ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 377-1 บัลลังก์และสำยเลือด
หลังจากผ่านไปสองวัน เมื่อม่อจิ่งหลีส่งคนมาจวนฉู่ อีกครั้ง ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ในจวนฉู่อีกแล้ว เหลือเพียงจดหมาย ฉบับหนึ่งที่ฉู่จวินเหวยเขียนทิ้งไว้ มีเนื้อความว่าแม้ ตระกูลฉู่ไม่สามารถแสดงความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ได้ แต่ ก็มิสามารถขัดต่อศีลธรรมด้วยการวางแผนปลงพระชนม์ ฮ่องเต้ได้ ส่วนองครักษ์ที่ม่อจิ่งหลีส่งไปติดตามนั้นก็ไม่มี ใครเห็นพวกเขาอีกเลย
เมื่อม่อจิ่งหลีทราบข่าวก็ถึงกับบันดาลโทสะ แต่ถึง กระนั้นเขาจะตามหาร่องรอยของเยี่ยหลีเจอได้อย่างไร
เยี่ยหลีในตอนนี้อยู่ในป่าลึกที่ห่างจากหนานจิงไป หลายสิบลี้ นางยืนอยู่ข้างกระท่อมสองสามหลัง มองดู ทิวทัศน์ตรงหน้า ยิ้มพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นที่พัก ฟื้นที่ดีจริงๆ”
书呆子
“พี่หลีเอ๋อร์” อวิ๋นเกอเดินออกมาจากกระท่อม พอ เห็นเยี่ยหลียืนยิ้มเล็กน้อยมองมาที่นาง ก็ดีใจจนใช้วิชา ตัวเบาเหาะเหินไปตรงหน้าเยี่ยหลีทันที “พี่หลีเอ๋อร์ พี่ เข้ามาอย่างไรเจ้าคะ”
เยี่ยหลียิ้มพูด “กับดักข้างนอกแน่นหนามาก ข้าใช้ เวลาอยู่หนึ่งชั่วยามกว่าจะเข้ามาได้”
อวิ๋นเกอกะพริบตาปริบๆ แสดงสีหน้างงงวย พูดว่า “แต่ข้าไม่รู้สึกว่ามีคนเข้ามาเลย”
เยี่ยหลียิ้มตาหยี ตบใบหน้าแดงระเรื่อของนาง เบาๆ พูดว่า “พี่ใหญ่สบายดีหรือไม่”
“โอ้ย ข้าลืมไปเลย… ยาของสวีชิงเฉิน” อวิ๋นเกอ ร้องตกใจเสียงหลง นางรีบพุ่งตัวกลับไปในกระท่อมโดย ไม่สนใจว่าเยี่ยหลียังอยู่ข้างหลัง นางเพิ่งตุ๋นยาเสร็จก็ได้ ยินเสียงดังมาจากข้างนอก จึงรีบออกมาดู แต่ลืมไปเสีย
书呆子
สนิทว่านางตักยาของสวีชิงเฉินออกมาแล้ว หากไม่รีบ ทานจะเย็นชืดเสียก่อน
เมื่อเห็นอวิ๋นเกอยกถ้วยยาถ้วยหนึ่งออกมาจาก กระท่อมหลังหนึ่งเพื่อไปอีกหลังหนึ่ง เยี่ยหลีก็เลิกคิ้วแล้ว เดินตามไป
“สวีชิงเฉิน ถึงเวลากินยาแล้ว” อวิ๋นเกอเดินยกยา เข้าไปในห้องของสวีชิงเฉิน สวีชิงเฉินวางหนังสือในมือลง มองยาในมือนาง อดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ “อวิ๋นเกอ เจ้าท า ยาพวกนี้ให้เป็นยาเม็ดไม่ได้จริงๆ หรือ” เมื่อได้รับ บาดเจ็บครั้งนี้ คุณชายชิงเฉินเพิ่งรู้ว่าอันที่จริงตนก็กลัว การกินยากับเขาเหมือนกัน แต่ก่อนคุณชายชิงเฉินไม่ ชอบกินยา แต่ว่าครั้งนี้เขาต้องกินยาสามมื้อทุกวันเป็น ระยะเวลากว่าครึ่งเดือน มิหน าซ้ า ยาเม็ดที่แม่สาว น้อยอวิ๋นเกอท ามานั้นทั้งหอมทั้งหวาน ทานแล้วละลาย ในปากทันที แต่ยาที่ตุ๋นออกมานี้กลับทานยากเสียจน
书呆子
คาดไม่ถึง สวีชิงเฉินสาบานได้ว่า ชาตินี้เขาไม่เคยทานยา ที่ไม่อร่อยเช่นนี้มาก่อน แต่… เมื่อเขาเห็นใบสั่งยาที่อวิ๋ นเกอเขียนไว้ เป็นเพียงยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บ ภายในที่พบเห็นได้ทั่วไป สวีชิงเฉินผู้ที่พอรู้เรื่องยา สมุนไพรจึงแอบคิดในใจ แม้ตอนตุ๋นยาจะใส่หวงเหลียน ลงไปหนึ่งก าก็ไม่น่าจะทานยากเท่ายาที่อยู่ตรงหน้านี้
“มิได้หรอก แม้ยาเม็ดจะทานง่ายและเก็บรักษา ง่าย แต่ประสิทธิภาพสู้ยาตุ๋นไม่ได้เลย” อวิ๋นเกอยืนหยัด ปฏิเสธข้อเสนอของเขา “นี่ไม่ใช่ยาที่ต้องใช้เวลามากมาย หรือล าบากในการท าเสียหน่อย ยาตุ๋นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว อาการบาดเจ็บของเจ้าจะได้หายไวขึ้นอย่างไร”
สวีชิงเฉินมองแม่สาวน้อยที่ยิ้มจนตาหยีตรงหน้า ก็ ยื่นมือออกไปรับถ้วยยามาจ่อตรงริมฝีปากอย่างไม่มี ทางเลือก จากนั้นก็กระดกยาลงไปจนหมด
书呆子
อวิ๋นเกอพยักหน้าชื่นชม “สวีชิงเฉิน เจ้าเป็นคนที่ กินยาได้เร็วที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาเลย” อวิ๋นเกอย่อมรู้ดี ว่ายาตัวนี้ไม่อร่อยเพียงใด เพราะว่านางทานยาที่ท่านพ่อ ตุ๋นเองกับมือมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่ต้องทานยานางก็จะ อืดอาดยืดยาดอยู่ครึ่งค่อนวัน แล้วก็คนที่ท่านพ่อเคยช่วย ไว้ในป่าลึก ส่วนใหญ่ให้ตายก็ไม่ยอมทานยาที่ท่านพ่อตุ๋น เลยสักคน
“ในเมื่อรู้ว่าไม่อร่อย ก็ควรตุ๋นนี้ให้อร่อยขึ้นสัก หน่อยนสิ” สวีชิงเฉินพูดพลางยิ้มเฝื่อน
“มิได้หรอก พ่อเคยบอกไว้ว่ายาที่มีรสชาติกลม กล่อมส่วนมากมักลดทอนประสิทธิภาพของยาไป แล้วก็ … ” อวิ๋นเกอยิ้มมองเขา พูดต่อ “เมื่อรู้ว่ายาไม่อร่อยจะ ได้ไม่ป่วยไม่ไข้อีกอย่างไรเล่า”
书呆子
คุณชายชิงเฉินอยากพูดว่า เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้า แค่ต้องการให้ยาที่เจ้าตุ๋นมีรสชาติเหมือนยาทั่วไปก็ เพียงพอแล้ว
“ฮิฮิ พี่ใหญ่ ไม่คิดเลยว่าคุณชายชิงเฉินผู้มีชื่อเสียง เลื่องลือ จะกลัวการดื่มยา” สุดท้ายเยี่ยหลีที่ยืนอยู่นอก ประตูก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“หลีเอ๋อร์?” สวีชิงเฉินเงยหน้ามองไปที่ประตู เยี่ย หลีเดินเข้ามาในห้อง มองดูรอบๆ แม้เป็นห้องเล็กๆ ที่ เรียบง่ายบนภูเขา เครื่องเรือนในห้องมีเพียงเตียงหนึ่งตัว โต๊ะหนึ่งตัวและเก้าอี้อีกสองตัว แต่ก็สะอาดสะอ้าน บน โต๊ะยังมีแจกันดอกไม้สลักไม้ที่ดูหยาบๆแต่น่ารักมาก ใน แจกันมีดอกไม้ธรรมดาๆ ปักอยู่สองดอก ทั่วทั้งห้อง อบอวลไปด้วยกลิ่นยาบางๆ
เยี่ยหลีหันกลับมามองคุณชายชิงเฉินอีกครั้ง อาจ เป็นเพราะช่วงนี้ทานยามากกว่าทานข้าว โฉมหน้าที่เต็ม
书呆子
ไปด้วยสง่าราศีของคุณชายชิงเฉินจึงดูซูบผอมไปเล็กน้อย แต่สีหน้าถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ดูไม่ออกเลยว่าบาดเจ็บ ภายในอยู่ แสดงว่าแม่สาวน้อยอวิ๋นเกอดูแลได้ดีมาก
เมื่อเห็นเยี่ยหลีเข้ามา อวิ๋นเกอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตน ทิ้งแขกไว้ข้างนอก นางจึงยิ้มให้เยี่ยหลีอย่างเก้อเขิน พูด เสียงอ่อนหวานว่า “พี่หลีเอ๋อร์ นั่งนี่สิ ข้าจะไปรินชาให้”
“ขอบใจอวิ๋นเกอ” เยี่ยหลีอมยิ้มนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ ข้างเตียง ยิ้มมองอวิ๋นเกอที่รีบพุ่งตัวออกไปจากห้องเพื่อ ไปรินชา
“เป็นแม่สาวน้อยที่น่ารักเหลือเกิน พี่ใหญ่ พี่เห็น ด้วยหรือไม่” เยี่ยหลียิ้มพูด
สวีชิงเฉินยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าเห็นด้วย “เป็นเด็ก ที่ดูน่าสนุกจริงๆ” เยี่ยหลีหน้าม่อย ที่แท้ในสายตาของ คุณชายชิงเฉิน แม่สาวน้อยไม่ได้ถูกวัดด้วยความสวยหรือ น่ารัก แต่วัดด้วยค าว่าน่าสนุกหรอกหรือ
书呆子
“แผลของพี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เยี่ยหลีถาม ด้วยความเป็นห่วง สวีชิงเฉินกุมหน้าอกไว้ ยิ้มพูดว่า “แม้ ยาของอวิ๋นเกอจะทานยาก แต่ประสิทธิภาพดีมากทีเดียว เลยดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ”
เยี่ยหลียิ้มพูด “ยาขมคือยาดี ย่อมมีประโยชน์ต่อ อาการบาดเจ็บ”
โฉมหน้าสง่างามที่หาที่เปรียบไม่ได้ของคุณชายชิง เฉินพลันขมวดเป็นปมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพูด ยอมรับว่า “ข้าคิดว่าข้าเสียใจกับการตัดสินใจของตน ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ อวิ๋นเกอบอกว่าข้าต้องทานยา ติดต่อกันอีกสามเดือน จึงจะรักษาให้หายดีได้” การดื่ม ยาสามเดือนไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือไม่ว่ายากสูตร ไหน เมื่อมาถึงมืออวิ๋นเกอ รสชาติล้วนออกมาเหมือนกัน หมด และไม่มียาใดที่จะดื่มยากไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ต่อให้ เป็นอวิ๋นเกอก็ท าให้ดื่มยากกว่านี้ไม่ได้อีก เพราะนี่ถือเป็น
书呆子
ยาที่ดื่มยาที่สุดแล้ว และด้วยความกระตือรือร้นของแม่ สาวน้อยอวิ๋นเกอ นางย่อมต้องเป็นคนลงมือตุ๋นยาให้เขา เอง คุณชายชิงเฉินคิดได้เพียงว่าคงไม่มีวาสนาได้มี ความสุขอีกแล้ว
เมื่อเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของสวีชิงเฉิน เยี่ยหลีก็อด ยิ้มไม่ได้ “ยากนักที่จะได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ของพี่ใหญ่ อวิ๋ นเกอมีเจตนาดี หากพี่ใหญ่ปฏิเสธนาง จะมิเป็นการท าให้ นางเสียใจหรือ” ทั้งการฟัง การมองเห็นและการดมกลิ่น สัมผัสทั้งสามของเยี่ยหลีดีกว่าคนทั่วไป นางจึงได้กลิ่น แปลกประหลาดโชยมาจากถ้วยของสวีชิงเฉินตั้งแต่เมื่อ ครู่นี้แล้ว ในขณะเดียวกันก็ตัดสินใจว่าจะต้องให้แม่สาว น้อยอวิ๋นเกอช่วยดูแลอาการของพี่ใหญ่ต่อไป เป็นเรื่อง ยากเหลือเกินที่ได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ของพี่ใหญ่เช่นในวันนี้
เมื่อสวีชิงเฉินเห็นเยี่ยหลีหัวเราะคิกคัก เขาก็ได้แต่ ส่ายศีรษะมองเยี่ยหลี ถามขึ้นว่า “ท าธุระอยู่ในเมือง
书呆子
หนานจิงมิใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงมีเวลามาดูข้าได้เล่า เกิด เรื่องอันใดขึ้นหรือ”
เยี่ยหลีถอนหายใจพูดว่า “พี่ใหญ่ช่างรอบรู้นัก เกิด เรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”
“เรื่องอะไรหรือ” สวีชิงเฉินเลิกคิ้วถาม เยี่ยหลีเล่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในต าหนักอุปราชให้ฟัง เรื่องที่จู่ๆ ม่อจิ่งหลีจะปลดม่อซู่อวิ๋นออกจากบัลลังก์และแต่งตั้ง ตนเองขึ้นแทนนี้ ท าให้เยี่ยหลีประหลาดใจอยู่ไม่น้อย จริงๆ