ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 376-4 เหตุใดเกิดเป็นเชื้อพระวงศ์
เยี่ยหลีเงียบไปนาน ก่อนจะเลิกคิ้วพูดว่า “ต าหนัก หลีอ๋องยังมีอีกคนหนึ่งที่ลงมือกับม่อซู่อวิ๋นได้ แม้ม่อจิ่ง หลีจะรู้ แต่ก็ไม่เปิดโปงนางแน่ มิหน าซ้ า… หากฮ่องเต้ น้อยจากไปเช่นนี้ ส าหรับม่อจิ่งหลีแล้วก็หาใช่เรื่อง เลวร้ายไม่”
“เสียนเจาไท่เฟยหรือ” หลินหานเอ่ยปากถาม
เยี่ยหลีพยักหน้า “ใช่แล้ว บัดนี้คนที่ลงมือกับม่อ ซู่อวิ๋นในต าหนักติ้งอ๋องได้ก็มีเพียงม่อจิ่งหลี เยี่ยอิ๋งและ เสียนเจาไท่เฟยเท่านั้น การวางยาพิษเรื้อรังมิใช่เรื่องที่ท า ได้โดยง่าย ต้องใช้ระยะเวลานาน แม้ฮ่องเต้น้อยจะไม่มี อ านาจใดๆ แต่บ่าวรับใช้ที่คอยติดตามนั้นก็มีไม่น้อย คน ทั่วไปย่อมไม่สามารถใส่ยาพิษในอาหารของม่อซู่อวิ๋นได้อ ย่างประจวบเหมาะทุกวัน”
书呆子
“เหตุใดเสียนเจาไท่เฟยจึงต้องการฆ่าฮ่องเต้น้อย เล่า” เว่ยลิ่นถามด้วยความสงสัย
เยี่ยหลียิ้ม พูดว่า “เสียนเจาไท่เฟยและไทฮอง ไทเฮาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ตอนนั้นพวกนางเข้าวังรับใช้ ฮ่องเต้องค์ก่อนพร้อมกัน พูดได้ว่ากว่าครึ่งชีวิตของพวก นางต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ถือได้ว่าลงเรือล าเดียวกัน หลังจากม่อจิ่งฉีขึ้นครองราชย์ ไทฮองไทเฮาขึ้นเป็นไทเฮา แต่งตั้งเสียนเจาไท่เฟยเป็นไท่เฟย และย้ายออกจากวังไป อาศัยที่ต าหนักหลีอ๋อง เทียบกับนางสนมคนอื่นๆของ ฮ่องเต้องค์ก่อนแล้ว ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ข้าข้องใจ เรื่องหนึ่งมาตลอด ล าดับขั้นของนางสนมวังหลังในต้าฉู่ ชั้นต่ าสุดคือเหรินไฉ สูงสุดคือฮองเฮา ใต้ฮองเฮามีกุ้ยเฟย และเฟย ตามหลักแล้ว หลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนจากไป ต้องล าดับความส าคัญจากสนมของฮ่องเต้องค์ก่อน เสียก่อน ซึ่งต้องเลื่อนขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง นั่นก็หมายความ
书呆子
ว่า ตามธรรมเนียมแล้วเสียนเจาไท่เฟยอยู่ในต าแหน่งเฟย เมื่อครั้นฮ่องเต้องค์ก่อนมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นด้วย ความสัมพันธ์ของเสียนเจาไท่เฟยและไทเฮาแล้ว ม่อจิ่งฉี ควรแต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเฟยจึงจะถูก แต่ว่า… เหตุใดเสียน เจาไท่เฟยจึงอยู่ในต าแหน่งเฟยมาตลอดชีวิตเล่า”
เหยาจีมือเท้าคาง พูดว่า “ตอนนั้นไม่มีใครคัดค้าน นี่ แสดงว่าการแต่งตั้งแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว”
เยี่ยหลีพูด “ถูกต้องแต่ไม่สมเหตุสมผล อีกอย่าง นางสนมของฮ่องเต้องค์ก่อนถูกไทเฮาสกัดกั้นทุกวิถีทาง เช่นลดต าแหน่ง หรือหากฆ่าได้ก็ฆ่าทิ้ง นอกจากเสียนเจา ไท่เฟยจะเป็นผู้เหลือรอดเพียงผู้เดียวแล้ว นางยังได้รับ ความกรุณาให้อาศัยอยู่นอกวัง เพียงเท่านี้ก็ย่อมรู้ว่านาง เป็นที่โปรดปรานนัก แต่เกรงว่าคงไม่มีใครตั้งข้อสังเกตถึง สิ่งเหล่านี้ เจ้าคิดว่า… เหตุใดไทเฮาจึงส่งเสียนเจาไท่เฟย ไปอาศัยนอกวังเล่า”
书呆子
เหยาจีพลันกระจ่าง พูดด้วยความตกใจว่า “ไทเฮา ไม่อยากให้เสียนเจาไท่เฟยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับตนในวัง หากเป็นเช่นนั้น… เสียนเจาไท่เฟยต้องกุมความลับอะไร ไว้แน่ เพื่อท าให้ไทเฮาไม่กล้าแตะต้องนาง ตลอดหลายปี ที่ผ่านมานางจึงอยู่ได้อย่างสงบสุข บัดนี้นางลงมือกับม่อ ซู่อวิ๋น หนึ่งเพราะต้องการดันม่อจิ่งหลีขึ้นรับต าแหน่ง สองเพื่อล้างแค้นไทฮองไทเฮาเช่นนั้นหรือ”
“ต านานเรื่องเอ๋อหวงและหนี่ว์อิงเป็นเรื่องราวที่ถูก กล่าวขานกันมาแต่โบราณกาล แต่ข้ากลับไปเคยพบ เห็นเอ๋อหวงและหนี่ว์อิงที่ว่าในชีวิตจริงมาก่อน” เยี่ยหลี ลอบถอนหายใจ สตรีล้วนมีใจริษยา เป็นไปได้อย่างไรที่ พวกนางจะมีความรักลึกซึ้งดั่งพี่น้องและไม่รู้สึกคับข้องใจ กับสตรีอีกนางที่มีพระสวามีร่วมกัน มิหน าซ้ า พวกนางยัง เป็นสตรีในวังอีกด้วย ตั้งแต่วันแรกที่นางเข้าวัง ทุกสิ่งที่
书呆子
ท าไปก็ท าเพื่อสิ่งเดียวคือ แย่งชิง ทั้งชิงรัก ชิงต าแหน่ง และชิงลูก
“แต่ม่อจิ่งหลีก็เป็นลูกของไทฮองไทเฮา” เว่ยลิ่นย้ า เตือน
เสียนเจาไท่เฟยไม่มีลูก ไม่ว่านางจะเก็บตัวในที่ ลึกลับขนาดไหน นางก็พ่ายแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว
“พระคุณที่ให้ก าเนิดมาและพระคุณที่หล่อเลี้ยงมา อะไรส าคัญกว่ากัน การตัดสินใจของม่อจิ่งหลีตอนนี้ยังไม่ ชัดเจนพออีกหรือ” เยี่ยหลีพูดพลางยิ้มอ่อน
เหยาจีขมวดคิ้วพูดว่า “เมื่อครั้นเพิ่งย้ายเมืองหลวง มาหนานจิง เขาว่ากันว่าหลีอ๋องอยากแต่งตั้งเสียนเจาไท่ เฟยเป็นหวงกุ้ยไท่เฟย และเป็นผู้เป็นใหญ่ในวังหลังเคียง คู่กับไทเฮา จากนั้นไม่รู้เพราะด้วยเหตุใดเรื่องจึงเงียบ หายไป”
书呆子
ทุกคนในนั้นต่างส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ เรื่องราว ซับซ้อนซ่อนเงื่อนของราชวังเหล่านี้ท าเอาพวกเขา เอือมระอายิ่งนัก แม้เสียนเจาไท่เฟยจะไม่มีลูก แต่หลาย ปีที่ผ่านมานี้นางก็แสดงบทบาทเป็นพี่น้องที่รักกันอย่าง ลึกซึ้งได้ภายใต้แรงกดดันของไทเฮา จึงคาดว่านางคงทน ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ท าให้ ความสัมพันธ์ระหว่างม่อจิ่งหลีและไทเฮาแตกหักกันนั้น เป็นเพราะเสียนเจาไท่เฟยคอยปลุกปั่นยุยงอยู่มากน้อย เพียงใด
“เรียนคุณชาย ต าหนักอุปราชส่งคนมาแจ้งว่า อุปราชเรียนเชิญขอรับ” เสียงรายงานจากคนรับใช้ข้าง นอกดังขึ้น
เยี่ยหลีเงียบไปครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ารู้ แล้ว บอกให้พวกเขารอประเดี๋ยว” คนรับใช้ขานรับแล้ว
书呆子
จากไป เยี่ยหลีลุกขึ้นพูดว่า “ช่างประจวบเหมาะนัก ข้า จะได้ไปสังเกตการณ์ในต าหนักอุปราชเสียหน่อย”
เหยาจีขมวดคิ้ว “ช่วงนี้หลีอ๋องเรียกพระชายาเข้า พบบ่อยเหลือเกิน เป็นเพราะเขาจับผิดอะไรได้หรือ เปล่า”
“ด้วยนิสัยของม่อจิ่งหลี หากจับผิดได้ คงไม่มาเชื้อ เชิญอย่างสุภาพเช่นนี้ มิต้องกังวลหรอก” เยี่ยหลียิ้ม
เมื่อถึงต าหนักติ้งอ๋อง เยี่ยหลีถูกน าทางไปยังห้อง หนังสือของม่อจิ่งหลี เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ เห็นว่ามี คนจ านวนไม่น้อยอยู่ในนั้นก่อนแล้ว แต่ว่าคนที่เยี่ยหลี รู้จักมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือมู่หยางโหว
“ฉู่จวินเหวยคารวะอุปราชพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยหลี ประสานมือพูด
书呆子
เมื่อม่อจิ่งหลีเห็นเยี่ยหลีเข้ามา ก็ยิ้มพูดอย่าง อารมณ์ดีว่า “คุณชายฉู่มาแล้วหรือ เชิญนั่ง” เยี่ยหลีพยัก หน้าขอบคุณ เดินไปนั่งด้านหลังสุด แม้ตระกูลฉู่เป็น ตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่คนที่นั่งอยู่ต่างเป็นคนสนิทของม่อ จิ่งหลี เยี่ยหลีย่อมไม่อาจหาญเดินไปนั่งข้างหน้าอย่างไม่รู้ ฟ้าสูงแผ่นดินต่ าได้
เยี่ยหลีบังเอิญนั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับมู่หยาง มู่หยา งอมยิ้มพยักหน้าให้เขา เยี่ยหลีอมยิ้มหยักหน้าตอบตาม มารยาท ม่อจิ่งหลีเลิกคิ้วมองทั้งสองคน ถามขึ้นว่า “มู่ หยางโหวรู้จักคุณชายฉู่หรือ”
มู่หยางประสานมือตอบว่า “คุณชายฉู่สง่างามโดด เด่นเช่นนี้ มีแต่เสียดายหากรู้จักกันช้าเกินไป”
เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “มู่หยางโหวชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยก็นับถือชื่อเสียงของมู่หยางโหวมานานเช่นกัน” ม่อจิ่งหลีเห็นท่าทีจริงใจของทั้งสอง ก็หยักหน้าอย่างพึง
书呆子
พอใจ เขาไม่ได้คัดค้านจวนมู่หยางโหวเรื่องไปมาหาสู่กับ ตระกูลฉู่ แต่ก็ไม่ได้ดีใจหากมู่หยางจะคบค้ากับตระกูลฉู่ อย่างสนิทชิดเชื้อเกินไป
เยี่ยหลีจึงถือโอกาสถามว่า “ไม่ทราบว่าที่ท่านอ๋อง เรียกพบ ด้วยเพราะมีบัญชาอะไรหรือ”
ม่อจิ่งหลีกวาดตามองทุกคน พูดว่า “ครั้งนี้ข้า ต้องการความช่วยเหลือจากคุณชายฉู่จริงๆ เรื่องของ ตระกูลจางก่อนหน้านี้ คุณชายฉู่ช่วยพูดรวบรัดจัดการ ปัญหาได้ดี ท าให้สองสามวันนี้จางไป่ว่านท างานอย่าง ขยันขันแข็ง เป็นเพราะคุณชายฉู่โดยแท้”
เยี่ยหลีกล่าวปฏิเสธอย่างถ่อมตน “ท่านอ๋องชม เกินไปแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะพลังแห่งอ านาจบารมีใน การปกครองเจียงหนานของท่านอ๋อง ข้าน้อยมิบังอาจ กล่าวอ้างตน”
书呆子
ม่อจิ่งหลีถอนหายใจพูดว่า “ข้ามีเรื่องใหญ่อยากให้ คุณชายฉู่ช่วยเหลือจริงๆ คุณชายฉู่โปรดอย่าปฏิเสธ”
เยี่ยหลีสังหรณ์ใจไม่ดี พูดด้วยสีหน้าสงบว่า “ท่าน อ๋องโปรดบัญชา”
ม่อจิ่งหลีจ้องเขม็งไปที่เยี่ยหลี พูดเสียงขรึมว่า “ข้า อยากวานให้คุณชายช่วยเขียนราชโองการให้ข้าฉบับ หนึ่ง”
เยี่ยหลีใจเต้นแรง นางกวาดสายตามองทุกคน เมื่อ เห็นพวกเขาไม่แสดงสีหน้าประหลาดใดๆ เลย นางจึงรู้ว่า คนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่าม่อจิ่งหลีต้องการพูดอะไร หรือ ไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้ก็มาเพื่อรอคอยการมาของนางแต่ แรกแล้ว เยี่ยหลีลอบสูดหายใจเข้าลึกๆ ถามว่า “ยอด ฝีมือในพระราชวังมีมากมาย ย่อมมีผู้อาวุโสนับไม่ถ้วนที่ เขียนราชโองการแทนได้ เกรงว่าข้าน้อย…”
书呆子
“คุณชายฉู่ไม่เต็มใจหรือ” ม่อจิ่งหลีสีหน้า เคร่งเครียดพร้อมถามด้วยน้ าเสียงราบเรียบ
เยี่ยหลีลอบถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เขารู้ ว่าม่อจิ่งหลีต้องการให้นางเขียนราชโองการเกี่ยวกับอะไร แล้ว แต่ว่า… สิ่งเหล่านี้มิอาจเขียนได้จริงๆ หากเขียนไป แล้ว เกรงว่าฮ่องเต้น้อยม่อซู่อวิ๋นคงถึงคราวถึงฆาตเข้าให้ จริงๆ