Legend of the mythological genes - ตอนที่ 185
หัวชี้ลงขาชี้ฟ้า!
เฟิงหลินพลิกในอากาศในขณะที่กระโจนพรวดลงไปด้วยหมัดที่เหมือนค้อน ด้วยแรงกดดันอย่างดุเดือดราวกับว่าเขากำลังจะชนโลกทั้งใบทำให้ภูเขาพังทลายลงมา
เมื่อเผชิญหน้ากับลมที่รุนแรงจากหมัด ผู้บ่มเพาะดวงดาวก็เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากแรงกระแทกและสายตาของเขาก็ตกใจมาก
หมัดนี่ช่างรุนแรง!
ไม่มีทางหลบได้เลย!
นี่คือการเอาชนะด้วยความแข็งแกร่งเพียวๆและไม่เกี่ยวข้องกับเทคนิคเพ้อฝัน อย่างไรก็ตามยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งป้องกันได้ยากขึ้นเท่านั้น
การเคลื่อนไหวนั้นดูเรียบง่ายราวกับว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีช่องโหว่เช่นกัน
นี่คือพลังที่แท้จริง
บุคคลที่มีความแข็งแกร่งสามารถเอาชนะคนสิบคนที่รู้จักศิลปะการต่อสู้ได้!
วิธีเดียวที่จะหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงมากมายคือพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีวิธีอื่น
“บัดซบ! อย่ามาหยามฉัน!” ดวงตาของผู้บ่มเพาะเต็มไปด้วยความโกรธและความแข็งแกร่งในร่างเขาก็พวยพุ่งเหมือนคลื่น
เสือดาวระเบิดฟ้า!
เขากระโจนขึ้นและหุบหัวตัวเองเหมือนเสือโคร่งโตเต็มวัยกำลังพุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์ ราวกับว่าเขากำลังจะทุบทำลายทุกสิ่ง
หมัดทั้งสองข้างบดขยี้กับหัว
ร่างกายของเฟิงหลินกระเด็นกลับทันที เขาตีลังกาไปหลายสิบตลบกว่าจะปรับสมดุลได้
ในทางกลับกัน สิ่งต่า ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้บ่มเพาะดวงดาวเช่นกัน ร่างเขาพุ่งตกลงมาเหมือนอุกกาบาตกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรงและจมลงไปในนั้น เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการคลานออกมา แต่ดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็กลายเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่
พลังของเฟิงหลินนั้นแข็งแกร่งมาก สถานะพลังเขาคือ90 ในช่วงเวลานี้ผู้บ่มเพาะดวงดาวรู้ดีว่าเขาต้องนำไพ่ตายออกมาใช้
หลังจากประเมินสถานการณ์และยอมรับว่าเขาเสียเปรียบ เขาก็รู้ว่าเขาจะแพ้แน่ๆถ้าเขาไม่เปลี่ยนกลยุทธ์
เขากัดฟันไม่เต็มใจที่จะพ่ายแพ้เช่นนั้นและตัดสินใจใช้
กายอสุราเลือดอสูร!
จิตอาฆาตถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและเปล่งแสงสีแดงดุจปีศาจ บรรยากาศปกคลุมไปด้วยความโหดเหี้ยม อาฆาตช
เฟิงหลินยกมือขึ้นป้องกันทันที เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก!
ปึก!
ร่างกายของผู้บ่มเพาะดวงดาวขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาสูงถึงสามเมตรภายในเวลาเพียงชั่วขณะ เส้นเลือดดำเขียวปูดขึ้นมาทั่วร่างกายราวกับว่ามีโซ่หลายเส้นพันกันอยู่ ใบหน้าของเขาดุร้ายและบิดเบี้ยวน่ากลัวมาก เขากลายเป็นอสูรที่คลานออกมาจากนรก ปล่อยจิตสังหารที่พร้อมเข่นฆ่าทุกสิ่งมีชีวิต
ดวงตาของเฟิงหลินหดตัวอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่าผู้บ่มเพาะดวงดาวใช้วิธีนี้เพื่อที่จะระเบิดพลัง แต่ย่อมมีผลกระทบรุนแรงหลังจากนั้น
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องไม่หยุดเช่นกัน!
ร่างกายของเฟิงหลินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขากระตุ้นยีนลิงหินอย่างเต็มที่ กลายร่างเป็นหยก
กรงเล็บมังกรวัชระ
มือของเขากางเป็นกรงเล็บมังกร เขาฟาดศอก กระแทกด้วยไหล่ เตะด้วยขา… ทุกส่วนในร่างกายกลายเป็นอาวุธที่สามารถทำลายทุกสิ่งได้ มือของเขากางเป็นกรงเล็บแหลมคมยื่นออกไปที่คอของคู่ต่อสู้
ผู้บ่มเพาะใช้รูปแบบของอสุรา ดวงตาเขาแดงก่ำเหมือนปีศาจร้าย เขายังคงสำแดงวิชาหมัดสังหารเสือดาว ทุกกระบวนท่าล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหาร
กรงเล็บมังกร ปะทะ กรงเล็บเสือ!
ต่างฝ่ายต่างกระเด็นถอยและพวกเขาก็โจมตีกันและกันอย่างบ้าคลั่ง ประกายไฟกระจายรอบๆ ทิ้งร่องรอยอันน่าอัศจรรย์ไว้
อย่างไรก็ตาม มีเพียงรอยจางๆบนร่างกายของเฟิงหลิน แตกต่างกับร่างกายของผู้บ่มเพาะดวงดาวที่ถูกปกคลุมด้วยเลือด มองเห็นบาดแผลทั่วตัวเขา
เขาค่อยๆเสียเปรียบ เขาสู้เฟิงหลินไม่ได้เลย
เฟิงหลินแสดงกระบวนท่าอย่างเต็มที่ ไม่ให้คู่ต่อสู้ของเขาได้มีโอกาสหยุดพัก ทุ่มสุดตัวเพื่อชี้วัดว่าใครแข็งแกร่งกว่า
แม้ร่างของอีกฝ่ายจะแข็ง เฟิงหลินก็มีความมั่นใจมากในยีนลิงหิน นี่คือยีนแรกเริ่มกลายพันธ์ที่เสริมพลังจนเต็มสิบแต้ม นี่คือข้อได้เปรียบที่ใหญ่สุดของเขาและแม้เขาจะสำแดงวิชายุทธ์ยีนระดับต่ำขั้นต่ำ หมัดวัชระสยบอสูร เขาก็สามารถสะกดคู่ต่อสู้เขาได้
ไม่ว่าวิชายุทธ์จะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกมันก็ไร้ชีวิต มันล้วนขึ้นอยู่กับผู้ใช้!
แม้หมัดวัชระสยบอสูรจะเป็นวิชาขั้นต่ำและห่างไกลกับหมัดสังหารเสือดาว มันก็ยังเป็นวิชาที่แสดงจุดแข็งของเฟิงหลินได้ดีสุด
ความสามารถของยีนวัชระและยีนลิงหินคล้ายกันมากและสามารถสำแดงพลังของเฟิงหลินได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งต่างๆเป็นตามที่เขาคาด!
หลังปะทะกันหลายรอบ สีหน้าของผู้บ่มเพาะดวงดาวก็ยิ่งบิดเบี้ยว เขาเจ็บปวดมาก
แม้จะใช้กายอสุรา แต่หลังได้รับบาดแผลติดต่อกัน มันก็เหมือนแกะที่รอโดนเชือก
เฟิงหลินกำลังรอ รอให้อีกฝ่ายหมดแรงโดยสมบูรณ์ก่อนลงมือเด็ดขาด
มือของผู้บ่มเพาะดวงดาวสั่นไม่หยุด เขาค่อยๆพบว่ามันยากจะยกขึ้น
เขาตระหนักและหัวใจก็สั่นไหว เฟิงหลินเห็นได้ชัดว่าพยายามถ่วงเวลาและค่อยๆทรมานเขา หากเขาไม่พบวิธีแยกตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ เขาต้องแพ้แน่
อสุราวิญญาณโหย!
แสงสีแดงทอประกายเรืองกล้าในตาเขาและเขาก็กระโจนเหมือนวิญญาณกระหาย มือคล้ายกรงเล็บเขาปล่อยกลิ่นอายสีดำน่าขนลุกและเขาก็เปลี่ยนเป็นเงาดำ อยากขย้ำเฟิงหลิน
การโจมตีนี้อาจดูดุร้าย แต่ไม่ว่ายังไง ยิ่งมันแข็งแกร่ง ช่องโหว่ก็ยิ่งมาก
นี่คือโอกาส!
ดวงตาของเฟิงหลินทอประกายเย็นชาและพลังวิญญาณเขาก็ปะทุออกมา เปลี่ยนเป็นพลังจิต พลังจิตเหมือนเชือกที่มองไม่เห็น พันรัดร่างของอีกฝ่าย เฟิงหลินกระตุกอย่างแรง ทำให้ผู้บ่มเพาะดวงดาวเสียสมดุลและเผยช่องโหว่ใหญ่
อะไร?พลังจิต?
เป็นไปได้ยังไง…
ผู้บ่มเพาะดวงดาวรู้สึกราวกับเขาถูกรัดด้วยโซ่เหล็กหนาและการเคลื่อนไหวก็ถูกจำกัดและช้าลง
ใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายอยู่ในตำแหน่งล่อแหลม!
ก่อนเขาจะหลุดพ้นจากพลังจิตของเฟิงหลินได้ หนังศีรษะเขาก็ชาด้านและกลิ่นอายแหลมคมก็จับมาที่เขา เขารู้สึกถึงปัญหาใหญ่
รอยประทับดาบสังหารเทพ!
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นนิ้วดาบคู่หนึ่งกำลังขยายใหญ่ตรงหน้าเขา
มันเต็มไปด้วยเจตจำนงค์ของการสังหารเทพ และทำลายทั่วทั้งโลก!
ฉันจะตาย!
หากฉันถูกโจมตีด้วยดาบนี้ ฉันจะตาย!
สีหน้าเขาบิดเบี้ยว เขารู้ดีว่าเขาไม่อาจรับการโจมตีนี้ได้
มักมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ ในที่สุดเขาก็ชัดเจนว่าเฟิงหลินแข็งแกร่งกว่าเขา หากเขาถูกโจมตี ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรง นี่แค่การทดสอบและไม่ต้องสู้กันให้ถึงตาย
หัวของผู้บ่มเพาะดวงดาวขาวโพลน เขาไม่มีความคิดโง่ๆเรื่องศักดิ์ศรีอะไรอีก”หยุดมือ!ฉันยอมแพ้แล้ว!”
ฟุ้บ!
นิ้วดาบหยุดอยู่ห่างจากหน้าผากเขาสามนิ้ว
ตึ้ง ตึง!
เลือดหยดลงและหน้าของผู้บ่มเพาะดวงดาวก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น มีแผลทิ้งไว้บนหน้าผากจากปราณดาบที่แหวกผ่าน เผยให้เห็นรูเลือดที่มีเลือดไหลออกมา
โชคดี เขาตะโกนได้ทัน ปราณดาบจึงแค่ทิ้งรอยไว้บนกะโหลกเขาและไม่เจาะทะลุสมองเขา…
ดาบไม่ถึงเป้าหมาย แต่พลังของปราณดาบก็ช่างน่ากลัว!
“ยอมแพ้แล้ว?”เฟิงหลินเอียงหัวและมองเขาด้วยสีหน้าตายด้าน
เด็กบ้า!
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเฟิงหลิน เขาก็สาปแช่งในใจ หากเขาไม่ยอมแพ้ เจ้าเด็กนี่ต้องฆ่าเขาแน่!
ใบหน้าอ้วนๆเขาฉีกยิ้มน่าเกลียด เขารีบพยักหน้า”ใช่!ฉันยอมแพ้!”
“งั้นก็ดี!”เฟิงหลินกล่าวอย่างสงบ โดยไม่พูดอะไร เขาดึงมือกลับมาและออกไป
ผู้บ่มเพาะดวงดาวยืนนิ่ง จ้องแผ่นหลังเฟิงหลิน โดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังเขาเย็นเฉียบ
ปีศาจน้อยนี่ผุดมาจากนรกขุมไหน?
มีอัจฉริยะเช่นนี้บนโลกด้วย?มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
หลังเฟิงหลินเดินออกไปไกล เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาจากหน้าผาก เขาคว้าหน้าผากและร้องโหยหวน
เฟิงหลินไม่หยุดและเดินออกจากสนามประลองสมาคมบ่มเพาะโลก เขาเหลือบมองและตกตะลึงเล็กน้อยที่เห็นว่ามีคนยืนอยู่แล้วสามหรือสี่คน คนเหล่านี้สวมเครื่องแบบและเป็นผู้สมัครจากโรงเรียนอื่น
แม้ความจริงที่ว่าเขาจะทุ่มสุดตัวและบดขยี้อีกฝ่ายได้ เขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่เอาชนะผู้บ่มเพาะดวงดาวได้!
เฟิงหลินสวมรอยยิ้ม
ตามคาดของผู้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยเอกภพ มีคนที่แข็งแกร่งอยู่มากจริงๆ!