ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 376-2 เหตุใดจึงเกิดเป็นเชื้อพระวงศ์
เยี่ยหลีพลันกระจ่าง ที่แท้เป็นเพราะเมื่อวานจางไป่ ว่านเสียทรัพย์สินไปมาก คนในจวนกลัวจะท าให้นายใหญ่ ไม่สบอารมณ์ จึงหาเสื้อผ้าเก่ามาใส่ จะได้ไม่ขัดหูขัดตา นายใหญ่
เยี่ยหลีอมยิ้มพูดว่า “ข้าเสียมารยาทเอง การ ประหยัดเป็นเรื่องดี”
คนดูแลจวนฝืนยิ้มเฝื่อน การประหยัดย่อมเป็น เรื่องดี แต่ด้วยต าแหน่งในหนานจิงและความร่ ารวยของ ตระกูลจางแล้ว พวกเขากลับถูกหัวเราะเยาะเพราะเรื่อง เช่นนี้บ่อยครั้ง จนเคยชินมานานแล้ว
จางไป่ว่านยืนรอในเรือนรับรองพร้อมกับฮูหยิน และลูกสาวนานแล้ว เมื่อเยี่ยหลีเห็นฮูหยินจางและ คุณหนูจางที่สวมชุดธรรมดาสามัญ นางก็ยิ่งรู้ซึ้งถึงความ ขี้งกของจางไป่ว่าน สีหน้าจางไป่ว่านยังคงซีดเซียว
书呆子
เล็กน้อย เนื่องจากยังบาดเจ็บอยู่ แต่เมื่อเขาเห็นเยี่ยหลี เข้ามา ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูกระตือรือร้นอย่าง มาก “คุณชายฉู่มาแล้วหรือ ข้าออกไปต้อนรับที่ประตู ไม่ได้ คุณชายโปรดอภัยด้วย”
เยี่ยหลีประสานมือพูดว่า “นายใหญ่จางเกรงใจ แล้ว ข้าน้อยฉู่จวินเหวยคารวะฮูหยิน แม่นางจาง”
จางไป่ว่านพูดกับลูกสาวอย่างดีใจว่า “จูเอ๋อร์ ไม่ รีบคารวะคุณชายฉู่อีก”
คุณหนูจางเดินก้าวเล็กขึ้นมาอย่างเขินอาย นางย่อ ตัวลงเล็กน้อย “จูเอ๋อร์คารวะคุณชายฉู่เจ้าค่ะ” เมื่อเห็น คุณหนูจาง เยี่ยหลีก็รู้ทันทีว่าสีหน้าแปลกประหลาดเมื่อ ครั้นนายใหญ่หลินพูดถึงลูกสาวของจางไป่ว่านนั้นเป็น เพราะเหตุใดกันแน่
พูดตามตรง คุณหนูหลินหน้าตาไม่น่าเกลียด แม้จะ ไม่ใช่หญิงโฉมงามไร้ที่ติ แต่ก็น่าจะเป็นหญิงรูปงามบอบ
书呆子
บาง แต่ผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกแปลกพิลึกมาก สายตาที่ นางจ้องมองมานั้นแม้แต่คนสงบนิ่งอย่างเยี่ยหลีก็อดเหงื่อ ตกไม่ได้ เยี่ยหลีดึงสายตากลับมา ก้าวถอยหลังไปอย่าง ไม่ตั้งใจ “แม่นางจางมีมารยาทเกินไปแล้ว” แต่สายตา มองไปที่จางไป่ว่าน และไม่แม้แต่จะมองคุณหนูจางอีก
เมื่อคุณหนูจางเห็นเยี่ยหลีไม่มองมาที่ตน ก็อด น้อยใจและตาแดงขึ้นมาไม่ได้ จางไป่ว่านมองเยี่ยหลีครู่ หนึ่งแล้วมองลูกสาวตน พลันลอบถอนหายใจ พูดกับเยี่ย หลีว่า “คุณชายฉู่ เราเข้าไปนั่งกันเถิด”
เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “เชิญนายใหญ่จาง”
เพราะว่าเชิญเยี่ยหลีมาคนเดียว นายใหญ่จางจึง พาฮูหยินจางและคุณหนูจางร่วมโต๊ะอาหารด้วย อาหารที่ จัดเลี้ยงไม่หรูหรานัก แต่ก็ไม่ถือว่าเสียมารยาทจนเกินไป ดูท่าแล้วแม้นายใหญ่จางจะขี้งกแต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้กาลเทศ
书呆子
หลังจากเยี่ยหลีนั่งลงแล้ว คุณหนูจางก็นั่งลงข้างกายนาง เยี่ยหลีจึงตัวเกร็งในทันที
“คุณชายฉู่ จูเอ๋อร์ขอรินสุราให้เจ้าค่ะ” คุณหนูจาง ยกกาเหล้าขึ้นมารินสุราให้เยี่ยหลีอย่างกระตือรือร้น เยี่ย หลีเพียงกล่าวขอบคุณ ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเกริ่น เข้าเรื่องกับนายใหญ่จางทันที มิเช่นนั้นจะแย่เสียก่อน หากนายใหญ่จางเอ่ยถึงเรื่องยกลูกสาวให้นาง “นายใหญ่ จาง อันที่จริงวันนี้ที่ข้าน้อยมาเยือน มีเรื่องส าคัญจะ ปรึกษานายใหญ่จาง”
นายใหญ่จางพลันชะงัก ยิ้มพูดว่า “มีธุระอะไร เรา ค่อยคุยกันหลังทานอาหารเสร็จดีหรือไม่”
เยี่ยหลีพูดเสียงราบเรียบว่า “หากเกี่ยวกับเรื่อง ข้าวสารหนึ่งล้านตั้นที่นายใหญ่จางบริจาคให้หลีอ๋องเมื่อ วานเล่า”
书呆子
จางไป่ว่านสีหน้าเคร่งเครียดทันที เพียงคิดถึง ข้าวสารหนึ่งล้านตั้นนั้น เลือดก็ไหลซิบในหัวใจแล้ว
“คุณชายฉู่อยากคุยอะไรหรือ” จางไป่ว่านมองเยี่ย หลีอย่างสงสัย เยี่ยหลียิ้มถามว่า “ไม่แน่ใจว่าที่นี่สะดวก หรือไม่” จางไป่ว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงบอกกับ ภรรยาและลูกสาวว่า “ฮูหยินพาจูเอ๋อร์ออกไปก่อน ข้ามี ธุระต้องคุยกับคุณชายฉู่” ฮูหยินจางเป็นเพียงสตรีในจวน ทั่วไป มีสามีเป็นใหญ่ในบ้าน ไม่รู้เรื่องการค้าใดๆ นางจึง พาคุณหนูจางที่แสดงความไม่พอใจนักออกจากห้องไป
“ไม่ทราบว่าคุณชายจางมีเรื่องอันใดจะคุยกับข้า หรือ” จางไป่ว่านถาม
เยี่ยหลียิ้มตอบว่า “เมื่อวานนายใหญ่จางบริจาค ข้าวสารให้หลีอ๋องหนึ่งล้านตั้น แต่เท่าที่ข้าน้อยทราบมา ครั้งนี้หลีอ๋องออกศึกมีทหารอย่างน้อยแปดแสนนาย เมื่อ ลองค านวณดูแล้ว หากทุกอย่างส าเร็จราบรื่น ระยะเวลา
书呆子
สั้นที่สุดในการเจรจากับกองทัพตระกูลม่อได้ รวมการ เดินทางไปและกลับก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี ในช่วงเวลานี้ เสบียงที่จ าเป็นอย่างน้อยก็ต้องมีมากถึงสามล้านตั้น นี่ เป็นเพียงการประมาณการณ์ขั้นต่ าเท่านั้น นายใหญ่จาง คิดว่า… ต าหนักหลีอ๋องจะใช้เวลาเพียงครึ่งปีเอาชนะ ต าหนักติ้งอ๋องได้หรือ”
จางไป่ว่านมองนางอย่างระแวดระวัง พูดว่า “คุณชายหมายถึงอะไร”
เยี่ยหลียิ้มตอบ “ข้าน้อยยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ครั้งนี้… กองทัพออกศึกแต่พระราชวังกลับไม่ได้โอนย้ายเสบียง จากยุ้งฉางจากแต่ละแห่งมา เพราะว่า… ปีนี้ซีหลิงแห้ง แล้ง ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ สถานการณ์เป่ยหรง ก็ไม่สู้ดีนัก นายใหญ่จางที่ท าการค้าข้าวก็น่าจะรู้ดี พระราชวังขายข้าวสารที่เพิ่งเข้าคลังเมื่อเดือนที่แล้ว ให้กับซีหลิง ฉะนั้น สามล้านตั้นที่คาดคะเนไว้เป็นอย่าง
书呆子
ต่ านี้… เกรงว่าท้ายสุดคงต้องให้นายใหญ่จางและคนค้า ข้าวในเจียงหนานรับผิดชอบ”
จางไป่ว่านได้ยินดังนั้นก็หน้ามืด “หลีอ๋อง… หลี อ๋องจะท าลายล้างตระกูลจางของข้า” หนึ่งล้านตั้นที่ บริจาคไปก็กระทบกระเทือนตระกูลจางมากแล้ว หาก เสบียงทหารทั้งหมดต้องให้ตระกูลจางเป็นคนรับผิดชอบ อีก ตระกูลจางคงสูญสิ้นเป็นแน่ ที่ส าคัญคือ ตระกูลจาง เองก็ไม่สามารถรวบรวมข้าวสารได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ถึงตอนนั้นหากเกิดถูกลงโทษฐานสร้างอุปสรรคต่อศึก สงคราม ศีรษะของจางไป่ว่านตงต้องหลุดจากบ่า เป็นไป ตามคาดจริงๆ… หลีอ๋องไม่ได้คิดจะไว้ชีวิตเขาตั้งแต่แรก อยู่แล้ว
“ไม่เพียงเท่านี้ พูดตามตรง ข้าน้อยมั่นใจว่า ศึก ครั้งนี้ไม่จบง่ายๆ ภายในหนึ่งปีแน่ ถึงตอนนั้นตระกูลจาง …” สีหน้าจางไป่ว่านซีดเผือด มองไปที่เยี่ยหลีพร้อมพูด
书呆子
ขึ้นว่า “คุณชายฉู่มาพูดเรื่องเหล่านี้ คงไม่ใช่มาขู่ขวัญข้า เพียงอย่างเดียว” จางไป่ว่านเป็นพ่อค้ามีไหวพริบ ย่อมรู้ ว่าเยี่ยหลีไม่มาเพียงเพื่อพูดเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ
เยี่ยหลีหลุบตามองต่ า พูดเรียบๆ ว่า “ข้าน้อยมีวิธี ช่วยนายใหญ่จาง แต่ไม่แน่ใจว่านายใหญ่จางจะเห็นด้วย หรือไม่”
“คุณชายฉู่โปรดช่วยข้าด้วย” จางไป่ว่านรีบพูดขึ้น
เยี่ยหลีอมยิ้ม ยื่นจดหมายให้ จางไป่ว่านรับ จดหมายมา เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว สีหน้าคงเดิม จ้องไป ที่เยี่ยหลี พูดว่า “เจ้า… คุณชายฉู่เจ้าคือ… ” เยี่ยหลียิ้ม พูด “ข้าน้อยแซ่ฉู่ ตระกูลฉู่… และตระกูลสวีเกี่ยวดอง เป็นญาติกันจากการแต่งงาน”
จางไป่ว่านกระจ่างในทันใด สีหน้าแปรปรวนไปมา ผ่านไปนานจึงถามขึ้นว่า “คุณชายฉู่มีอ านาจตัดสินใจ หรือ”
书呆子
เยี่ยหลีหรี่ตาลงน าป้ายทองอาญาสิทธิ์ออกมาจาก แขนเสื้อและวางลงบนโต๊ะ จางไป่ว่านจ้องไปที่ป้ายทอง อาญาสิทธิ์ที่ท าจากหยกด ารังสีความดุร้ายแผ่ซ่าน บนนั้น สลักค าว่าติ้ง แม้ไม่เคยเห็นป้ายทองอาญาสิทธิ์ของ ต าหนักติ้งอ๋อง แต่จางไป่ว่านคิดว่าไม่มีใครในใต้หล้านี้ กล้าปลอมแปลงป้ายทองอาญาสิทธิ์ของต าหนักติ้งอ๋อง เป็นแน่ อีกทั้ง… ตระกูลฉู่และตระกูลสวีมีความสัมพันธ์ ทางเครือญาติกันจริงๆ ด้วยต าแหน่งของตระกูลสวีใน เมืองหลี ความเป็นไปได้ที่ยอดฝีมือที่โดดเด่นอย่างฉู่จวิ นเหวยรับใช้ต าหนักติ้งอ๋องย่อมมีมากกว่าการพึ่งพา ต าหนักหลีอ๋องในเจียงหนานที่อยู่ไกลแสนไกล
“นายใหญ่จางคิดเห็นอย่างไร” เยี่ยหลีถาม
“ถ้าหาก ข้าไม่เห็นด้วย คุณชายฉู่จะท าอย่างไร” จางไป่ว่านถามขึ้น
书呆子
เยี่ยหลีพูดอย่างราบเรียบ “เช่นนั้นข้าก็จะขอให้ นายใหญ่จางลืมเรื่องในวันนี้ทั้งหมด” จางไป่ว่านพูดเสียง ขรึมว่า “ข้าต้องขอคิดดูก่อน” เยี่ยหลีก็ไม่รีรอ ลุกขึ้น พลางพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าน้อยขอตัวลาก่อน”
จางไป่ว่านมองไปที่เยี่ยหลีที่แสดงสีหน้าสบายใจ พูดขึ้นว่า “อันที่จริง หากคุณชายฉู่ยินยอมข้อแลกเปลี่ยน ของข้าเรื่องหนึ่ง ข้าสามารถเห็นดีกับคุณชายได้ทันที” เยี่ยหลีมองสายตาพึงพอใจและคาดหวังของจางไป่ว่าน นางกลอกตา รีบพูดขึ้นว่า “นายใหญ่จางโปรดอภัย ข้าน้อยเป็นพียงคนแจ้งข่าวสารให้… หากนายใหญ่จางมี ข้อแลกเปลี่ยนใดข้าน้อยช่วยส่งต่อให้ได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้อง กับตัวข้าน้อย เกรงว่า… นายใหญ่จางโปรดอภัย”