ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 377-2 บัลลังก์และสำยเลือด
สวีชิงเฉินยิ้ม “หลีเอ๋อร์ยังคงใจอ่อนอยู่ดี แม้เจ้าจะ เขียนราชโองการสละบัลลังก์ให้เขาแล้วจะเป็นไรไปเล่า เหตุผลที่ม่อจิ่งหลีอยากตั้งตนเป็นฮ่องเต้ในตอนนี้นั้น คง หนีไม่พ้นความต้องการอ านาจเหนือกว่าต าหนักติ้งอ๋อง ขณะท าศึกสงครามในวันข้างหน้า เพียงแค่ตระกูลฉู่ ออกมาอธิบายว่าในจวนฉู่ไม่มีคนชื่อฉู่จวินเหวยก็จบ แล้ว”
เยี่ยหลีส่ายศีรษะยิ้มเฝื่อน พูดว่า “อาจจะใช่… หากวันนั้นข้าเขียนราชโองการ เกรงว่าตอนนี้พี่ใหญ่คงได้ ยินข่าวว่าม่อจิ่งหลีขึ้นครองราชย์แล้ว” สวีชิงเฉินถอน หายใจเบาๆ พูดว่า “ม่อจิ่งหลีใจร้อนเกินไป หลีเอ๋อร์ สงสารเด็กคนนั้นใช่หรือไม่”
“สงสารไปก็เปล่าประโยชน์ เด็กคนนั้นป่วยระยะ สุดท้ายแล้ว แม้เราช่วยเขาไว้ ก็คงมีชีวิตเหลืออีกไม่นาน”
书呆子
เยี่ยหลีส่ายศีรษะ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่หากจะให้นางลงมือ กับเด็กที่ยังไม่รู้ประสาคนหนึ่ง เยี่ยหลีก็ท าใจไม่ได้อยู่ดี สวีชิงเฉินมองนางด้วยความสงสาร “ด้วยนิสัยของเจ้า และม่อซิวเหยา ไม่รู้ว่าพวกเจ้าอยู่กันอย่างสันติมานาน เช่นนี้ได้อย่างไร”
ด้วยนิสัยใจคอแล้ว เยี่ยหลีและม่อซิวเหยามีนิสัยที่ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เยี่ยหลีใจแข็งกับคนร้ายได้ แต่ ส าหรับคนบริสุทธิ์แล้วกลับใจอ่อนอย่างง่ายดาย ซึ่ง แตกต่างจากม่อซิวเหยาอย่างสิ้นเชิง ดูจากภายนอกแล้ว เขาเป็นคนอ่อนโยน แต่เพื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาไม่ สนว่าตนต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด บัดนี้ ความสัมพันธ์ของม่อจิ่งหลีและม่อซู่อวิ๋น มีใครกล้าเถียง ว่าส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะม่อซิวเหยาอยู่เบื้องหลังหรือ หาก ตอนนั้นม่อซิวเหยาต้องการตรวจสอบจริงๆ เขาจะสืบค้น
书呆子
สถานะของม่อซู่อวิ๋นไม่ได้เชียวหรือ เกรงว่าม่อซิวเหยา เดาได้อยู่แต่แรกแล้ว เขาจึงไม่ได้ให้คนไปสืบเสาะเรื่องนี้
เยี่ยหลีอมยิ้ม พูดว่า “ซิวเหยาคือซิวเหยา ข้าคือข้า แม้จะเป็นสามีภรรยาก็ไม่ได้ก าหนดว่าต้องมีความคิด เหมือนกันเสียหน่อย ขอแค่เราเข้าใจและยอมรับซึ่งกัน และกันก็เพียงพอแล้ว”
“แล้วเจ้าจะจัดการม่อจิ่งหลีอย่างไร ปล่อยให้เขา ท าต่อไปหรือ”
เยี่ยหลียิ้มเจื่อนอย่างไร้ซึ่งหนทาง “พี่ใหญ่คงไม่คิด ว่าข้าสามารถล้มล้างม่อจิ่งหลีที่ปกครองเจียงหนานมา หลายปีได้ในชั่วเวลาเพียงหนึ่งเดือนหรอกใช่หรือไม่” ให้ สร้างปัญหาให้ม่อจิ่งหลีนั้นแสนจะง่ายดาย แต่หาก ต้องการไล่เขาลงจากเวทีภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น แม้ม่อซิวเหยามาด้วยตนเองก็คงเป็นอุปสรรคเช่นกัน
书呆子
สวีชิงเฉินยิ้มมองเยี่ยหลี “หลีเอ๋อร์จะท าอย่างไร หรือ” อยู่ด้วยกันมาหลายปี สวีชิงเฉินย่อมรู้จักเยี่ยหลีดี เป็นไปไม่ได้หากจะบอกว่านางไม่มีแผนอะไรเลย เยี่ยหลี พูดพึมพ าว่า “ข้าจะบอกตัวตนที่แท้จริงของม่อซู่อวิ๋นให้ เยี่ยอิ๋งรู้”
“หลีเอ๋อร์ยังคงใจอ่อนอยู่ดี มิน่าติ้งอ๋องจึงไม่วางใจ เจ้า” สวีชิงเฉินพูดพลางถอนหายใจ
เยี่ยหลีส่ายศีรษะพูดว่า “ไม่ ข้าอยากลองเดิมพันดู … ในสายตาของม่อจิ่งหลี ลูกชายไม่ส าคัญเท่าบัลลังก์ พี่ ใหญ่ วิชาการแพทย์ของอวิ๋นเกอเก่งกาจมากเลยใช่ หรือไม่” สวีชิงเฉินเลิกคิ้วถาม “เจ้าอยากให้อวิ๋นเกอ ช่วยม่อซู่อวิ๋นหรือ”
เยี่ยหลีหลุบตาลงพูดว่า “อาการป่วยของม่อซู่อวิ๋ นคงไม่มียารักษาแล้ว ข้าแค่อยากให้เขาอยู่ได้นานขึ้นอีก
书呆子
เล็กน้อยเท่านั้น ข้าก าลังคิดว่า หากม่อซู่อวิ๋นยังไม่ตาย เร็วๆ นี้ ม่อจิ่งหลีจะท าอย่างไร”
สวีชิงเฉินพยักหน้าพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะลองถามอวิ๋น เกอดู”
“จะถามข้าเรื่องอะไรหรือ” อวิ๋นเกอยกกาน้ าชา เข้ามา ยิ้มพูดกับเยี่ยหลีอย่างเคอะเขิน “บ้านของข้าไม่มี ชาดี พี่หลีเอ๋อร์ดื่มแค่พอแก้กระหายเถิด” ชาที่อวิ๋นเกอ ยกเข้ามาไม่ใช่ชาที่มีชื่อเสียง เป็นเพียงชาดอกไม้ที่นางท า เอง กลิ่นหอมของดอกไม้หอมชวนโชย เยี่ยหลีสูดหายใจ เข้าลึก ยิ้มแล้วพูดว่า “หอมมากเลย”
“พี่หลีเอ๋อร์ชอบก็ดีแล้ว พวกพี่มีอะไรจะถามข้า หรือ” เมื่อเห็นเยี่ยหลีไม่รังเกียจชาดอกไม้ที่ตนท า อวิ๋ นเกอก็รู้สึกดีใจมาก แม้นางจะไม่ค่อยได้พบปะผู้คน แต่ก็ เคยเข้าไปในเมือง ย่อมรู้ว่าคนร่ ารวยที่อาศัยอยู่ในจวน หรูหราเหล่านั้นดูแคลนของป่าพวกนี้ มิหน าซ้ าพี่หลีเอ๋อร์
书呆子
ยังเป็นพระชายาเอกผู้สูงศักดิ์อีก หากเยี่ยหลีรู้ว่านางคิด เช่นนี้ เยี่ยหลีคงได้แนะน าจางไป่ว่านให้นางรู้จักเป็นแน่ อย่างน้อยจางไป่ว่านไม่มีทางรังเกียจชาดอกไม้ของอวิ๋น เกอ และไม่แน่ว่าอาจจะขอร้องให้อวิ๋นเกอส่งมาให้นาง ทั้งสามร้อยหกสิบห้าวันตลอดทั้งปีเลยก็เป็นได้
สวีชิงเฉินพูดว่า “หลีเอ๋อร์อยากให้เจ้าไปช่วยเด็ก คนหนึ่ง อวิ๋นเกออยากไปหรือไม่”
“ได้สิ” อวิ๋นเกอตอบโดยไม่คิด สวีชิงเฉินมองนาง อย่างคาดไม่ถึง ถามว่า “อวิ๋นเกออยากไปจริงๆหรือ”
อวิ๋นเกอท าหน้าฉงน “ท่านพ่อบอกว่าหมอมีดวงใจ ดั่งบิดามารดา เหตุใดข้าต้องปฎิเสธด้วยเล่า”
ทันใดนั้น สวีชิงเฉินก็รู้สึกตนเองช่างใจแคบ การคิด มากไปบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เมื่อเห็นอวิ๋นเกอและท่าน พ่อของนางปลีกวิเวกเช่นนี้ก็ยิ่งท าให้ตนคิดว่าท่านพ่อขอ
书呆子
งอวิ๋นเกอต้องมีเหตุผลอะไรที่ท าให้เขาไม่อยากอยู่ใน วงการการแพทย์ต่อ…
“ขอบใจนะ อวิ๋นเกอ” สวีชิงเฉินยิ้มพูด
อวิ๋นเกอยิ้มเล็กน้อย “มิเป็นไร ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะ รักษาเขาได้หรือไม่ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าอย่าหาว่าข้าไม่เก่ง ก็แล้วกัน ข้าจะพยายามสุดความสามารถเลย” สวีชิงเฉิน พยักหน้าพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าถือโอกาสพาเจ้าไปหา ใครคนหนึ่งด้วยเลยดีไหม เราจะได้เข้าเมืองไปด้วยกัน”
อวิ๋นเกอพยักหน้าเห็นด้วย พูดอย่างเชื่อฟังว่า “ข้า ไปเตรียมของก่อนนะ”
เยี่ยหลีไม่สามารถกลับไปจวนฉู่ได้อีกแล้ว นางจึง พักอยู่บ้านอวิ๋นเกอหนึ่งคืน วันต่อมาทุกคนเก็บข้าวของ และกลับมาหนานจิงอย่างไร้ซุ่มเสียง บริเวณนี้มีจวนที่ดู ไม่สะดุดตาสักเท่าไรแต่กลับอยู่ในสถานที่ที่ผู้คนขวักไขว่ มากที่สุดในเมือง ครั้งนี้เยี่ยหลีกลับมาในฐานะของฉู่จวิ
书呆子
นเหวยไม่ได้แล้ว นางจึงแปลงโฉมกลับมาเป็นหญิงงามที่ กลับมาหนานจิงพร้อมพี่ชายและน้องสาวอายุน้อยอีกคน เพื่อพักฟื้น
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่รุ่งเรืองและวุ่นวายมากที่สุด ในหนานจิง พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในจวนอย่างไม่มีพิรุธ จึงไม่มีผู้ใดสนใจว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในจวนแห่งนั้น ในคืน นั้นฉินเฟิงและหลินหานก็พาอวิ๋นเกอไปรักษาม่อซู่อวิ๋นที่ ต าหนักหลีอ๋อง
ตกดึก เยี่ยหลีและสวีชิงเฉินนั่งเล่นหมากรุกอยู่ใน ห้องหนังสือ เยี่ยหลีค่อยๆวางหมากตัวหนึ่งลง มองสวีชิง เฉินที่อยู่ตรงหน้าแวบหนึ่ง แล้วยิ้มพูดว่า “แผลของพี่ ใหญ่ยังไม่หาย กลับไปพักผ่อนที่ห้องดีกว่าหรือไม่ ข้า รออวิ๋นเกอกลับมาที่นี่เอง”
สวีชิงเฉินส่ายศีรษะพูดว่า “มิเป็นไร พวกเขาก็ควร จะกลับมาได้แล้ว ข้ารออีกหน่อย จะได้รู้ด้วยว่าเป็น
书呆子
อย่างไร ช่วงนี้เจ้าพยายามอย่าออกไปไหน ตอนนี้คน ของม่อจิ่งหลีคงแอบซุ่มสืบอยู่” เยี่ยหลียิ้มพูดว่า “หลี เอ๋อร์ทราบแล้ว พี่ใหญ่มิต้องเป็นห่วง วางใจฉินเฟิงและ หลินหานได้ หน าซ้ าอวิ๋นเกอเองก็เป็นยอดฝีมือ ไม่เป็น อะไรหรอก”
สวีชิงเฉินค่อยๆ วางหมากตัวหนึ่งลง เงยหน้ามอง นางแล้วพูดอมยิ้มว่า “ใครว่าข้าเป็นห่วงเล่า”
เยี่ยหลียักไหล่อย่างไม่แยแส นางยิ้มพูดว่า “ข้าเอง ที่เป็นห่วง”
สวีชิงเฉินส่ายศีรษะไม่พูดอะไรอีก
ข้างนอกมีเสียงดังแว่วมา เพียงครู่หนึ่งประตูห้อง หนังสือก็ถูกเปิดออก ฉินเฟิงและคนอื่นๆ เดินเรียงกันเข้า มา ดวงตาแป๋วแหววของอวิ๋นเกอสว่างไสวอย่างไม่เคย เป็นมาก่อน ใบหน้าน้อยที่แดงระเรื่อจากความตื่นเต้น
书呆子
ของนาง ท าให้รู้ว่านางไม่เคยแอบย่องเข้าจวนของคนอื่น ในยามวิกาลเช่นนี้มาก่อน
เยี่ยหลีจูงมืออวิ๋นเกอมานั่งลง แล้วรินชาให้นาง แก้วหนึ่ง “ล าบากอวิ๋นเกอแล้ว ประสบอันตราย อะไรบ้างหรือไม่”
อวิ๋นเกอยิ้มพูดว่า “ไม่เลย พี่ฉินเฟิงและพี่หลินหาน เก่งมากๆ องครักษ์ของต าหนักอุปราชไม่มีใครเห็นพวก ข้าเลย” อันที่จริงหากพูดถึงแค่วิชาตัวเบา ฉินเฟิงและ หลินหานอาจสู้อวิ๋นเกอไม่ได้ด้วยซ้ า แต่ประสบการณ์การ ลอบบุกรุกในยามวิกาลของทั้งสองย่อมเหนือชั้นกว่านาง หลายขั้น หากเด็กอ่อนหัดเช่นอวิ๋นเกอไปเองคนเดียว เกรงว่าคงถูกคนไล่ตามไปทั่วแล้