Legend of the mythological genes - ตอนที่ 106
การถ่ายทอดยาพันธุกรรมมาจากภูมิภาคตะวันตกของยุคโลกโบราณ เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นระบบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการเล่นแร่แปรธาตุ
ความรู้ที่แตกต่างกันเหมือนอยู่คนละโลก!
ยาพันธุกรรมคือวิธีทางวิทยาศาสตร์ ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่หลากหลายเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมยาที่แตกต่างกันสามารถผสมเข้าด้วยกันได้ ทำให้อนุภาควิญญาณมีบทบาทและสร้างประสิทธิภาพที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามการเล่นแร่แปรธาตุแตกต่างกัน
จีนโบราณมักพูดถึงมนุษย์และสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีความรู้สึก รวมถึงหญ้าและต้นไม้ ต่างล้วนเป็นผลผลิตจากธรรมชาติทั้งหมด
การเล่นแร่แปรธาตุเป็นเทคนิคการสร้างชนิดหนึ่งที่วิวัฒนาการมาจากเทคนิคการกลั่นยาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างชีวิตได้
ยาเม็ดมีรูปร่างเป็นวงกลมหมายถึงเอกภาพของทุกสิ่ง เป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลด้วยความลึกลับไม่สิ้นสุด
ยาเม็ดแต่ละเม็ดถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
และหากใครต้องการสร้างยาวิเศษ นอกเหนือจากความชำนาญในการเล่นแร่แปรธาตุก็ยังต้องใช้เตาหลอมยาด้วยเช่นกัน
เตาหลอมมีสาม ‘ขา’ สอง’หู’และแปดหลุม สอง’หู’แทนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ‘ขา’ ทั้งสามแสดงถึงสวรรค์ โลกและมนุษย์ สำหรับแปดหลุมหมายถึงแปดทิศทาง เตาหลอมยานั้นแยกจากกันด้วยเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบพิเศษ ยาเม็ดที่สร้างขึ้นจะได้รับโชคของฟ้าดิน กลายเป็นยาวิเศษที่ ‘มีชีวิต’ บรรลุผลอันศักดิ์สิทธิ์
แต่ถึงแม้จะอยู่ในยุคการบ่มเพาะโบราณบนโลก เตาหลอมยาเม็ดก็ถือว่าเป็นสมบัติที่หายาก นอกจากนี้นี่คือยุคระหว่างดวงดาวแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เขาจะหาเตาหลอมยาได้จากที่ไหน?
ถ้าไม่มีเตาหลอมยาก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเฟิงหลินจะชำนาญการเล่นแร่แปรธาตุแค่ไหน มันก็ไม่ต่างอะไรกับวิชาสังหารมังกร ที่ไม่มีมังกรให้เข่นฆ่า(เปรียบเปรย)
เฟิงหลินรู้สึกสิ้นหวัง เขาพยายามที่จะลดความซับซ้อนของเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุห ลอมรวมความรู้ด้านการเล่นแร่แปรธาตุและการปรุงยาพันธุกรรมเข้าด้วยกัน ในขณะที่เขาพัฒนาการสร้างยาผลึกผง
ก่อนหน้านี้ในระหว่างทดลองครั้งแรก เขาสนุกกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ ซึ่งหมายความว่าเส้นทางนี้มีโอกาสสำเร็จในอนาคต
การใช้การเล่นแร่แปรธาตุปรับแต่งยาพันธุกรรมก็เหมือนกับการใช้วิชาสังหารมังกรมาสังหารงู เหมือนการใช้ค้อนทุบถั่ว แต่อย่างน้อยที่สุดเขาควรจะทำอะไรสำเร็จบ้าง
เฟิงหลินไม่คิดว่ามันเสียเวลา
หากเขาสามารถทำให้เทคนิคการสร้างยาผลึกผงได้ผลจริงๆ เขาอาจสามารถสร้างวิธีสร้างยาพันธุกรรมที่เป็นของเขาคนเดียว อนาคตเขาในฐานะผู้บ่มเพาะจะต้องไร้ขอบเขต
เฟิงหลินเริ่มทำการทดลอง ในขณะที่นักวิจัยคนอื่นๆก็ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างยาผลึกผง
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะในเรื่องการปรุงแต่งยาพันธุกรรม แต่เฟิงหลินก็ไม่ได้กังวลอะไร
แม้แต่เขาที่เป็นคนคิดค้นเทคนิคการสร้างยาผลึกผงยังทำไม่สำเร็จ คนพวกนั้นจะทำสำเร็จได้ยังไง?
ต่อให้พวกเขามีความสามารถจริงๆ พวกเขาก็คงใช้เวลานานในการถอดความลับของยาโบราณ
พวกเขายังคงตามหลังเฟิงหลิน ทำการวิจัยเทคนิคการสร้างยาผลึกผงที่เขาเป็นคนคิด
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความสามารถ!
เทียบกับเขาที่รู้ความลับของการเล่นแร่แปรธาตุ เฟิงหลินเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะทำให้เทคนิคการสร้างยาผลึกผงสมบูรณ์แบบได้
นี่คือความจริงที่แน่นอน
เมื่อเขานึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ของเขากับเทคนิคการสร้างยาผลึกผง เฟิงหลินก็ค่อยๆทำทีละขั้นตอน หลอมรวมหลักการเล่นแร่แปรธาตุลงไป เขาต้องการเพียงประสบการณ์ระหว่างทดลอง
แต่เมื่อเขามองไปที่นักวิจัยมนุษย์ไข่เหล่านี้ เฟิงหลินก็ปกปิดสิ่งที่เขาทำ
ถ้าเขาดึงเอาเทคนิคการสร้างยาผลึกผงไม่ได้ เขาจะไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ไข่พวกนี้
เฟิงหลินรู้สึกว่าเงินเดิมพันสูงเกินไป เขาอยากออกไปที่นี่เงียบๆหากเป็นไปได้
ตอนนี้เขาได้รับเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุจากยาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ตราบใดที่เขาเพิ่มพูนความรู้ มันไม่เป็นปัญหาอะไรกับการที่เขาจะกลายเป็นนักพันธุศาสตร์ ในความเป็นจริงมันเกินพอสำหรับเขาที่จะกลายเป็นนักพันธุศาสตร์แล้ว เป้าหมายของเขาในการเข้าร่วมบริษัทยาไจแอนท์บรรลุเกินคาด เฟิงหลินไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อในที่ๆเต็มไปด้วยความลับและความอันตราย
แต่ตอนนี้เขาได้เข้าสู่แผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์แล้ว มันไม่ง่ายที่เขาจะหนี ตอนนี้เฟิงหลินจึงตัดสินใจที่จะอยู่ไปก่อนและรอโอกาสที่เหมาะสม
ในชั่วพริบตา มันก็ผ่านไปห้าถึงหกวัน ห้องปฏิบัติการใต้ดินนี้เดิมเป็นแผนกลับอยู่แล้วและตั้งแต่เฟิงหลินกลายเป็นหัวหน้าคนใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เขาได้รับก็แตกต่างไปจากเดิม
ที่ที่เฟิงหลินพักอยู่ ณ ตอนนี้ถือว่าหรูหราสุด มีห้องบ่มเพาะที่ทันสมัยที่สุดและอุปกรณ์และเครื่องมือไฮเทคทุกประเภท
เฟิงหลินยังสามารถวัดข้อมูลของเขาได้อย่างแม่นยำ แรงหมัดของเขาคือ 7.8 ตัน ความเร็วของเขาคือ 1.98 วินาทีต่อร้อยเมตรแล้ว
นอกจากนี้ ทรัพยากรการบ่มเพาะที่บริษัทไจแอนท์มอบให้เขาทุกวันก็แตกต่างเช่นกัน พวกเขาให้ยาแห่งชีวิตระดับสูงเกรดสมบูรณ์
เฟิงหลินรู้สึกถึงความแตกต่างทันทีที่เขาดื่ม เปลี่ยนพลังงานเป็นชี่ ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
น่าเศร้าที่ตอนนี้เขาเข้าสู่แผนกหลักของบริษัทยาไจแอนท์แล้ว และการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาล้วนถูกเฝ้าดูอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอกเพื่อดูดซับพลังงานของดวงดาวเพื่อปลุกยีนวิญญาณของเขา
เฟิงหลินใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อทำให้ร่างกายของเขาเย็นลง ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขากลับคืนมาเป็น 701% และสถานะพลังของเขาตอนนี้สูงถึง 23.2
ก่อนหน้านี้เขาได้เพิ่มศักยภาพทางพันธุกรรม 300% ให้กับยีนลิงหิน ตอนนี้เฟิงหลินเพิ่มอีก 700% ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาตอนนี้จึงเหลือแค่ 1%
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างก็คือยีนลิงหินของเขาซึ่งในตอนแรกมีความแข็งแกร่งแค่1ได้กลายเป็น2
เฟิงหลินรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นและกระแสความอบอุ่นก็ออกมาจากส่วนลึกของไขกระดูก ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในน้ำพุร้อน เนื่องจากทุกส่วนของร่างกายได้รับการพัฒนา เขาจึงรู้สึกเหมือนตอนนี้ร่างของเขาถูกสร้างขึ้นจากแท่งเหล็กเสริม แม้ว่าเขาจะดูเพรียวบาง แต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังงานที่พร้อมจะระเบิด
ชี่และเลือดของเขากำลังเดือดเหมือนลาวาที่ปั่นป่วน
เฟิงหลินใช้พลังจิตของเขาในการสำรวจร่างกาย ทำให้เขามองเห็น’ภายใน’ เขาค้นพบว่าเส้นเอ็นและเส้นใยกล้ามเนื้อทั้งหมดของเขานั้นเหนียวเหมือนลวดเหล็ก
กระดูกของเขาเปล่งประกายสีคล้ายหยก
นี่คือร่างหินที่มีกระดูกเหล็กจริงๆ
ผิวของเขานั้นแข็งเหมือนหยกและหิน เมื่อเขาสะบัดนิ้วจะได้ยินเสียงการสั่นสะเทือนในอากาศ นอกจากนี้เขายังสามารถต้านรับดาบและหอกได้อีกด้วย
สิ่งที่ยากกว่าคือเฟิงหลินพบว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเขาไม่มีรอยร้าว ไร้ข้อบกพร่องใดๆ ร่างกายทั้งหมดของเขาเหมือนภาชนะที่ปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการโจมตีจากพลังงานใด ที่จะซึมเข้าไปได้
ยีนลิงหิน : กายหินและกระดูกเหล็ก ความแข็งแกร่งไร้สิ้นสุด ดาบและหอกไม่สามารถทะลุผ่าน ทนต่อไฟและน้ำ
เมื่อเขาเสริมความแข็งแกร่ง ความสามารถทั้งสี่นี้ก็ได้รับการเสริมแกร่งขึ้น
เขาคาดว่าถ้าเขายังคงเพิ่มความแข็งแกร่ง ความสามารถเหล่านี้จะได้รับการขยายจนถึงขีดจำกัด
ในขณะนี้สถานะพลังของเฟิงหลินสูงถึง 32.4แล้ว
ตามที่คาดไว้จากยีนแรกเริ่มขั้นผันแปร ทุกๆจุดที่เพิ่มเข้ามานั้น สถานะพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า
พลังที่เพิ่มขึ้นของเขาตอนนี้ถูกคำนวณโดย1หน่วย ไม่ใช่ 0.1 อีกต่อไปและในหนึ่งลมหายใจ มันก็เพิ่มขึ้นถึง9.2
แต่น่าเศร้าที่การได้รับศักยภาพพันธุกรรมนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเขาไตร่ตรองว่าจะทำอย่างไร คำตอบที่ไม่คาดคิดก็ผุดขึ้น
และนั่นก็คือ … รับสินบน!
ตอนนี้เขากลายเป็นหัวหน้าของห้องปฏิบัติการใต้ดิน ส่วนผสมทางยาและน้ำยาที่เขาต้องการทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ให้ไม่จำกัด เฟินหลินสามารถใช้มากเท่าที่เขาต้องการได้ภายใต้ข้ออ้างการวิจัยและบริโภคเอง เพียงเขาปรับปรุงยาผลึกผงเพียงเล็กน้อย มนุษย์ไข่เหล่านี้ก็เต็มไปด้วยความชื่นชมไม่มีใครสงสัย
เฟิงหลินใช้ยาที่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มสูงขึ้น
สิบวันผ่านไป เฟิงหลินสะสมศักยภาพทางพันธุกรรมเพียงพอ ได้รับจุดพันธุกรรมเพิ่มอีกหนึ่งจุดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีนลิงหิน ทำให้ความสามารถของเขาแข็งแกร่งขึ้นอีก ตอนนี้สถานะพลังของเขามากถึง41.4 เพิ่มขึ้น 9.0 เท่านั้น
ท้ายที่สุดร่างกายของคนเราถูกจำกัดเพื่อสร้างความต้านทาน ถ้าหากใครกินยาเป็นเวลานานผลจะไม่ดี และหากสิ่งต่างๆดำเนินต่อไป ยาอาจไม่มีผลอะไรอีกต่อไป
ในช่วงเวลาสั้นๆก็ผ่านไปถึงสัปดาห์ ความแข็งแกร่งของเฟิงหลินเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งจุด แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในภายนอก
นี่เป็นจุดที่น่ากลัวในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีน ถ้าเขามีศักยภาพทางพันธุกรรมเพียงพอ เขาจะสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันที่ผ่านไป เฟิงหลินปิดบังทุกอย่างไว้เงียบๆ ในบางครั้งเขาจะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเล็กน้อยในเทคนิคการสร้างยาผลึกผง แสดงให้คนที่เฝ้าดูเขาอยู่ว่าเขาไม่ได้ทำงานเล่นๆ
ในขณะเดียวกันการบ่มเพาะของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ศักยภาพทางพันธุกรรมในร่างกายของเขาสูงจนเกือบถึง 1,000%
ตอนนี้เขากำลังรอโอกาสที่จะออกจากบริษัทไจแอนท์เงียบๆ
และในวันนี้ที่เขากำลังยุ่งอยู่ในห้องทดลอง จู่ๆพื้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เฟิงหลินมองไปที่ต้นตอของการสั่น เขาตกใจเมื่อเห็นแกนกลางของดาวอังคารหมุนอย่างรวดเร็ว คลื่นความร้อนปกคลุมอยู่บริเวณนั้น ราวกับมีสิ่งมีชีวิตตื่นขึ้นดูเหมือนว่าจะต้องการออกจากกรงที่ขังมันอยู่
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงเตือนในห้องปฏิบัติการใต้ดินดังขึ้นทันที
ทหารจำนวนหนึ่งจากบริษัทยาไจแอนท์เดินไปสู่แกนกลางของดาวอังคาร เงาของพวกเขาค่อยๆหายไป จริงๆแล้วมันมีพื้นที่ลับภายในแกนอีก!
“นั่นคืออะไร” เฟิงหลินถามผู้ช่วยของเขา
มนุษย์ไข่ญี่ปุ่นที่ชื่อมัตสึชิตะ โอนิจินโค้งคำนับ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชาที่พยายามประจบเจ้านาย เขาอธิบายให้เฟิงหลินฟัง”สถานที่นั้นคือส่วนต้องห้ามสุดของบริษัทยาเรา สถานที่แห่งประวัติศาสตร์!”