Legend of the mythological genes - ตอนที่ 102
เทคนิคการสร้างยาผลึกผง
เทคนิคการสร้างยาตกผลึก!
แฟรงค์กับไอค์มองหน้ากันและรู้สึกตกใจมาก
พวกเขาไม่คาดคิดว่าเฟิงหลินจะทำได้ในครั้งแรก มันเป็นไปได้ยังไง?
แต่เมื่อพวกเขาเห็นผลึกผงในมือเฟิงหลิน พวกเขาก็ต้องเชื่อแม้จะไม่อยากเชื่อก็ตาม
“เทคนิคการสร้างยาตกผลึก มันช่างน่าอัศจรรย์อย่างที่คุณพูดจริงๆ” แฟรงค์ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ผมเองก็ไม่อย่างจะเชื่อเช่นกัน” เฟิงหลินไม่รับประกันอะไรเลย ถ้าเขามั่นใจเกินไปคนอื่นจะต้องสงสัยแน่นอน
“ผ่านการรับรู้ทางจิตของผม ผมสำรวจยาศักดิ์สิทธิ์โบราณและค้นพบว่ามันเกิดขึ้นจากผลึกขนาดเล็กจำนวนมากเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา ผมเชื่อว่าโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์นี้เป็นกุญแจสำคัญในการขังศักยภาพของยา เพราะแบบนี้ ผมจึงสร้างยาตกผลึกเพื่อดูว่าผมสามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ไหม?! “เฟิงหลินลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูด
เขาแสดงความซื่อสัตย์ คำพูดของเขาจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง เขาผสมแนวคิดและเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของคริสตัลที่เขาเคยเห็นมาเป็นผลึกจิ๋ว เขายังไม่ได้เปิดเผยว่านี่เป็นยาวิเศษ ทั้งไอค์และแฟรงค์จะไม่พบช่องโหว่ใดๆในคำพูดของเขา
เฟิงหลินได้รับมรดกการเล่นแร่แปรธาตุจากยาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้แล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะได้รับ เขาอยากพูดอะไรก็ได้
แฟรงค์กับไอค์มองกันทันที แต่พวกเขาไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว
นอกจากความกังวลใจในใจของไอค์แล้ว แฟรงค์มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข เขารู้สึกว่าคำพูดของเฟิงหลินฟังดูสมเหตุสมผลมาก “นี่เป็นแนวความคิดใหม่!”
ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณมีความลึกลับในตำนานที่แก้ไม่ได้มาล้านปี มีนักพันธุศาสตร์และนักวิจัยทางพันธุกรรมจำนวนมากมาทดลอง แต่ไม่มีใครค้นหาอะไรเจอ
เฟิงหลินเป็นเพียงเด็กใหม่ แต่เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยมในครั้งแรกที่เขาสัมผัสยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาประหลาดใจ
ลองนึกภาพถ้าพวกเขารู้ว่าเฟิงหลินก้าวหน้ามากขึ้น และได้รับมรดกเกี่ยวกับเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุ พวกเขาจะมีท่าทางยังไง?
เฮ้ …
เฟิงหลินไม่มีบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
“นี่เป็นแนวคิดใหม่ที่เราไม่เคยค้นคว้ามาก่อน สารเหล่านี้เป็นยาที่สามารถกลั่นได้ไหม?” แฟรงค์จ้องไปที่ผลึกผงในมือของเฟิงหลิน และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ถูกต้องแล้ว ผลึกผงเหล่านี้เกิดขึ้นตอนผมใช้เทคนิคการสร้างผลึกยาเพื่อสร้างอะดรีนาลีนโพแทสเซียม ผมแค่ไม่รู้ว่ามันจะมีผลยังไง” เฟิงหลินตอบนิ่งๆ
ผู้จัดการแฟรงค์หยิบผลึกผงจากเฟิงหลิน และมองดูอย่างละเอียด ดวงตาของเขาจ้องลึกลงไป และหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดอย่างเด็ดขาด “ลองทดสอบดูสิ!”
สำหรับวิธีการทดสอบ คำตอบนั้นง่ายมาก!
พวกเขามีร่างกายมนุษย์เป็นให้ทดลองอยู่แล้ว
แฟรงค์นำพวกเขาสองคนออกจากห้องแล็บปิดผนึก และมาที่ห้องทดลองมนุษย์
“ ฉีดสิ่งนี้เข้าไปในตัวเขา” แฟรงค์สั่งอย่างเย็นชา
นักวิจัยพยักหน้าและฉีดผลึกผงผ่านท่อเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ทดลอง
เฟิงหลินทนความรู้สึกอึดอัดในใจของเขา ไม่ได้เปิดเผยท่าทีอะไร เขาสังเกตเห็นอย่างจริงจังว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลึกผงเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทดลอง มนุษย์ทดลองกลับไม่ขยับและยังคงนอนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และเครื่องมือวัดบนห้องกระจกก็ไม่ได้มีสิ่งผิดปกติใดๆ
แฟรงค์กับไอค์ต่างรู้สึกแปลกใจ
ถ้ามันมีประสิทธิภาพ มนุษย์ทดลองก็ต้องตอบสนองทันทีสิ?
แต่ถ้ามันไม่ได้ผล เมื่อพิจารณาถึงความแรงของยาพันธุกรรม มนุษย์ทดลองนี่ต้องระเบิดไปแล้ว แต่มันกลับไม่เกิดอะไรขึ้น
แม้จะมีประสบการณ์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินเกี่ยวกับยานี้ได้เลย
ติ้ด ติ้ด!
หลังจากผ่านไปห้านาที เส้นโค้งบนเครื่องตรวจการเต้นของหัวใจจากหลอดทดลองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ผู้จัดการ ดูนั่นสิ!” ไอค์สังเกตและเรียกแฟรงค์ให้ดู
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสัญญาณว่าสถานะพลังของมนุษย์ทดลองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มนุษย์ทดลองในหลอดแก้วมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ลืมตาและตวัดตามองทุกคน กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขาบิดตัวขณะที่ตัวเลขแสดงผลว่าพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มนุษย์ทดลองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มีค่าพลังชีวิตเพียง 0.1 แต่สถานะพลังเขากลับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น3.0
เปลือกตาของแฟรงค์และไอค์กำลังกระตุก นี่เป็นสัญญาณว่ามนุษย์ทดลองนี้กำลังปลุกยีนตำนาน และพลังชีวิตเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะมัน
เป็นไปได้ไหมที่หนูทดลองตัวเล็กๆนี้(มนุษย์ทดลอง)จะปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาได้?
ยาผลึกผงนั้นมีประสิทธิภาพจริงๆ!
ที่ผลึกผงไม่มีปฏิกิริยาอะไรก่อนหน้านี้เพราะความแรงของยาถูกขังไว้และตอนนี้มันก็ค่อยๆไหลออกมาช้าๆ
ใบหน้าของมนุษย์ทดลองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขารวบรวมความแข็งแกร่งทั้งหมด กล้ามเนื้อแขนเป็นเหมือนเสา เขาเหวี่ยง ทำลายหลอดแก้วด้วยพละกำลังมหาศาล
หลอดแก้วมีความเหนียวที่ไม่น้อยกว่าโละผสม แต่มันกลับแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยหมัดเดียว
เศษแก้วกระจัดกระจายอยู่รอบ กระจายออกไปทุกทิศทาง เหมือนกระสุน ยิงใส่เหล่านักวิจัย
“แย่แล้ว มนุษย์ทดลองกำลังคลั่ง!”
“รีบจับเขาไว้ อย่าปล่อยให้เขาหนี!”
“นี่เป็นสารยาแบบไหนกัน?”
….
แผนกวิจัยและพัฒนาเกิดความวุ่นวาย นักวิจัยวิ่งหนีกันให้วุ่น
เฟิงหลินอยากทำตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็รีบควบคุมแรงกระตุ้นและแสร้งทำเป็นตกใจ
จิ! จิ! จิ! ….
แสงไฟร้อนแรงยิงเข้ามา ไอค์รวดเร็วมาก เขาหยิงปืนรังสีออกมาและยิงใส่มนุษย์ทดลองทันที
ร่างของมนุษย์ทดลองสว่างวาบ และในวินาทีสุดท้าย เขากลับสามารถหลบรังสีได้ รู้สึกเหมือนเวลาตรงหน้าช้าลง มันสามารถหลบการโจมตีจากปืนรังสีได้
“กระสุนเวลา! เขาปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาแน่นอน!” นักวิจัยในแผนกวิจัยและพัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมทั้งหมด พวกเขาบอกได้ว่ามนุษย์ทดลองนี่ปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาและได้รับความสามารถกระสุนเวลา
จิ จิ จิ!
ท่าทีของไอค์เปลี่ยนไป ยิงปืนรังสีอย่างต่อเนื่อง มนุษย์ทดลองได้เข้าสู่สภาวะกระสุนเวลาและหลบการโจมตีทั้งหมดได้ง่ายๆ ดวงตาแดงก่ำเริ่มจับจ้องแฟรงค์ พวกมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เขาสามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นผู้นำคนเหล่านี้ที่ทำร้ายเขาและพวกพ้องเขา
“ผู้จัดการ ระวัง!” ไอค์ตะโกน
แฟรงค์ยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของเขาไม่ขยับ มือของเขาพลันประสานกันแปลกๆและกดพวกมันลง
บูม!
ทันใดนั้น มันก็เกิดการระเบิดขึ้นในอากศ แรงกดดันไร้รูปร่างที่หนักดั่งขุนเขากดทับลงมาตรงๆ
ผู้คนในแผนกวิจัยไม่ได้เตรียมตัวและถูกกดลงกับพื้นจนจุก แขนขาพวกเขาติดอยู่กับพื้น ไม่อาจขยับได้เลย
ตอนแรกเฟิงหลินเหยียดหลังของเขา ต้องการที่จะรวบรวมพลังและต่อต้านมัน แต่เมื่อเขาเห็นสภาพแวดล้อมของเขา เขาก็ตัดสินใจผ่อนแรงและยอมให้ถูกกดลงกับพื้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนี้ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำตัวโดดเด่น
เฟิงหลินไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาวกับคนเหล่านี้
ตอนแรกมนุษยืทดลองดุร้ายมาก แต่ตอนนี้เขาถูกระงับอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถขยับได้เลย เหมือนลูกแกะที่รอถูกเชือด
หัวใจของเฟิงหลินเต้นกระหน่ำ เขาไม่คิดว่าผู้จัดการแฟรงค์ที่ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปจะเป็นผู้บ่มเพาะด้วย
ความกดดันไร้รูปร่างนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าน้ำหนักของพวกเขาเพิ่มเป็นเท่าทวี!
นี่คือแรงโน้มถ่วง!
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะปลุกยีนแรงโน้มถ่วงขึ้นมา?
เฟิงหลินคาดเดาอย่างเงียบๆ ในขณะที่ความคิดของเขาปั่นอย่างรวดเร็ว
ถ้าในอนาคตเมื่อเขาเจอศัตรูที่ใช้พลังของยีนแรงโน้มถ่วงนี้กับเขา เขาจะต้องป้องกันมันได้อย่างไร?
ตอนนี้ผู้จัดการแฟรงค์ยังคงยืนหยัดไม่ขยับเขยื้อน แต่เขาก็ทำให้มนุษย์ทดลองสงบลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความกลัวและเคารพบนใบหน้าของทุกคน
“จับเขาไว้ เขาคือตัวอย่างที่มีค่า!” แฟรงค์สั่งอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “หลังจากทดลองยาผลึกผง การทดลองปกติจนถึงปัจจุบัน ไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับมันเลย ไม่เพียงแค่นั้น มันยังปลุกยีนอะดรีนาลีนขึ้นมาอีกด้วย ดังนั้นเราต้องศึกษาและบันทึกทั้งหมด ข้อมูลนี่อาจเป็นกุญแจสำคัญที่เราจะไขความลับของยาศักดิ์สิทธิ์โบราณได้ “
เมื่อเห็นว่าการทดลองจบลง นักวิจัยที่วิ่งหนีก่อนหน้านี้ทุกคนต่างมีรอยยิ้มอันตรายบนใบหน้า พวกเขาดูเหมือนฝูงหมาป่าและฝูงเสือที่กำลังจ้องเหยื่อ
มนุษย์ทดลองตาแดงก่ำและจ้องเขม็งที่แฟรงค์อย่างอาฆาต ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความลังเลและความโกรธแค้น แต่ทันใดนั้นอารมณ์บนใบหน้าของมันก็เปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว มันอ้าปากกว้างแล้วสูดลมหายใจแรง และร่างของมันก็พองเหมือนบอลลูนจนถึงขีดจำกัด กลายเป็นเลือดและเนื้อกระจายเต็มไปหมด
นักวิจัยหลบไม่ทันและตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวชเพราะพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดและเนื้อของมนุษย์ทดลอง
มันล้มเหลว!
เมื่อไอค์ที่อยู่ข้างๆเห็นภาพนี้ ในใจของเขาก็สงบลง
การที่เฟิงหลินสามารถค้นพบเทคนิคการสร้างผลึกยาได้โดยการค้นคว้ายาโบราณและประสบความสำเร็จอย่างมากทำให้เขารู้สึกกดดันมาก
ถ้าเฟิงหลินยังคงพัฒนาต่อ เขาจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฟิงหลินเข้าสักวัน
ไม่ว่าเขาจะรู้สึกดีต่อเฟิงหลินมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องแข่งขันเพื่อผลประโยชน์ ความปรารถนาดีทั้งหมดของเขาก็หายไป
เขามองเฟิงหลินอย่างเย็นชา ไร้อารมณ์ ภาพความล้มเหลวนี้ทำให้เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ทดลองระเบิด เป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่สามารถทนต่อความแรงของยาได้ นี่หมายความว่าถึงแม้เทคนิคการสร้างผลึกยานั้นจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ล้มเหลวก็คือล้มเหลว เด็กเหลือขอนี่ไม่สามารถคุกคามตำแหน่งของเขาได้
อย่างไรก็ตาม คำที่แฟรงค์พูดต่อมาก็ทำให้ทีท่าของเขาเปลี่ยนไป
จริงที่ผลึกผงล้มเหลว แต่แฟรงค์ก็เห็นความเป็นไปได้สูงมากว่ามันจะประสบความสำเร็จในอนาคต แฟรงค์ตัดสินใจในทันที เขาหันไปมองเฟิงหลินและประกาศอย่างเคร่งขรึม
“เฟิงหลิน ผมจะแต่งตั้งคุณให้เป็นหัวหน้าคนใหม่ของหน่วยงานวิจัย ภารกิจของคุณคือการทำให้ยาผลึกผงสมบูรณ์ที่สุด!”