ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 378-3 กำรโจมตีครั้งสุดท้ำย ควำมตำยของ เยี่ยอิ๋ง
“น้องสี่” เสียงของเยี่ยหลีดังขึ้นในค่ าคืนที่เงียบ สงัด เยี่ยอิ๋งตกใจ นางรีบหันไปมอง เห็นเยี่ยหลีสวมชุดด า ดูทะมัดทะแมงยืนอยู่ไม่ไกลจากข้างหลังนาง ยังมีฉินเฟิง เว่ยลิ่น และแม่สาวน้อยอีกคนหนึ่งที่นางไม่รู้จักตามเยี่ย หลีมาด้วย
อวิ๋นเกอโผล่ศีรษะออกมามองเยี่ยอิ๋ง แล้วหัน กลับมามองเยี่ยหลีอีกครั้ง อันที่จริงวันนี้เยี่ยหลีไม่ได้จะ พาอวิ๋นเกอมาด้วย แต่อวิ๋นเกอดึงดันว่าจะมาดูน้องชายที่ ป่วยหนักคนนั้นให้ได้ เยี่ยหลีจึงพานางมาด้วยอย่างไม่มี ทางเลือก ถึงอย่างไรวิชาก าลังภายในของอวิ๋นเกอก็ไม่เลว นัก อย่างน้อยก็ปกป้องตนเองได้
อวิ๋นเกอกะพริบตาด้วยความแปลกใจ เหตุใด น้องสาวของพี่หลีเอ๋อร์จึงมีหน้าตาไม่เหมือนนางเลย
书呆子
“พี่สาม!” เยี่ยอิ๋งไม่เคยรู้สึกตื้นตันเวลาเจอเยี่ยหลี เหมือนยามนี้มาก่อน นางแทบจะโผเข้าหาเยี่ยหลี แขน ขาอ่อนแรงคุกเข่าลงไป “พี่สาม ขอร้องล่ะ ช่วยซู่อวิ๋นที ขอร้อง… เจ้าจะให้ข้าท าอะไรข้าก็ยอม”
เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ ยื่นมือไปดึงนางขึ้นมา พูด ว่า “หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เหตุใดจึงท าเช่นนั้น ไปเล่า” เยี่ยอิ๋งรู้สึกละอายใจ เป็นเพราะความใจแคบ และความระแวงสงสัยของนาง ที่กลัวว่าเยี่ยหลีจะคืนค า เรื่องตามหาลูก นางจึงให้เยี่ยหลีบอกที่อยู่ของลูกตนมา ก่อน แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว กลับยังคงต้องขอร้องให้เยี่ย หลีช่วยตนเอง “อิ๋งเอ๋อร์ส านึกผิดแล้ว ขอร้องล่ะ ช่วย ซู่อวิ๋นด้วยเถิด ต่อไปไม่ว่าพี่สามจะพูดอะไร อิ๋งเอิ๋อร์จะ ไม่คิดมิดีต่อพี่สามอีกแล้ว ขอร้องล่ะ เห็นแก่ท่านพ่อ ช่วย ซู่อวิ๋นหน่อยเถิด”
书呆子
“พอแล้ว” เยี่ยหลีตัดบทนางที่พูดวกไปวนมา นาง พยักหน้าพูดว่า “ข้าจะพาม่อซู่อวิ๋นออกไปจากที่นี่ เจ้าจะ ไปด้วยหรือไม่”
เยี่ยอิ๋งเงียบ
เยี่ยหลีไม่สนใจว่านางก าลังคิดอะไร นางเห็นใจม่อ ซู่อวิ๋น แต่กับเยี่ยอิ๋งนั้นนางไม่รู้สึกอะไรด้วย นางพูด น้ าเสียงราบเรียบว่า “เจ้าคิดให้ดี เมื่อใดที่ม่อซู่อวิ๋นหาย ตัวไปจากต าหนักหลีอ๋อง ม่อจิ่งหลีไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ไม่ ว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่ก็ตาม”
เยี่ยอิ๋งเงียบไปนานก่อนจะส่ายศีรษะ พูดว่า “ไม่ ข้าไปไม่ได้ พี่สาม ข้ารู้… แต่ก่อนข้าท าผิดต่อเจ้า ข้า ขอร้องเจ้าเพียงเรื่องเดียว ช่วยข้าพาซู่อวิ๋นไปหาท่านพ่อ ท่านแม่ ขอให้พวกเขาเห็นแก่ลูกสาวอกตัญญูคนนี้ ช่วย ดูแลซู่อวิ๋นให้ข้าที ข้ารู้… ร่างกายเขาถูกม่อจิ่งหลีและ เสียนเจาไท่เฟยนังงูพิษคนนั้นท าลายไปจนไม่เหลือชิ้นดี
书呆子
แล้ว เขามีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไร ก็ให้อยู่ถึงเมื่อนั้นเถิด… ข้า หวังเพียงให้เขาทรมานน้อยลงสักนิด ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ และปลอดภัย ถือเสียว่าไม่เสียเปล่าที่ได้เกิดมาบนโลกใบ นี้”
“เจ้าจะท าอะไร” เยี่ยหลีขมวดคิ้วถาม
เยี่ยอิ๋งยิ้มเล็กน้อยพูดว่า “พี่สามเป็นห่วงข้าหรือ พี่ วางใจเถิด… ข้าไม่ท าอะไรโง่ๆ หรอก” เยี่ยหลีเงียบไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “แล้วแต่เจ้า”
เยี่ยอิ๋งสูดหายใจเข้าลึก พูดว่า “เราไปกันเถิด ให้ข้า ได้เจอเขาครั้งสุดท้าย แล้วพวกเจ้า… พาเขาออกไปเถิด”
เยี่ยอิ๋งออกจากเรือนของตนไป เมื่อเข้าไปในห้อง กลับเจอแต่ความว่างเปล่า เยี่ยอิ๋งร้อนรนขึ้นมาทันที นาง รีบตะโกนขึ้น “มีใครอยู่บ้าง!” จากนั้นก็มีคนเข้ามาทันที เมื่อเห็นเยี่ยอิ๋งก็ชะงักไป “พระชายา?”
书呆子
“ฮ่องเต้ล่ะ” เยี่ยอิ๋งถามอย่างโมโห
“ฮ่องเต้… ฮ่องเต้ได้รับเชิญจากท่านอ๋องให้ไป ร่วมงานเลี้ยงเพคะ”
“เหลวไหล!” เยี่ยอิ๋งพูด “ฮ่องเต้ทรงประชวรหนัก จะไปร่วมงานเลี้ยงได้อย่างไร” บ่าวคนนั้นเห็นดวงตาแดง ก่ าของเยี่ยอิ๋งก็ตกใจ รีบพูดว่า “จริงๆ เพคะ มีคนมาอุ้ม ฮ่องเต้ไปเพคะ” เยี่ยอิ๋งร้อนรน นางไม่สนใจบ่าวคนนั้น อีก รีบพุ่งตัวออกไปจากเรือน มุ่งหน้าไปยังห้องโถงที่ม่อ จิ่งหลีจัดงานเลี้ยงทันที
ตอนนี้ในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงบรรเลงดนตรี ม่อ จิ่งหลีนั่งอยู่บนที่นั่งประธานด้วยหน้าตาชื่นมื่น คนที่นั่ง อยู่ด้านข้างย่อมคือชายารองจ้าวที่เพิ่งตั้งครรภ์ เสียนเจา ไท่เฟยนั่งอยู่ด้านขวามือ ส่วนด้านซ้ายมือ มีม่อซู่อวิ๋นนั่ง เหม่อลอยอยู่คนเดียวราวกับไม่รับรู้โลกภายนอก เขา
书呆子
ไม่ได้ดูทั้งการแสดงข้างล่าง และไม่ทานอาหารบนโต๊ะ เลยสักค า
ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างล่างย่อมเป็นคนสนิทของม่อจิ่ง หลีทั้งสิ้น มู่หยางและเหยาจีก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้วย หลาย วันก่อน มู่หยางช่วยพูดให้ฉู่จวินเหวยไว้ แต่พอหลังจาก นั้นที่ฉู่จวินเหวยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มู่หยางก็ ถูกม่อจิ่งหลีก่นด่าเสียยกใหญ่ วันนี้จึงดูสงบเสงี่ยมกว่า ปกติ แต่ว่าเมื่อเห็นสีหน้าของหลีอ๋อง มู่หยางก็รู้ว่าหลี อ๋องคงได้สมปรารถนาในเร็ววันนี้แล้ว ถึงตอนนั้นมู่หยาง ผู้ซึ่งมีผลงานมากมายย่อมไม่ถูกหลีอ๋องแค้นเคืองเพียง เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
เหยาจีมองม่อซู่อวิ๋นที่นั่งเหม่ออยู่ด้านบน พลันรู้สึก เป็นกังวลยิ่งนัก
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” ทุกคน ในห้องโถงยกจอกสุราขึ้นแสดงความยินดี
书呆子
ม่อจิ่งหลีพยักหน้าอย่างพึงพอใจ พูดว่า “ขอบใจ ทุกท่าน มาร่วมดื่มกันเถิด”
จู่ๆ พระชายารองจ้าวที่นั่งอยู่ข้างๆ ม่อจิ่งหลีก็ หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งคืน แม้ฮ่องเต้จะยังทรงพระเยาว์ ดื่มสุรามิได้ แต่หากดื่มน้ า ผลไม้คงมิเป็นอะไร เช่นนั้นเชิญฮ่องเต้ร่วมดื่มกับทุกท่าน ดีหรือไม่”
เสียนเจาไท่เฟยเหลือบมองพระชายารองจ้าว แล้ว พยักหน้าเห็นด้วย “ชายารองจ้าวพูดถูก เราคุยกัน มากมายจนละเลยฮ่องเต้ไป ยังไม่รีบรินน้ าให้ฮ่องเต้อีก บ่าวไพร่อย่างพวกเจ้าท าอะไรกันอยู่”
ขันทีที่ยืนอยู่ข้างหลังม่อซู่อวิ๋นรีบเดินยกจอกสุรา ไปไว้ตรงหน้าม่อซู่อวิ๋น แล้วรินน้ าผลไม้ให้
ริมฝีปากอันงดงามของพระชายารองจ้าวพลันเผย รอยยิ้มอย่างอ่อนโยน มองม่อซู่อวิ๋นพูดอมยิ้มว่า “หม่อม
书呆子
ฉันมีลูกของท่านอ๋องแล้ว ฮ่องเต้ไม่ดีใจแทนหม่อมฉัน และท่านอ๋องหน่อยหรือเพคะ” ม่อซู่อวิ๋นกะพริบตา ไม่ได้ พูดอะไร พอเขาเห็นม่อจิ่งหลีที่นั่งอยู่ข้างๆ ชายารองจ้าว นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ม่อจิ่งหลีพูดเสียงราบเรียบ “ในเมื่อชายารองจ้าว พูดเช่นนี้แล้ว ฮ่องเต้ เจ้าก็ร่วมดื่มแสดงความยินดีกับ ชายารองหน่อยเถิด”
ทุกคนในห้องโถงต่างพูดส าทับ เหยาจีนั่งอยู่ข้างๆ มู่หยาง ปากเผยรอยยิ้มอันสวยงาม งดงามกว่าชายารอง จ้าวที่อ่อนโยนและอายุน้อยบนห้องโถงคนนั้นเสียอีก นางได้แต่ยิ้มเย็นชาในใจขณะมองดูเรื่องราวอันเหลวไหล ตรงหน้านี้ และเมื่อหันมามองผู้ชายข้างกายตนเอง ในใจ ก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังและไร้ความรู้สึกในตัวเขาขึ้นมาอย่าง รุนแรง แม้แต่เหยาจีสตรีเช่นนางก็เดาได้ว่าน้ าผลไม้นั้น
书呆子
เกรงว่าจะไม่ใช่น้ าผลไม้ธรรมดา แล้วมู่หยางจะไม่รู้ได้ อย่างไร
มิหน าซ้ า ถึงอย่างไรม่อซู่อวิ๋นก็เป็นถึงฮ่องเต้ ขุน นางในห้องโถงนี้กลับบังคับให้ฮ่องเต้ร่วมดื่มแสดงความ ยินดีกับนางสนมที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากต าหนักท่าน อ๋องให้เป็นพระชายารองอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ า ต า หนักมู่หยางโหวเป็นแม่ทัพยิ่งใหญ่มารุ่นสู่รุ่น ทว่ามู่หยาง ในตอนนี้… กลับประจบสอพลอและโอ้อวดตนเก่งกาจ กว่าขุนนางเสียอีก ขุนนางบุ๋นไม่ควรลังเลที่จะตักเตือน เพื่อรักษาความยุติธรรม แม่ทัพควรยอมสละชีวิตในศึก สงครามเพื่อชัยชนะ แต่ตอนนี้มู่หยางท าไม่ได้สักอย่าง เดียว เขาไม่ใช่พ่อหนุ่มผู้สง่างามและกล้าหาญคนนั้น ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
เมื่อเห็นม่อซู่อวิ๋นไม่ขยับ สีหน้าม่อจิ่งหลีจึงเคร่ง ขรึม พูดว่า “ยกให้ฮ่องเต้ดื่มลงไป”
书呆子
ขันทีที่อยู่ข้างๆ จึงได้แต่ยกแก้วขึ้น ยื่นไปจ่อ บริเวณริมฝีปากของม่อซู่อวิ๋น
“ม่อจิ่งหลี เจ้าบังอาจนัก!” เสียงแหลมสูงเสียง หนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกห้องโถง เสียงพิณหยุดลงในทันใด เสียงของเยี่ยอิ๋งดังก้องไปทั่วห้องโถง