเสียสติ ไปแล้วจริงๆ ด้วย” ด้วยนิสัยขององค์หญิงซีสยา จะ แสดงสภาพเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไร นางนั่งร้องไห้ บนพื้นอย่างไม่สนใจสิ่งใด เยี่ยหลีก้มศีรษะมอง พูดว่า “ข้าคิดว่าน่าจะต่างจากคนเสียสติอยู่บ้างนะ ซีสยา เจ้า รู้จักข้าหรือไม่”
ซีสยาเอาแต่ร้องไห้ เมื่อได้ยินเยี่ยหลีพูด ก็สะอึก สะอื้นมองไปที่เยี่ยหลีอย่างเกรงกลัว แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือไป จับหน้าเยี่ยหลี “พี่ชาย ท่านหน้าตาดีจังเลย” เยี่ยหลีพับ พัดขึ้นมาขวางมือนางไว้ อมยิ้มมองนาง พูดว่า “ซีสยา รู้จักพี่หรือไม่”
书呆子
องค์หญิงซีสยากระพริบตาอย่างสับสน กัดริมฝีปาก ตนแล้วส่ายศีรษะ “พวกเจ้าคือใคร… ข้าคือองค์หญิงแห่ง หนานจ้าว พวกเจ้าห้ามรังแกข้า! ข้าจะฟ้องเสด็จพี่”
“เจ้ายังจ าชื่อเสด็จพี่ของเจ้าได้หรือไม่” เยี่ยหลี ถาม องค์หญิงซีสยากลอกตา แสดงสีหน้าให้นางเห็นว่า เจ้าบ้าไปแล้ว แล้วพูดอย่างภูมิใจว่า “เสด็จพี่ของข้าคือ องค์หญิงอันซีแห่งหนานจ้าว เสด็จพี่ของข้าเก่งมาก หาก เจ้ากล้ารังแกข้า เสด็จพี่ของข้าต้องเรียกคนมาจัดการเจ้า แน่!”
เยี่ยหลีก้มศีรษะแอบยิ้ม พูดว่า “ข้าเป็นเพื่อนสนิท กับเสด็จพี่ของเจ้า แต่ว่า… เหตุใดข้าจึงไม่รู้ว่านางมี น้องสาวคนหนึ่งด้วย”
“เจ้าพล่ามอะไรไร้สาระ! คนแคว้นหนานจ้าวรู้กัน ทั่วว่าข้าคือองค์หญิงซีสยา!” องค์หญิงซีสยาจ้องเขม็งไป ที่นางพร้อมพูดด้วยความโมโห
书呆子
เยี่ยหลีพยักหน้าพูดว่า “ก็ได้ แต่ว่าข้าไม่ใช่คน หนานจ้าว หากเจ้าเป็นองค์หญิงซีสยาจริง ข้าจะส่งเจ้า กลับไปเจอองค์หญิงอันซี องค์หญิงซีสยาตอนนี้อายุเท่าไร แล้ว เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”
องค์หญิงซีสยาจับผมของตน พูดอย่างทุกข์ทรมาน ว่า “เจ็ดขวบ ข้า… ข้าไม่รู้เหมือนกัน เสด็จพี่… ของข้า บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้า… ฮือๆ… ” ไม่รู้ว่า องค์หญิงซีสยาคิดถึงอะไร จู่ๆ ก็เบ้ปากราวกับจะร้องไห้ อีกครั้ง
เยี่ยหลีคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถามขึ้นว่า “ซีสยารู้จักม่อจิ่ง หลีและตงฟางโยวหรือไม่”
“คือใครหรือ” องค์หญิงซีสยาถามอย่างไม่สนใจ เท่าไรนัก “พี่จะส่งข้ากลับไปหรือ ข้าจะให้เสด็จพ่อและ เสด็จพี่ตบรางวัลให้อย่างงาม” เยี่ยหลียิ้มเล็กน้อยพูดว่า
书呆子
“คือใครมิส าคัญหรอก ซีสยาพักผ่อนเถิด รอแผลของเจ้า หายแล้วข้าจะส่งเจ้ากลับไป”
เยี่ยหลีชี้ไปที่รอยแผลบนล าตัวของนาง แม้ช่วงนี้ แผลจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกปวดอยู่ เมื่อเยี่ยหลีพูด ถึง องค์หญิงซีสยาก็ก้มมองรอยบาดแผลบนตัว แล้วก็ ร้องให้อีกครั้ง
เยี่ยหลีใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกล่อมองค์หญิงได้ เมื่อวางใจแล้วก็ออกจากห้องไปพร้อมกับเว่ยลิ่น เว่ยลิ่น กล่าวอย่างสงสัย “องค์หญิงซีสยาเป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่ ว่าแสร้งท าหรอกนะ” เยี่ยหลีส่ายศีรษะพูดว่า “องค์หญิง ซีสยาไม่สามารถเสแสร้งได้แนบเนียนขนาดนี้หรอก เมื่อ ครู่ตอนที่ข้าถามว่ารู้จักม่อจิ่งหลีและตงฟางโยวหรือไม่ สายตาของนางไม่เปลี่ยนแปลงเลย หากนางแสร้งจริง… องค์หญิงซีสยาคงเล่นละครเก่งเกินไปแล้วล่ะ”
书呆子
“ก็จริงขอรับ” องค์หญิงซีสยาเกือบจะตายคามือ ตงฟางโยว นางต้องเกลียดตงฟางโยวเข้ากระดูกด า แม้ จะเล่นละครเก่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกอะไร เลย
“ส่งคนเฝ้าดูนางไว้ดีๆ เมื่อเราออกจากเจียงหนาน แล้ว ค่อยส่งนางกลับไปหนานจ้าว” เยี่ยหลีพูด
“ขอรับ” เว่ยลิ่นพยักหน้าขานรับ “คุณชาย ถึง เวลาร่วมงานจวนจางแล้วขอรับ”
เยี่ยหลีเสียเวลากับองค์หญิงซีสยาไปไม่น้อย เพียง พริบตาเดียวก็ถึงเวลาบ่ายแล้ว เยี่ยหลีจึงเปลี่ยนชุดและ ออกไปร่วมงานเลี้ยง
จางไป่ว่านเป็นคนขี้เหนียวที่สุดในหนานจิงตามที่ เขาว่ากันจริงๆ ทั้งจวนจางนอกจากจะดูเรียบง่ายแล้ว แม้แต่ในจวนก็ดูธรรมดา หากเป็นคนไม่รู้คงคิดไม่ถึงว่า ที่นี่เป็นจวนของพ่อค้าผู้ร่ ารวยอันดับต้นๆ ของหนานจิง
书呆子
คนใช้ในจวนก็มีเพียงแมวสี่ห้าตัว เมื่อเยี่ยหลีมองดูผู้ดูแล จวนที่เดินน าอยู่ข้างหน้าสวมเสื้อผ้าเก่าที่มีรอยปะชุนเต็ม ไปหมด ก็อดกระตุกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะเยี่ยหลีแสดงสีหน้าออกชัดเจน เกินไป ผู้ดูแลจวนจึงดึงเสื้อของตนเบาๆ อย่างเขินอาย พูดขึ้นว่า “น่าอับอายนัก อันที่จริงปกติพวกเราไม่เสีย มารยาทเช่นนี้ แต่เมื่อวานนายใหญ่… เกรงว่ายังคงเศร้า โศกอยู่ ก็เลย… ”