Legend of the mythological genes - ตอนที่ 143
ชายร่างผอมคนนั้นเข้าสู่สภาวะงูจำศีล สติมีเหลือเพียงน้อยนิด
หลังจากได้ยินคำพูดของเฟิงหลิน หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธสติของเขาใกล้จะระเบิดออกมาเกือบส่งผลต่อสภาพจิตใจ
เขารีบระงับความคิด หากสติของเขากลับสู่ภาวะปกติ เฟิงหลินจะมีโอกาสสะกดจิตเขา
ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามของเฟิงหลินทั้งหมดแพ้เพราะอะไร
เขาไม่ต้องการที่จะเดินลงไปแบบนั้น
ช่างเป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ เขาตั้งใจพูดอย่างนั้นเพื่อให้ฉันขาดสมาธิ เขาแน่ใจว่าเฟิงหลินกำลังทำสิ่งนี้เพื่อขัดขวางสภาพจิตใจของเขา
“นายคิดถูก แต่ฉันไม่ได้โกหก” เฟิงหลินยิ้มราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความคิดของคู่ต่อสู้ นิ้วหนึ่งของเขาโบกไปทางซ้ายและขวา “เพื่อจัดการกับนาย ฉันใช้แค่นิ้วเดียวเท่านั้น นั่นเพียงพอแล้ว “
“โอหัง!” ชายร่างผอมพูดอย่างเยือกเย็น เขาใกล้จะขีดจำกัดของผู้บ่มเพาะฝึกหัดและถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในตระกูล เขาต้องการเพียงอีกก้าวเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวที่เหมือนเฟิงหลี่และเฟิงจินเผิง
เขารู้สึกว่าแม้ว่าเฟิงหลินจะเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว นั่นก็อวดดีเกินไปที่จะล้มเขาด้วยนิ้วเดียว
เมื่อเขาสังเกตเห็นความคิดของเฟิงหลิน ความสุขก็ปรากฏขึ้นในใจของชายร่างผอม ฉันจะทำให้แกเสียใจที่ประมาทฉัน!
จากนี้ไป ฉันจะกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในตระกูลที่เอาชนะผู้บ่มเพาะดวงดาวในระดับผู้บ่มเพาะฝึกหัด!
มันเหมือนกับว่าเขาเห็นฉากที่เขาเหยียบย่ำเฟิงหลิน เกล็ดสีดำมันวาวดูเหนียวและทนทานปรากฏอยู่รอบตัวเขา ฝ่ามือประกบเข้าหากันแล้วเปิดอีกครั้งเหมือนกระเพาะงูยักษ์ ขยายไปจนถึงความกว้างสูงสุดและส่งเสียงร้อง รีบฉกเข้าหาเฟิงหลินและต้องการกลืนกินเฟิงหลินทั้งตัว
หัตถ์อสรพิษ!
ฟ่อ!
เนื่องจากเฟิงหลินพูดว่าเขาจะใช้เพียงนิ้วเดียว เขาย่อมไม่ใช้นิ้วที่สอง
นิ้วของเขาเหมือนดาบพุ่งผ่านอากาศปิดกั้นหัตถ์อสรพิษไว้
“ อะไรกัน?” ชายร่างผอมตกใจเขารู้สึกว่านิ้วจิ๋วของเฟิงหลินดูเหมือนว่าจะมีน้ำหนักเท่าภูเขาที่หนักจนไม่สามารถขยับได้ แม้จะใช้กำลังทั้งหมดก็ไม่สามารถบังคับนิ้วของเฟิงหลินด้
“เฟิงหลี่ ชนะ. เวลาที่ใช้: 35 วินาที!”
“เฟิงจินเผิง ชนะ เวลาที่ใช้: 28 วินาที!”
….
เสียงปัญญาประดิษฐ์ดังออกมาจากลาน เฟิงหลินจ้องไปยังคู่ต่อสู้ที่กำลังรับมือกับนิ้วของเขา แต่เมื่อเขาได้ยินประกาศ เขาก็หันไปมอง
จนถึงตอนนี้คู่ต่อสู้ที่เขาเจอนั้นอ่อนแอเกินไปจริงๆ
หากไม่เคยสัมผัสกับความกว้างใหญ่ของจักรวาล พวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่าโลกใบนี้เล็กแค่ไหน
หลังผ่านประสบการณ์ เขาก็เปลี่ยนไป มันยากที่จะหาคนที่สามารถต่อต้านเขาได้ในตระกูลเล็กๆบนดาวโลก
เขาหวังว่าเมื่อเขาพบอัจฉริยะที่แท้จริงของตระกูลอย่างเฟิงหลี่และเฟิงจินเผิง พวกเขาจะสามารถทำให้เขากดดันได้
ความมุ่งมั่นที่จะออกจากระบบสุริยะเติบโตแข็งแกร่งในหัวใจของเฟิงหลิน
แม้ว่าระบบสุริยะจะถือเป็นจุดกำเนิดของมนุษยชาติ แต่เพราะมนุษย์ได้พัฒนาทุกหนทุกแห่ง รากฐานของระบบสุริยะจักรวาลจึงหมดไปและทรัพยากรธรรมชาติที่นี่ก็เกือบจะหมดลง เกือบจะกลายเป็นดินแดนที่ปราศจากทรัพยากรใดๆเลย สำหรับมนุษย์ มันเป็นเพียงแค่สัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีจุดประสงค์อื่น
ระบบสุริยะจักรวาลกลายเป็นพื้นที่อวกาศย้อนหลังที่สุดในอวกาศระหว่างดวงดาว
เฟิงหลินที่มีความรู้ในตำนานและสมการทางพันธุกรรม มีอนาคตที่สดใสอย่างไร้ขอบเขต สำหรับเขาระบบสุริยะจักรวาลมีขนาดเล็กเกินไปจริงๆ
ท้องฟ้าแจ่มใสไร้ขอบเขตเท่านั้นที่จะเป็นเวทีที่เขาสามารถแสดงความกล้าหาญที่แท้จริงของเขาได้
ฉากต่อหน้าเขาตอนนี้สามารถพิสูจน์เรื่องทั้งหมดนี้ได้
ครั้งหนึ่งสถานะของเขาเคยอยู่ในระดับต่ำมากในตระกูล แต่หลังจากที่เขาได้ไปเสี่ยงชีวิตที่อื่นมา สถานะของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นโรงเรียนอนุบาลและเขากำลังกลั่นแกล้งเด็กที่ไม่มีทางสู้ มันน่าเบื่ออย่างมาก
ไม่มีความรู้สึกพอใจเลย
เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินถูกเบนความสนใจ ชายร่างผอมก็รู้สึกอัปยศและโกรธมาก เฟินหลินหยิ่งเกินไป
วิชาสังหาร มังกรอสรพิษขด!
ร่างกายของเขาเหมือนงูหลามบิดเป็นเกลียว ต้องการที่จะรัดเฟิงหลินไม่ให้เคลื่อนไหว
อะไร?
เฟิงหลินรู้สึกถึงเงาดำที่กระโจนหาเขา เขาจึงตอบสนองโดยการดีดนิ้วเขาออกไป
ชายร่างผอมกรีดร้องทันที ร่างของเขาถูกเหวี่ยงไปข้างหลัง กระแทกลงบนพื้น ไม่ขยับเหมือนงูที่ตายแล้ว
เมื่อเห็นสภาพอันน่าเวทนาของคู่ต่อสู้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แกมีค่าแค่นิ้วเดียวเท่านั้น
“อะไรกัน?เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งด้วยนิ้วเดียว”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาจัดการคู่ต่อสู้ด้วยการเหลือบมอง ทุกคนก็รู้ว่ามันเป็นเพราะการสะกดจิตของเขา
แต่ตอนนี้ที่เฟิงหลินต่อสู้จริงๆ ทุกคนสามารถเห็นความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างชัดเจน
ใช้นิ้วเดียวเพื่อเอาชนะคนที่กำลังจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว?
เฟิงหลินไม่มีทางเป็นคนธรรมดาเหมือนผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวทั่วไป เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจากอาณาจักรเดียวกัน
เมื่อเห็นการต่อสู้ของเฟิงหลิน การแสดงออกของอัจฉริยะจากตระกูลเช่นเฟิงหลี่และเฟิงจินเผิงก็เคร่งขรึมขึ้น พวกเขามองเฟิงหลินเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
“อ้า?” ชายหนุ่มรูปหล่อซึ่งนั่งอยู่ข้างๆหัวหน้าตระกูลรู้สึกงุนงง ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินเฟิงหลินผิดไป
เขารู้สึกว่าเฟิงหลินต้องปลุกยีนจิตและควรเดินบนเส้นทางของผู้บ่มเพาะวิญญาณ แต่ร่างกายของเขากลับแข็งแกร่งจนถึงระดับนี้ ความสนใจในตัวเฟิงหลินค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น
อัจฉริยะที่ทรงพลังอีกคนปรากฏตัวในตระกูลและโอกาสคนที่จะสอบผ่านเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยระหว่างดวงดาวก็เพิ่มสูงขึ้น ผู้นำตระกูลมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
สิ่งที่ทำให้ปวดหัวคือหลังจากที่เขาดูบันทึกการเติบโตของเฟิงหลิน เขารู้ว่าตั้งแต่สมัยที่เฟิงหลินยังเป็นเด็กมาจนถึงตอนนี้ เฟิงหลินไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆจากตระกูลมาก่อน ถูกรังแกและทรมานมามาก
นอกจากนี้เขายังเห็นความขัดแย้งระหว่างเฟิงหลินและหัวหน้าพ่อบ้าน!
นี่นับเป็นปัญหา
สำหรับอัจฉริยะเช่นนี้ หากเขาไม่มีความรู้สึกว่าเป็นสมาชิกของตระกูล มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลเฟิง
เขาต้องคิดถึงวิธีที่จะใช้กับเฟิงหลิน!
ผู้นำตระกูลเหลือบมองไปยังพ่อแม่ของเฟิงหลินและน้องๆของเขา มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ามีอายุของเขาทันใดนั้นเขาก็คิดได้
… …
เฟิงหลินไม่สนใจความคิดของคนในตระกูลเลย
สำหรับการต่อสู้ถัดไป เขาสะกดข่มศัตรูต่อ จัดการโดยใช้พลังงานจิตหรือล้มด้วยนิ้วเดียว ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครต่อต้านเขาได้
นี่คือข้อได้เปรียบของยีนลิงหิน
หากใครอ่อนแอกว่าเขา การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจะไม่ส่งผลเลย
ทุกเทคนิคล้วนไร้ประโยชน์ ต่อให้เขาจะยืนไม่ขยับ พวกเขาก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้
ตรงกันข้าม เฟิงหลินแค่ต้องใช้นิ้วเดียวหรือพลังงานจิตเขาและเขาก็จะสามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องออกแรงเลย
ไม่เพียงผู้คนจะพูดไม่ออกตอนเห็น แต่ตัวเฟิงหลินยังรู้สึกเบื่อ
เมื่อเห็นเฟิงหลินแสดงพลังเขา มันก็ไม่มีใครมองเขาด้วยความดูถูกอีก พ่อแม่เขาแข็งทื่อ นี่เป็นลูกชายเขาจริงๆ?
ตอนนี้ พวกเขายังสงสัยว่ามีคนสับเปลี่ยนลูกเขาเป็นอัจฉริยะผู้นี้
อีกด้าน เฟิงเฉิงและเฟิงซินกลับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ภาพของพี่ชายพวกเขากลายเป็นสูงขึ้นในหัวใจพวกเขา กลายเป็นแบบอย่าง
และตอนนี้บนลานประลอง เฟิงหลินได้พบกับคู่ต่อสู้ใหม่อีกครั้งและคู่ต่อสู้รายนี้ก็ทำให้เขาสนใจ
หลังผ่านมาครึ่งวัน มันก็ไม่เหลือพวกอ่อนแออีก
ครั้งนี้ คู่ต่อสู้เขาคือผู้บ่มเพาะดวงดาว ใบหน้าคู่ต่อสู้เขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเขาก็สวมถุงมือต่อสู้ ดูเหมือนจะเป็นนักมวยปล้ำมากประสบการณ์ กลิ่นอายเขาค่อนข้างคุกคามและสถานะพลังเขาก็อยู่ที่30กว่า
สำหรับคู่ต่อสู้รายนี้ เฟิงหลินสามารถเล่นด้วยได้หน่อย
หากไม่ เขาคงหลับไปจากความเบื่อ
โดยไม่ตระหนัก การแข่งขันตระกูลที่มักรุนแรงกลับเปลี่ยนไปเมื่อเฟิงหลินเข้าร่วม…