ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 64-3 ฝ่าบาท พระสนมของท่านถูก…เสียแล้ว
ในที่สุดท่านอ๋องผู้เฒ่าก็คลายความโกรธลงจึงถามต่อว่า “คนที่ไปส่งข่าวนั้นไปไหนเสียแล้ว เจ้าคงไม่ถึงกับจำไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรหรอกนะ อีกอย่าง ใครเป็นคนพาองค์หญิงซีสยาเข้ามา” ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ในเมืองหลวงก็มีข่าวลือเกี่ยวกับหลีอ๋องและองค์หญิงซีสยาขึ้นมาอีกครั้ง องค์หญิงเจาหยางรักษาทำนองคลองธรรมเป็นที่สุด เมื่อฝ่าบาทมีราชโองการลงมาแล้วก็เข้มงวดกับองค์หญิงซีสยามาก ไม่ให้นางออกไปไหนมาไหน แม้แต่งานแต่งงานของม่อจิ่งหลีในครั้งนี้องค์หญิงเจาหยางก็ไม่ได้มาร่วมงาน เช่นนั้นองค์หญิงซีสยาจะมาที่นี่ได้อย่างไรกัน
“ข้า…ข้า…” องค์หญิงซีสยาพูดอย่างน่าสงสารว่า “ตอนที่ข้ามา ที่หน้าประตูไม่มีใครขวางข้าไว้” นางมาถึงเร็ว อีกทั้งก่อนหน้านี้เคยมาที่ตำหนักหลีอ๋องแล้วหลายครั้ง คนของตำหนักหลีอ๋องจำนวนไม่น้อยมีรู้จักนาง ดังนั้นถึงแม้นางจะไม่มีจดหมายเชิญ แต่คนของตำหนักติ้งอ๋องก็ไม่ได้ขวางนางไว้
หัวหน้าพ่อบ้านของตำหนักติ้งอ๋องเข้ามารายงานว่า เครื่องหอมที่พบในห้องเมื่อสักครู่นั้นเป็นเครื่องหอมปลุกกำหนัด คนในห้องต่างนิ่งเงียบไป องค์หญิงซีสยามาที่ตำหนักหลีอ๋องด้วยตนเอง พวกบ่าวในตำหนักหลีอ๋องก็ไม่มีใครรายงาน ซ้ำร้ายเจ้านายเองก็ไม่มีใครรู้ ส่วนม่อจิ่งหลีก็ไม่รู้เกิดอันใดขึ้น เพียงได้ยินคนมาส่งข่าวก็ถึงกับลืมเรื่องการห้ามอยู่รวมกันของชายหญิง แล้วมายังที่พักของสตรีทันที จากนั้นก็…
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีคนตั้งใจ เยี่ยหลีคิดในใจ ดูท่าคราวนี้ หญิงงามของฮ่องเต้ยังไม่ทันถึงมือก็เป็นอันต้องหลุดลอยไปเสียแล้ว
“เอาล่ะ รอให้ไทเฮามาถึงก่อนค่อยจัดการก็แล้วกัน อีกอย่างให้รีบส่งคนไปรายงานองค์หญิงเจาหยางให้ทราบแล้วให้นางส่งคนมารับตัวองค์หญิงซีสยากลับไปเสีย!” ท่านอ๋องผู้เฒ่าพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน ก่อนหันไปพูดกับม่อซิวเหยาต่อว่า “ซิวเหยา เจ้าว่าอย่างไร” ม่อซิวเหยายิ้มเรียบๆ อย่างมีมารยาท “ท่านอ๋องเป็นผู้อาวุโส ให้ท่านตัดสินใจเลยจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” คนอื่นๆ ต่างรีบพากันบอกให้ทำตามที่ท่านอ๋องผู้เฒ่าเห็นสมควร
ยังดีที่องค์ไทเฮายังเป็นห่วงลูกชายคนเล็กของตนอยู่ องค์หญิงเจาหยางยังไม่ทันมาถึง ไทเฮาก็มาถึงก่อนเสียแล้ว แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะตำหนักหลีอ๋องเป็นตำหนักอ๋องที่อยู่ใกล้กับพระราชวังมากที่สุด ไทเฮาสวมชุดเฟิ่งผาวสีเหลืองสด เดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน “ข้ายังไม่ทันได้ออกจากวังก็มีคนไปบอกว่าเกิดเรื่องขึ้น วันมงคลแท้ๆ เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก ก่อนแต่งงานคราวที่แล้วยังขายหน้ากันไม่พอใช่หรือไม่”
เยี่ยอิ๋งที่นั่งอยู่อีกด้านสีหน้าซีดขาว น่าเสียดายที่นางไม่กล้าลบเลี่ยงไทเฮาตรงๆ จึงทำได้เพียงหลบอยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งเท่านั้น
ทุกคนต่างลุกขึ้นทำความเคารพ ไทเฮานั่งลงฟังท่านอ๋องผู้เฒ่ากับเสียนเจาไท่เฟยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ไม่ต้องรอให้ทั้งสองคนเล่าให้จบ ไทเฮาก็ทรงกริ้วมากเสียแล้ว ด่าว่าม่อจิ่งหลีเสียยกใหญ่ ไทเฮาต่อว่าลูกชาย แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าผสมโรงด้วย ได้แต่ฟังอยู่เท่านั้น ฮูหยินหลายคนที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรกนึกอยากจะหาอันใดมาอุดหูตนเอง ในใจนึกสาบานว่า ภายในสามสี่วันนี้จะไม่มาเหยียบตำหนักหลีอ๋องอีกเป็นแน่
รอจนไทเฮาระบายโทสะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ม่อจิ่งหลีกับองค์หญิงซีสยาต่างก็ลงไปคุกเข่ากับพื้นขอให้ไทเฮาโปรดอภัย ไทเฮามองม่อจิ่งหลีอยู่เป็นนาน ก่อนสีหน้าจะค่อยอ่อนลง พระนางถอนหายใจหนักๆ แล้วหันไปพูดกับท่านอ๋องผู้เฒ่าว่า “ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าควรจัดการอย่างไรดี” ท่านอ๋องผู้เฒ่ายกมือขึ้นลูกหนวด “ในเมื่อไทเฮามาอยู่ที่นี่ด้วยองค์เองแล้ว เรื่องนี้ย่อมฟังรับสั่งของไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ไทเฮาถอนใจด้วยสีหน้าเสียใจ “เรื่องนี้…ถือว่าทำลายหน้าตาของฝ่าบาทไม่น้อย ต่อให้ข้าออกหน้าขอร้อง ก็เกรงว่าคงยากที่จะดับไฟโกรธในใจพระองค์ได้” ท่านอ๋องผู้เฒ่าย่อมเข้าใจดีว่าองค์ไทเฮาหมายความเช่นไร “จะว่าไปที่จิ่งหลีทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ ก็เพราะลุงๆ อาๆ อย่างพวกเราสั่งสอนไม่ได้ความ อีกเดี๋ยวข้ากับน้องอ๋องจะเข้าวังไปช่วยจิ่งหลีขอร้องด้วยอีกแรง ได้แต่หวังให้ฝ่าบาทเห็นแกหน้าข้าบ้างเท่านั้น”
ไทเฮายิ้มด้วยความซาบซึ้ง “ท่านพี่เป็นท่านลุงที่ฝ่าบาทเคารพที่สุด ฝ่าบาทย่อมไปฉีกหน้าท่านพี่เป็นแน่ หลีเอ๋อร์ ยังไม่รีบขอบคุณท่านลุงอีก”
ม่อจิ่งหลีพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “จิ่งหลีขอบคุณท่านลุงและท่านอามากพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องผู้เฒ่าส่งเสียเหอะเบาๆ แล้วไม่สนใจเขาอีก เมื่อท่านอ๋องผู้เฒ่ารับปากแล้ว ไทเฮาจึงดีพระทัยมาก ถึงแม้ตอนนี้ท่านอ๋องผู้เฒ่าจะไม่ยุ่งเรื่องราชกิจแล้ว แต่ยังคงมีอิทธิพลในหมู่ราชวงศ์อยู่มาก ขอเพียงเขายอมออกปากขอร้อง ท่านอ๋องกว่าครึ่งย่อมเห็นแก่หน้าเขา ต่อให้ฝ่าบาททรงกริ้วเพียงใดก็คงมิอาจลงโทษสถานหนักได้ เสียนเจาไท่เฟยก็พอใจมากเช่นเดียวกัน นางหันมองม่อจิ่งหลีกับองค์หญิงซีสยา ก่อนเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า “ท่านพี่ไทเฮา องค์หญิงซีสยานี้ท่านว่า…”
ไทเฮาขมวดคิ้ว “ข้ากลับไปปรึกษากับฝ่าบาทก่อน ไว้อีกสองสามวันค่อยคิดหาทางรับนางเข้าตำหนักก็แล้วกัน” ที่ไทเฮาพูดเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการปิดปากคุณหญิงทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ องค์หญิงซีสยามีฐานะไม่ธรรมดา นอกเสียจากว่าชีวิตนี้จะไม่ออกไปพบผู้คนอีก มิเช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกแพร่ออกไปอย่างแน่นอน ตอนนี้เมื่อพระนางพูดออกมาเช่นนี้แล้ว คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนฉลาด ย่อมรู้ว่าอันใดควรพูดไม่ควรพูด
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
“ข้าก็ไม่เห็นด้วย!” เสียงผู้หญิงสองคนดังขึ้น เสียงหนึ่งดังมาจากข้างใน เสียงหนึ่งดังมาจากข้างนอก ทำให้ทุกคนต่างอดที่จะอึ้งไปไม่ได้ เสียงที่มาจากข้างในแน่นอนว่าย่อมเป็นเสียงของเยี่ยอิ๋งที่ตอนนี้สีหน้าขาวซีดร่างโงนเงนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ ส่วนเสียงที่มาจากด้านนอกนั้น คือเสียงขององค์หญิงหลิงอวิ๋นที่อยู่ในชุดสีแดงเพลิงอันเย้ายวน ผ้าแดงคลุมศรีษะยังคงตลบอยู่ทางด้านบนไม่ได้คลุมลงมาปิดหน้า ดวงตารีที่มองมาประหนึ่งมีประกายไฟ นางยืนอยู่หน้าประตู เชิดคางขึ้นจ้องมองทุกคนที่อยู่ในโถงดอกไม้ “ข้าไม่เห็นด้วย ตงฉู่ของพวกท่านเลิกคิดที่จะหมิ่นเกียรติข้าเช่นนี้เถิด!” เหลยเถิงเฟิงที่อยู่ข้างกายองค์หญิงหลิงอวิ๋น กวาดตามองทุกคนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก่อนเอ่ยเสียงเย้ยหยันว่า “ไทเฮา ตงฉู่ทำเช่นนี้ไม่รังแกกันเกินไปหน่อยหรือ”
คลื่นแรกยังไม่ทันสงบดี คลื่นที่สองก็ก่อตัวขึ้นมาเสียแล้ว
ยังไม่มีใครทันได้พูดอันใด องค์หญิงหลิงอวิ๋นก็ก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องโถงไปหยุดอยู่ข้างม่อจิ่งหลีและองค์หญิงซีสยา ก่อนตบเข้าไปที่หน้าขององค์หญิงซีสยาอย่างรุนแรงและรวดเร็วท่ามกลางสายตาของทุกคน “นังสารเลว!” ใบหน้าด้านหนึ่งขององค์หญิงซีสยาเป็นรอยแดงขึ้นทันที แม้แต่มุมปากยังมีเลือดไหลซิบออกมาก แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอให้นางหายโกรธ องค์หญิงหลิงอวิ๋นยกมือขึ้นเตรียมจะตบอีกครั้ง แต่ถูกม่อจิ่งหลีคว้ามือไว้ได้ก่อน “เจ้าอาละวาดพอแล้วหรือยัง”
องค์หญิงหลิงอวิ๋นยกยิ้มเยาะขึ้น สะบัดมือม่อจิ่งหลีออกก่อนหัวเราะเยาะ “ต่อให้ข้าอาละวาดอย่างไร ก็คงไม่เท่ากับคนบางคนที่หลอกล่อเจ้าบ่าวในงานของคนอื่นอย่างไร้ยางอายหรอก คนประเภทนี้ยังเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นได้ ทำให้องค์หญิงคนอื่นต้องขายหน้าไปด้วย! ได้ข่าวว่าแต่ก่อนนี้เจ้าก็จับหลีอ๋องไว้ไม่ปล่อย ก่อนหน้านี้เจ้าอยากให้ท่าใครก็เชิญข้าเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ในงานแต่งงานของข้า ก็ถือว่าอยากมีเรื่องกับข้า”
ไทเฮาขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยเสียงขรึมว่า “องค์หญิงหลิงอวิ๋น เรื่องนี้หลีอ๋องกับองค์หญิงซีสยาต่างก็ไม่ผิด ด้วยเพราะถูกคนคิดทำร้าย หากเจ้ามีอันใดไม่พอใจ หลังเสร็จเรื่องข้าให้หลีอ๋องขอโทษเจ้าก็ย่อมได้ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าท่านอ๋องและฮูหยินมากมายเช่นนี้ เจ้าหยุดเอะอะก่อนเถิด” องค์หญิงหลิงอวิ๋นหัวเราะเยาะ ยกมือขึ้นถอดผ้าแดงคลุมศีรษะออกโยนลงกับพื้น “ขอโทษงั้นหรือ ข้าคงรับไว้ไม่ได้! ข้าไม่แต่งแล้ว พวกเจ้าอยากทำอันใดกันก็เชิญ ถึงอย่างไรหากมีนังสารเลวนั่นก็ไม่มีข้า มีข้าก็ไม่มีนาง!” เสียนเจาไท่เฟยกล่าวว่า “เช่นนั้นองค์หญิงต้องการเช่นไร” องค์หญิงหลิงอวิ๋นพูดอย่างงเย่อหยิ่งว่า “ให้หลีอ๋องฆ่านังสารเลวนั่นกับมือ แล้วข้าจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น”
“อะไรนะ!” ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด ม่อจิ่งหลีรีบนำองค์หญิงซีสยาไปไว้ข้างหลังตน พร้อมมองจ้ององค์หญิงหลิงอวิ๋น “เจ้าบ้าไปแล้ว นางเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนานจ้าวนะ”
“แล้วอย่างไร ข้าก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นซีหลิง กับอีแค่แคว้นเล็กๆ ธรรมดาๆ อย่างหนานจ้าว ข้าต้องกลัวนางด้วยหรือ” องค์หญิงหลิงอวิ๋นพูดพร้อมเลิกคิ้วขึ้น
เหลยเถิงเฟิงกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาเยือกเย็น “ดูท่าที่หลิงอวิ๋นพูดจะถูก ตงฉู่ไม่เห็นต้าหลิงของเราอยู่ในสายตา ถ้าเช่นนั้น งานแต่งงานวันนี้ข้าเห็นว่าคงไม่มีความจำเป็นต้องจัดงานต่ออีก หลีอ๋อง ท่านว่าใช่หรือไม่” ม่อจิ่งหลีสีหน้าบึ้งตึงไม่พูดว่าอันใด องค์หญิงหลิงอวิ๋นจึงส่งเสียงเหอะเยาะหยันขึ้นว่า “ท่านพี่ ตอนนี้ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ คนเขาไม่ได้เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลย”
เหลยเถิงเฟิงหันมององค์หญิงหลิงอวิ๋นด้วยแววตาเรียบเฉย “เก็บของ พวกเรากลับกัน รีบเข้าวังไปเข้าทูลลาฮ่องเต้ต้าฉู่ อีกเดี๋ยวพวกเราก็รีบออกเดินทางกลับกันได้”
“เพคะ” องค์หญิงหลิงอวิ๋นปรายตามององค์หญิงซีสยากับม่อจิ่งหลีด้วยสายตาดูแคลน ในดวงตาไม่มีความอายที่จัดงานแต่งงานได้ครึ่งๆ กลางๆ เลยแม้แต่น้อย ดูแล้วนางพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างยิ่ง
“ซื่อจื่อ เรื่องนี้ยังพอปรึกษากันได้ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงกับความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น ซื่อจื่ออย่าได้ใช้อารมณ์ด่วนตัดสินใจไปเลย” ท่านอ๋องผู้เฒ่าถอนหายใจ ก่อนลุกขึ้นช่วยพูดอีกแรง เหลยเถิงเฟิงยังคงพูดนิ่งๆ ว่า “ขอบคุณที่ท่านอ๋องเป็นห่วง เพียงแต่เรื่องนี้ตงฉู่ทำเกินไปจริงๆ ไม่ใช่แคว้นซีหลิงของข้าเสียมารยาทก่อน เชื่อว่าต่อให้เรื่องไปถึงองค์ฮ่องเต้ของตงฉู่ก็คงไม่โทษว่าพวกเราผิด ติ้งอ๋อง ชายาติ้งอ๋อง ขอเชิญท่านช่วยให้ความเห็นอย่างเป็นธรรม ท่านทั้งสองว่าใช่หรือไม่”
เยี่ยหลีนึกแค้นใจที่เหลยเถิงเฟิงลากพวกเขาให้เข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมท่ามกลางสายตาของทุกคน “ซื่อจื่อ เรื่องนี้จริงอยู่ที่หลีอ๋องกับองค์หญิงซีสยามีส่วนผิด เพียงแต่ในเรื่องนี้ยังมีข้อสงสัยอีกหลายเรื่องที่ยังไม่กระจ่างชัด ที่สำคัญกว่านั้นคือ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ความจริงใจที่แคว้นตงฉู่ของพวกเรามีต่อแคว้นของท่านย่อมไม่ใช่สิ่งที่น่าเคลือบแคลงใจ ในส่วนนี้ เชื่อว่าซื่อจื่อเองก็คงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่” ที่พาองค์หญิงหลิงอวิ๋นมาด้วย ไม่ใช่เพราะต้องการสานสัมพันธ์หรอกหรือ ข้าไม่เชื่อจริงๆ ว่าท่านจะตัดใจพานางกลับไปด้วย
ท่านอ๋องผู้เฒ่ามองเยี่ยหลีด้วยสายตาชื่นชม “ชายาติ้งอ๋องกล่าวถูกแล้ว เรื่องที่หลีอ๋องทำผิดต่อองค์หญิงหลิงอวิ๋น พวกเราจะรีบหาทางชดเชยให้อย่างเต็มกำลัง แต่หากเรื่องนี้จะไปกระทบกับสัมพันธไมตรีระหว่างเราสองแคว้น นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดี ขอซื่อจื่อไตร่ตรองให้ดีเถิด”
เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของเหลยเถิงเฟิง องค์หญิงหลิงอวิ๋นถึงกับขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจ “ท่านพี่!”
เหลยเถิงเฟิงปรายตามองนางทีหนึ่ง ก่อนหันไปพูดกับไทเฮาว่า “หลิงอวิ๋นเป็นองค์หญิงที่เสด็จลุงรักเป็นที่สุด เมื่อครั้งอยู่ที่แคว้นก็ไม่มีใครทนเห็นนางถูกรังแกได้ ไม่รู้ว่าตงฉู่คิดจะชดเชยให้หลิงอวิ๋นอย่างไรหรือ” องค์หญิงหลิงอวิ๋นถึงกับอึ้งไป สีหน้ามีแววแห่งความผิดหวัง แต่สายตาเรียบนิ่งของเหลยเถิงเฟิงที่มองมาทำให้นางไม่กล้าเอ่ยปากอันใดอีก
ไทเฮาเอ่ยเสียงขรึมขึ้นว่า “ซื่อจื่อต้องการให้ชดเชยอย่างไรหรือ”
เหลยเถิงเฟิงตาเป็นประกาย เอ่ยเสียงใสขึ้นว่า “ทายาทหลีอ๋อง หลีอ๋องซื่อจื่อในอนาคตจะต้องเกิดจากหลิงอวิ๋น ที่สำคัญที่สุดคือ องค์หญิงซีสยาจะต้องไม่มีตำแหน่งเป็นชายารองหรือตำแหน่งที่สูงกว่าชายารองตลอดชีวิต และจะต้องไม่มีสายเลือดให้กับหลีอ๋องไปตลอดชีวิตเช่นกัน”