Legend of the mythological genes - ตอนที่ 211
ยานรบดวงดาวคือการตกผลึกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุดยอดของมนุษยชาติ มันคือยานรบดวงดาวขนาดใหญ่ที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวเคราะห์ดวงนึง เนื่องจากขนาดใหญ่เกินไปมันจึงมักลอยอยู่ในอวกาศเนื่องจากไม่สามารถลงจอดบนดาวเคราะห์ได้
นี่เป็นเหมือนกับปราสาทโลหะเคลื่อนที่ คนนับไม่ถ้วนสามารถอาศัยในนั้นได้ และมันก็เหมือนฐานมนุษย์ คล้ายเรือบรรทุกเครื่องบินของยุคโลกโบราณ แต่ขนาดมันใหญ่กว่ามาก
เฟิงหลินและคนอื่น ๆ นั่งมองยานรบดวงดาวขนาดใหญ่พวกเขากลายเป็นเหมือนแมลงตัวเล็กๆ
“มากับฉัน ต่อไปผู้สมัครสอบของระบบสุริยะทั้งหมดจะรวมตัวกันที่นั่น ถัดไปเราจะเข้าสู่รูหนอนเพื่อเข้าสู่สถานที่สอบรอบสอง… ” ผู้เชี่ยวชาญกล้ามโต ในชุดเกราะนำผู้สมัครสอบเข้าสู่ยานรบ
การตกแต่งภายในของยานรบเปรียบเสมือนวังมหึมา มีผู้สมัครสอบกว่าหมื่นคนเข้ามาที่นี่
ไม่ต้องสงสัยเลย คนเหล่านี้คือผู้สมัครสอบทั้งหมดจากระบบสุริยะ
มีหลายคนที่มีกลิ่นอายทรงพลังและเฟิงหลินค้นพบว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ดูจะอ่อนแอกว่าเขา!
สถานะพลังของพวกเขาทั้งหมดสูงกว่า 200 และเป็นชนชั้นสูงในดินแดนผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
ระบบสุริยะนั้นกว้างใหญ่มีประชากรกว่า 2แสนล้านคน เป็นเรื่องปกติที่จะมีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด
เฟิงหลินพัฒนาช้าเกินไป การสะสมพลังของเขายังไม่เพียงพอและยังไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูงสุด
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
สำหรับคนที่มีพลัง พวกเขาต้องการคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเสมอ
เขาอยู่บนเส้นทางในตำนานของซุนหงอคงและเขาก็เคยสัมผัสกับแก่นแท้เจตจำนงค์ของมหาเทพเทียมฟ้า เขาจะต่อสู้ต่อไป ต่อให้ยังต้องพ่ายแพ้เขาจะไม่ย่อท้อและไม่เสียใจแม้ว่าเขาจะต้องตายถึงเก้าครั้ง ยิ่งคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีไฟต่อสู้
ลานสาธารณะในยานรบมีขนาดใหญ่มากและผู้สมัครสอบของระบบสุริยะทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ หลายคนมีกลุ่มของตนเองแยกกันอย่างชัดเจน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่ยอายความเป็นศัตรู
คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะจากระบบสุริยะ แต่ละคนมีความจองหองสูงและไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่าคนอื่น
พวกเขาทั้งหมดจะปฏิบัติต่อกันในฐานะศัตรู มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นมิตรต่อกัน
นี่เป็นเหมือนการวางสัตว์จำพวกลิง หมาป่าและเสือดำเข้าสู่สนามรบ ความขัดแย้งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เนื่องจากคำเตือนของนักรบติดอาวุธ พวกเขาจึงไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตามความผันผวนของพลังชีวิตที่ไร้รูปแบบจากคนเหล่านี้ปะทะกันโดยตรงในอากาศ ไม่มีใครอยากยอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่า รังสีแสงเริ่มบิดเมื่อความเป็นศัตรูเต็มไปในบรรยากาศ
การปะทะกันของรัศมีเดิมนั้นอยู่ในสภาพสมดุล แต่มนุษย์บนโลกแทรกแซงและทำลายความสมดุลทำให้ทุกคนในปัจจุบันมองกันด้วยความเป็นศัตรู
โลกเป็นดาวเคราะห์แม่ของมนุษยชาติ ผู้เชี่ยวชาญจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะต้องการที่จะดูว่ามนุษย์บนโลกมีอะไรพิเศษหรือไม่ ความผันผวนของพลังชีวิตมากมายพุ่งกระหน่ำอยากจะสอนบทเรียนให้กับมนุษย์โลก
การแสดงออกของผู้สมัครสอบจากโลกเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาตกอยู่ในฝูงสัตว์ป่า
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง
พวกเขาทั้งหมดเรียกพลังและใช้มันเพื่อต่อสู้กับคนอื่น พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยวก่อคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เฟิงหลินยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
เขาสังเกตการณ์คู่ต่อสู้เหล่านี้เงียบ ๆ
ระบบสุริยะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่มากและมีระบอบการปกครองมากมายรอบๆ มีโลก, ดาวอังคาร, ดาวเสาร์, แถบดาวเคราะห์น้อย … ทุกประเภทของสภาพพื้นที่ที่ซับซ้อน ตราบใดที่มีทรัพยากรที่สามารถใช้ได้สถานที่นั้นจะถูกแปลงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์
สภาพแวดล้อมมีความแตกต่างกันและตลอดชั่วอายุคนสิ่งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภูมิภาคนั้นเปลี่ยนไป
สำหรับคนจากดาวเสาร์ มนุษย์อาศัยอยู่บนวงแหวนรอบดาวเคราะห์ มีดาวเทียมมากกว่าสามสิบดวงและดาวเคราะห์น้อยอีกหลายดวงที่นั่น ขนาดของดาวเสาร์ใหญ่กว่าโลกประมาณ 100เท่า แรงโน้มถ่วงก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน ดังนั้นสำหรับมนุษย์ที่อยู่ที่นั่นร่างกายของพวกเขาจะมีความสูงน้อยกว่าประมาณ 1.7 เมตรเท่านั้น และเนื่องจากวงแหวนของดาวเสาร์ซึ่งปิดกั้นแสงแดดส่วนใหญ่ ผู้คนจากดาวเสาร์จึงจะมีสีผิวซีดกว่าเมื่อเทียบกับผู้คนที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น
แต่จะต้องไม่ประมาทคนจากดาวเสาร์ เพราะแรงโน้มถ่วงที่หนักกว่านำไปสู่กล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกที่แน่นกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่า สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนนั้นสามารถทำให้ร่างกายของมนุษย์มีพื้นฐาน มีสถานที่มากมายที่ผู้บ่มเพาะสามารถฝึกฝนตนเองได้ในดาวเสาร์
ดังนั้นมาตรฐานการบ่มเพาะในดาวเสาร์จึงสูงที่สุดในระบบสุริยะ
สำหรับคนที่อาศัยอยู่บนแถบดาวเคราะห์น้อย พวกเขาจะตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากภูมิภาคที่พวกเขาอยู่นั้นปราศจากแรงโน้มถ่วง มนุษยชาติอยู่ในสถานีอวกาศเท่านั้นและขุดทรัพยากรในแถบดาวเคราะห์น้อยเพื่อหาเลี้ยงชีพ ความสูงของพวกเขาจะสูงกว่า 2.2 เมตรโดยเฉลี่ยโดยไม่ขึ้นอยู่กับเพศ
สภาพแวดล้อมที่นั่นมักขาดทรัพยากรการบ่มเพาะและยากลำบากมาก สิ่งนี้นำไปสู่มาตรฐานการบ่มเพาะที่ต่ำที่สุด
ถัดไปคือดาวอังคารตามด้วยโลก ดาวเคราะห์สามัญเหล่านี้ถือได้ว่ามีมาตรฐานการบ่มเพาะในระดับปานกลาง
… ..
“อืม?” เมื่อเฟิงหลินเฝ้าสังเกตทุกคนอย่างเงียบ ๆ สายตาที่เยือกเย็นก็จับจ้องเขา
พลังวิญญาณของเขาพลิกผันในขณะที่เขามองไปในทิศทางนั้นโดยสัญชาตญาณ เขาเห็นมนุษย์ในชุดเกราะที่จ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม ใบหน้าของบุคคลนี้ถูกปกปิด เปิดเผยเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความมาดร้ายจ้องมองเขาด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่ปกปิด
ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเฟิงหลิน
เฟิงหลินยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมคนคนนี้ถึงดูเกลียดเขาขนาดนี้?
จำคนผิดหรือเปล่า?
ขณะที่เฟิงหลินกำลังงง ชายที่ดูประสงค์ร้ายก็ถอนหายใจเบาๆ ร่างของเขาหายไปในความมืดและดูเหมือนไม่มีอยู่จริง เขาเป็นเหมือนงูพิษที่รอโอกาสที่จะโจมตีเฟิงหลิน เขายังปล่อยกลิ่นอายความมืดมนและน่ากลัว
ความผันผวนทำให้อากาศสั่นสะเทือนในขณะที่เสียงเยือกเย็นดังกึกก้องอยู่ในใจของเฟิงหลิน “เฟิงหลิน แกต้องตาย ฉันจะฆ่าแก!”
กระแสจิต!
ผู้ชายคนนี้สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ ดูเหมือนว่าบุคคลลึกลับนี้จะปลุกยีนประเภทวิญญาณหรือยีนจิต
ในท่ามกลางการไขปริศนาเฟิงหลินก็ได้รับคำตอบ คนที่ดูเป็นอันตรายนี้รู้จักเขา? นอกจากนี้ ความเกลียดชังที่เขามีต่อเฟิงหลินดูจะสูงมาก
เฟิงหลินรู้สึกว่านี่แปลกมาก จากจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ เขาอยู่คนเดียวและเป็นอิสระไม่พึ่งพาคนอื่น มีคนจำนวนไม่มากที่มีปฏิสัมพันธ์กับเขา ผู้ชายคนนี้เกลียดชังอะไรเขากันแน่? ผู้ชายคนนี้ดูไม่พอใจ ทำไมดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ต้องการจะฆ่าเขาให้ได้ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม?
เมื่อมองไปยีงตำแหน่งที่ชายคนนั้นยืนอยู่ เฟิงหลินก็ส่งกระแสจิตของเขาไปตรวจ นั่นคือทิศทางของชาวอังคาร!
บุคคลนี้อาจเป็นผู้รอดชีวิตจากบริษัทยาไจแอนท์หรือใครบางคนจากกองทัพปฏิวัติดาวอังคาร?
(หากเป็นกรณีนี้ … )
เจตนาฆ่าเพิ่มสูงขึ้นในหัวใจของเฟิงหลิน
ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่มีคนต้องการปิดกั้นเส้นทางของเขา เฟิงหลินจะไม่เมตตาเด็ดขาด
ปัง!
“ทำความเคารพ ท่านจอมพลจีรอส!” นักรบเกราะทั้งหมดตะโกนพร้อมกันเสียงดัง
เกิดเสียงรองเท้าบู๊ตหนังกระแทกพื้น
ชายร่างสูงสองเมตรดูน่าประทับใจและสวมชุดทหารพร้อมกับยศจอมพลเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาของเขาเหมือนนกอินทรีจ้องมองทุกคนอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “การสอบรอบที่สองของมหาวิทยาลัยเอกภพกำลังจะเริ่มขึ้น ตราบใดที่คุณผ่านการสอบ คุณจะมีคุณสมบัติเลือกว่าคุณต้องการเข้าร่วมในมหาวิทยาลัยเอกภพหรือไม่ผ่านการลงทะเบียนอิสระ ต่อไป ตำแหน่งของการสอบจะตั้งบนดาวอาชูร่า รูปแบบการสอบจะเป็นเข่นฆ่าอย่างอิสระ ไม่มีกฏหรือข้อจำกัด สำหรับคนที่ได้แต้มสูง เขาหรือเธอจะกลายเป็นราชาของระบบสุริยะในหมู่คนรุ่นใหม่!”