ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 378-4 กำรโจมตีเฮือกสุดท้ำย กำรตำยของ เยี่ยอิ๋ง
เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็เห็นเยี่ยอิ๋งที่มีอาการหอบ เหนื่อยอยู่บ้างก าลังเร่งฝีเท้าเข้ามาในต าหนักด้วยสีหน้า เย็นยะเยือกราวน้ าค้างแข็ง เห็นได้ชัดว่านางวิ่งมาตลอด ทาง เมื่อเยี่ยอิ๋งบุกเข้ามา ก็พุ่งไปที่กลางห้องโถง และปัด จอกสุราที่ถูกยื่นมาด้านหน้าม่อซู่อวิ๋นจนคว่ าลงทันที กลิ่นหอมฟุ้งของสุราอบอวลไปทั่ว เยี่ยอิ๋งเอ่ยเสียงแหลม สูงด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ม่อจิ่งหลี ท่านช่างโหดเหี้ยม นัก!”
ม่อจิ่งหลีตะลึงค้างจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง อย่างฉับพลัน พอได้สติกลับคืนมาก็ขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างไม่ สบอารมณ์ว่า “เจ้าโวยวายเรื่องอันใดกัน? ยังไม่ออกไป อีก”
书呆子
“ข้าโวยวายเช่นนั้นหรือ ม่อจิ่งหลี ท่าน…” เยี่ยอิ๋ง โกรธจนหน้าเขียว คิดจะอ้าปากเปิดโปงกลอุบายของม่อ จิ่งหลี แต่กลับถูกชายาจ้าวที่ก้าวขึ้นมากะทันหันดึงเอาไว้ ชายารองจ้าวแย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน เอ่ยว่า “พี่สาว ท่าน จะท าอันใดหรือ ตลอดทั้งคืนฮ่องเต้ไม่ยอมเสวยสิ่งใดเลย น้องสาวเกรงว่าฝ่าบาทจะหิวหรือกระหาย ดังนั้นถึงได้ เชิญฝ่าบาทดื่มน้ าผลไม้ให้ชุ่มคอเท่านั้นเองเพคะ”
ขณะที่กล่าว เยี่ยอิ๋งก็จ้องมองไปที่นางเขม็ง “หืม เป็นเจ้าที่ต้องการให้ฝ่าบาทดื่มหรอกหรือ”
ชายารองจ้าวถูกนางมองมาด้วยสายตาที่ท าให้ผู้คน ขนลุกจนรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย รอยยิ้มจึงแข็งค้างอยู่ บ้าง “เป็นเช่นนั้นเพคะ”
เยี่ยอิ๋งยิ้มเย็น พลางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้า ก็ดื่มสักหน่อยก็แล้วกัน” รอยยิ้มบนใบหน้าชายารองจ้าว แข็งค้าง รีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ขอบ
书呆子
พระทัยในความรักและเมตตาของพี่สาว แต่หม่อมฉันไม่ ชอบดื่มน้ าผลไม้” ล้อเล่นน่ะ นางจะดื่มเจ้าสิ่งนั้น ในตอนนี้ได้อย่างไร ร่างกายของนางในยามนี้ล้ าค่ายิ่งนัก
เยี่ยอิ๋งไม่ยอมถอยให้ “ข้าไม่ได้ถามว่าเจ้าชอบ หรือไม่ชอบดื่ม แต่ข้าให้รางวัลเจ้า แค่ดื่มน้ าผลไม้สักแก้ว คงไม่ท าให้สิ่งที่อยู่ในท้องเจ้าหายไปหรอก?”
“เยี่ยอิ๋ง เจ้าบังอาจ!” ม่อจิ่งหลีบันดาลโทสะ เขา อายุเลยสามสิบมาแล้วแต่กลับไม่มีบุตรชายหรือบุตรสาว เลยสักคน จึงย่อมตั้งความหวังกับบุตรของชายารองจ้าว เอาไว้ไม่น้อย จะปล่อยให้เยี่ยอิ๋งกล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้ ได้อย่างไรกัน
เยี่ยอิ๋งแค่นยิ้มออกมาด้วยความทรมานใจ พลาง เอ่ยว่า “บุตรของนางเอ่ยถึงมิได้ เช่นนั้นบุตรของข้าเล่า… ซู่อวิ๋นไม่ใช่บุตรชายของท่านหรือ ท่านถึงกับจะท าร้าย
书呆子
บุตรชายของตนเองให้ถึงแก่ความตาย เพียงเพื่อราช บัลลังก์เช่นนี้ ม่อจิ่งหลี ท่านมันไม่ใช่คน!”
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” ม่อจิ่งหลีกัดฟันเอ่ย “ทหาร ลาก สตรีนางนี้ออกไป!”
“ท่านกล้า! ม่อจิ่งหลี ท่านกล้าท าร้ายบุตรชายของ ข้า ต่อให้ข้ากลายเป็นผีก็ไม่มีทางปล่อยท่านไป!” เยี่ยอิ๋ งกรีดร้องแทบขาดใจ ทว่านางถูกก าหนดให้ต้องผิดหวัง คนที่นั่งอยู่เบื้องล่างล้วนเป็นคนสนิทที่สุดของม่อจิ่งหลี ล้วนเป็นผู้ที่หวังให้ม่อจิ่งหลีได้ขึ้นครองบัลลังก์ เพื่อที่ ตนเองจะได้เป็นขุนนางผู้มีความดีความชอบในการอยู่ เคียงข้างเขา ไม่ต้องกล่าวเลยว่าม่อซู่อวิ๋นเป็นบุตรชาย ของม่อจิ๋งหลีหรือไม่ ถึงแม้ม่อซู่อวิ๋นจะเป็นบิดาของม่อจิ่ง หลี พวกเขาก็จะยังกระท าการโหดเหี้ยมต่อเด็กคนนั้น โดยไม่กะพริบตาดังเดิม แม้ว่าข่าวสารที่ถูกเปิดโปง ออกมาอย่างกะทันหันจะท าให้ตะลึงค้างไปบ้าง ทว่าสิ่งที่
书呆子
ใจของทุกคนครุ่นคิดไม่ใช่เป็นการธ ารงความยุติธรรม ให้กับมารดาและบุตรคู่นี้ แต่เป็นเรื่องที่ว่าจะจัดการ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังเช่นไรดี ควรจะท าเช่นใด เพื่อไม่ให้หลีอ๋องถือสาหาความกับพวกเขาที่รับรู้ความลับ เรื่องนี้ต่างหาก
“น าตัวออกไป” ม่อจิ่งหลีเอ่ยเสียงเข้ม
ไม่รู้ว่าเยี่ยอิ๋งที่ถูกองครักษ์จับเอาไว้คิดถึงสิ่งใดอยู่ ถึงได้หยุดดิ้นกะทันหัน นางจ้องมองไปทางม่อจิ่งหลีนิ่งๆ พลางเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ข้ายังมีอีกเรื่องที่อยากกล่าวกับ ท่าน”
ม่อจิ่งหลีจ้องนางด้วยสีหน้าเฉยชา เห็นได้ชัดว่า ไม่ได้สนใจฟังว่านางจะกล่าวสิ่งใดอีก เยี่ยอิ๋งยิ้มหวาน ขณะมองไปที่เขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เกี่ยวกับต าหนักติ้งอ๋อง ท่านอ๋องก็ไม่อยากฟังเช่นนั้นหรือ?”
书呆子
ม่อจิ่งหลีหรี่ตามองเยี่ยอิ๋ง เขาไม่อาจยืนยันได้ว่า เยี่ยอิ๋งสมคบคิดกับต าหนักติ้งอ๋องมานานเพียงใดแล้ว ใน ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถแน่ใจว่าเยี่ยอิ๋งรู้ความลับ เกี่ยวกับต าหนักติ้งอ๋องจริงๆ หรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง ม่อจิ่งหลีถึงได้เอ่ยว่า “ปล่อยให้นาง เข้ามา”
องครักษ์ปล่อยเยี่ยอิ๋ง เยี่ยอิ๋งไม่ได้รีบร้อนเดินไป ทางม่อจิ่งหลี แต่หมุนตัวเดินไปตรงหน้าม่อซู่อวิ๋นแทน นางยื่นมือออกไปลูบใบหน้าซูบตอบของเขาด้วยความ ระมัดระวัง กล่าวเสียงเบาว่า “ซู่อวิ๋น ขอโทษด้วย…แม่ ผิดต่อเจ้า หลังจากนี้เจ้าต้องเชื่อฟังพี่ชายและพี่สาวรู้ หรือไม่”
ม่อซู่อวิ๋นกะพริบตาด้วยความมึนงง เขาไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด ชายาเอกหลีอ๋องที่ดีต่อเขามากผู้นี้ถึงได้ กล่าวว่าตนเป็นมารดาของเขา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเสด็จแม่
书呆子
อยู่ในวัง แม้ว่าเสด็จแม่มักจะไม่สนใจตนเอง แต่เขาก็ไม่ สามารถเปลี่ยนเสด็จแม่เป็นอีกคนหนึ่งอย่างกะทันหันได้ อีกทั้ง…เมื่อมองไปยังสีหน้าทะมึนของม่อจิ่งหลีที่อยู่ไม่ ไกล ม่อซู่อวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะขดตัวถอยไปด้านหลัง
เมื่อเห็นบุตรชายมีท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่น เยี่ยอิ๋งก็ส่ายหน้าอย่างขมขื่น จากนั้นก็หมุนกายเดินมาถึง เบื้องหน้าม่อจิ่งหลี มองไปยังใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วย เสน่ห์ดึงดูดของบุรุษเพศที่เติบใหญ่ของชายตรงหน้า เยี่ยอิ๋งถามขึ้นว่า “ท่าน…ไม่เคยใจอ่อนสักนิดเลยหรือ?”
ม่อจิ่งหลีเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าไม่อยากฟังเจ้า พูดพล่ามไร้สาระ เจ้าต้องการจะกล่าวสิ่งใดกันแน่?”
เยี่ยอิ๋งยิ้มอย่างจนปัญญา เขยิบเข้าไปใกล้ม่อจิ่งหลี กระซิบเสียงเบาว่า “สิ่งที่ข้าอยากจะบอกก็คือ…พี่สาม ของข้ามาถึงแคว้นหนานจิงแล้ว” น้อยครั้งนักที่เยี่ยอิ๋งจะ เรียกเยี่ยหลีอย่างจริงใจว่าพี่สาม ยามอยู่ต่อหน้าม่อจิ่งหลี
书呆子
ส่วนใหญ่มักเรียกชื่อเยี่ยหลีตรงๆ ดังนั้น พี่สามค านี้จึงท า ให้สมองของม่อจิ่งหลีหยุดตอบสนองไปในชั่วขณะก่อน จะนึกออก “เจ้าพูดว่าอันใดนะ!”
เยี่ยหลียิ้มยินดีเป็นพิเศษ กระทั่งใบหน้าซูบผอมซีด เผือดก็ดูราวกับมีสีสันขึ้นมาหลายส่วน นางหัวเราะคิกคัก มองไปทางม่อจิ่งหลี พลางเอ่ยว่า “ข้าพูดว่า ยามนี้พี่สาม ของข้า…พระชายาเอกติ้งอ๋องอยู่ในต าหนักหลีอ๋องแล้ว ท่านไม่ทราบหรือ”
“ท่านอ๋องระวัง!” ม่อจิ่งหลีตกใจในทันที ข้างกายมี เสียงหวาดกลัวดังขึ้น ม่อจิ่งหลีรู้สึกเจ็บแปลบที่ช่องท้อง จึงฟาดฝ่ามือผลักเยี่ยอิ๋งออกไปตามสัญชาตญาณ แม้ ว่าม่อจิ่งหลีจะได้รับบาดเจ็บกะทันหัน พละก าลังที่ฟาด ออกไปไม่มากพอที่จะถึงแก่ชีวิต แต่เยี่ยอิ๋งก็ยังคงกระอัก เลือดออกมา และร่วงลงข้างเท้าชายารองจ้าวพอดี
书呆子
คล้ายกับว่าเยี่ยอิ๋งไม่สนใจอาการบาดเจ็บของ ตนเองเลยสักนิด นางกอดหมับเข้าที่ขาทั้งสองข้างของ ชายารองจ้าว ราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ทั้งสองคน ซ้อนทับเป็นก้อนเดียวกัน กลิ้งลงมาจากต าหนักใหญ่ ทั้ง สองร่างกลิ้งหลุนๆ ไปตามขั้นบันไดของต าหนัก หลังจาก กลิ้งไปถึงกลางต าหนัก โลหิตก็รินไหลออกจากริมฝีปาก ของเยี่ยอิ๋งเร็วขึ้น ชายารองจ้าวกรีดร้องเสียงแหลม ร่างกายช่วงล่างเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงวงใหญ่
“นังหญิงแพศยา!” ม่อจิ่งหลีทั้งโกรธทั้งตื่นตะลึง มือหนึ่งปิดปากแผลบริเวณช่องท้องที่โลหิตรินไหลไม่หยุด นั่งอยู่บนเก้าอี้ นัยน์ตาที่ขึงมองเยี่ยอิ๋งเต็มไปด้วยกลิ่น อายสังหารโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย
“หลีเอ๋อร์…เร็ว! รีบตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!” เสียนเจาไท่เฟยรีบก้าวเข้าไปประคองม่อจิ่งหลี พลางสั่ง เสียงเฉียบขาด “ยังไม่รีบไปประคองชายารองให้ลุก
书呆子
ขึ้นมาอีก เด็ก…เด็ก…” สายตาของทุกคนมองไปยังร่าง ของชายารองจ้าวที่ร้องโอดโอยอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่า เด็กที่อายุไม่ถึงหนึ่งเดือนครึ่งผู้นี้รักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว ทุก คนล้วนตะลึงค้างไปกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ใครจะไปคิดว่าชายาเอกหลีอ๋องที่ตลอดมาไม่เป็นที่รู้จัก จะก่อเหตุขึ้นกะทันหันจนท าให้ผู้คนตกใจเช่นนี้ ในชั่ว พริบตาก็ท าให้ทั้งหลีอ๋องและชายารองจ้าวได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังท าให้เด็กในท้องของชายารองจ้าวถึงแก่ชีวิตอีก ด้วย
ม่อจิ่งหลีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ฝืนทนต่อความเจ็บปวด จ้องมองไปยังเยี่ยอิ๋งที่อยู่บนพื้น เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เจือไป ด้วยแววยั่วยุของเยี่ยอิ๋ง โทสะในใจก็พุ่งสูงมากกว่าเดิม แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยเห็นเยี่ยอิ๋งอยู่ในสายตา มักคิดแต่ ว่าเมื่อเทียบกับเยี่ยหลีแล้ว เยี่ยอิ๋งนั้นโง่เง่า เห็นแก่ตัว และอ่อนแอขี้ขลาดตาขาว เป็นธรรมดาที่คนแบบนี้จะท า
书呆子
การใหญ่ไม่ส าเร็จ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า คนเช่นเยี่ยอิ๋งนี้ กลับท าร้ายเขาได้สาหัสที่สุด ตลอดชีวิตนี้ ม่อจิ่งหลีไม่ เคยเสียเปรียบมากขนาดนี้มาก่อน และทั้งหมดก็ล้วนเป็น เพราะเยี่ยอิ๋งคนเดียว