Legend of the mythological genes - ตอนที่ 309 การพิพาทในศาล
นั่นคือเขา?
เฟอร็อต!
ร่างยักษ์สูงห้าเมตรของเฟอร็อตนั้นสะดุดตามาก เฟิงหลินหรี่ตาลงทันทีเมื่อเขาเห็นชายคนนี้ สายตาของเขาคมชัดราวกับใบมีด ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟอร็อตจากดาวเคราะห์สหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ยานบินถูกโจมตีจากเผ่าวิญญาณและแตกสลาย คนที่อยู่ภายในหนีออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด และเฟิงหลินถูกขัดขวาง เฟอร็อตต้องการให้เขาตายด้วยน้ำมือของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
ใครจะคิดว่าตอนนี้ไอ้เลวนี้ได้พลิกสถานการณ์และต้องการที่จะยัดเยียดให้เขาเป็นคนทรยศ?
เมื่อความแค้นเก่าและใหม่รวมตัว สายตาของเฟิงหลินก็ส่องประกายสังหาร
“ผู้พิพากษาที่เคารพ ท่านเห็นเขาจ้องมองผมหรือไม่?เขาน่ากลัวขนาดไหน เขาต้องการที่จะฆ่าผม! เขาต้องกลัวว่าความจริงจะเปิดเผยว่าเขาคือคนที่ทรยศต่อมนุษยชาติ! ความเกลียดชังที่เขามีต่อผมมันเจาะลึกเข้าไปในกระดูก! ” เฟอร็อตร่างยักษ์อาจดูเหมือนคนหยาบคาย แต่จริงๆแล้วหัวใจของเขาโหดเหี้ยม เมื่อเขาเดินเข้าไปในศาลทหารเขาเริ่มใส่ความเฟิงหลินทันทีเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน
เฟิงหลินสูดหายใจลึก แล้วซ่อนสายตา เขาเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการเฟอร็อต เมื่อมันเจอจุดอ่อนของเขา
เฟอร็อตจะพุ่งเข้ามากัดเนื้อของเขาทันทีเหมือนหมาป่าชั่วร้าย
กลิ่นอายของเฟอร็อตน่าประทับใจมาก แต่เนื่องจากเขาตั้งข้อกล่าวหา เขาจึงต้องมีหลักฐาน
ผู้พิพากษาและคณะลูกขุนจะไม่ฟังคำให้การฝ่ายเดียว แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกแย่ต่อเฟิงหลินมากกว่าเดิม
เป้าหมายของเฟอร็อตสำเร็จแล้ว ต่อไปเขาต้องการที่จะปิดเกม
“ผู้พิพากษาโปรดดูบันทึกนี้!”
กระสวยอวกาศร่อนและเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่นไม่ขยับเลย กลุ่มวิญญาณกำลังคร่ำครวญอยู่รอบตัวเขา แต่พวกมันไม่ได้เข้าไปยุ่ง ดูเหมือนว่าพวกมันกลับปกป้องเขาแทน
“ผู้พิพากษาโปรดดู ทุกคนโปรดดู กระสวยอวกาศกำลังจะพังและเฟิงหลินคนนี้กลับไม่รีบไปกระสวยช่วยชีวิต แต่กลับเข้าร่วมกับเผ่าวิญญาณแทน ผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างเขาจะมีชีวิตรอดได้ยังไง? ดูสิพวกมันไม่โจมตีเขาและปกป้องเขาแทน ถ้าเขาไม่ใช่คนทรยศต่อมนุษยชาติแล้วเขาจะเป็นใคร? “เฟอร็อตดูเหมือนจะพบข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเฟิงหลิน ในขณะที่เขาพูดเสียงดัง คำพูดของเขาเหมือนดาบ ต้องการที่จะแทงทะลุเฟิงหลินอย่างสมบูรณ์
หวด, หวด, หวด ~
ทันใดนั้นสายตาที่แหลมคมจำนวนมากก็จับจ้องมาที่เฟิงหลิน ราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะฉีกเฟิงหลินออกเป็นชิ้นๆ
“คนๆนี้เป็นคนทรยศต่อมนุษยชาติจริง ๆ !”
“ความคิดของเขาโหดร้ายแค่ไหนกัน? เมื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินของทุกคนเขายังสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเชาไม่ได้ทำ”
“เขาเจ้าเล่ห์มาก เราต้องประหารชีวิตและฝังเขาเพื่อชดเชยให้กับอัจฉริยะและนักรบระหว่างดวงดาวที่ตายอย่างไม่ยุติธรรม!”
…
ความรู้สึกของฝูงชนถูกกระตุ้น
“เงียบ!” ผู้พิพากษาคำราม หยุดเสียงของทุกคน จากนั้นเขาก็ถามเฟินหลินด้วยเสียงหนักแน่นว่า “จำเลย คุณมีคำอธิบายหรือไม่ ทำไมเผ่าวิญญาณจึงไม่โจมตีคุณ ตอนที่คุณนั่งขัดสมาธิ?”
ตอนนี้ทุกอย่างร้ายแรงมาก!
หัวใจของเฟิงหลินจมลงสู่ก้นบึ้ง เขารู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไง
เผ่าวิญญาณเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างไม่มีใครเทียบ พวกมันไม่มีสสารและเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทพลังงาน พวกมันสามารถบุกรุกจิตสำนึกของผู้คนได้อย่างเงียบๆ
ยิ่งไปกว่านั้นมันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้บ่มเพาะในอาณาจักรผู้บ่มเพาะระดับสูงที่จะต่อต้าน
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความลับของการบ่มเพาะของเขา เขาจะเปิดเผยความลับของเขาง่ายๆได้ยังไง?
เฟิงหลินเปิดเผยข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการบ่มเพาะของเขา แต่โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ได้บอกลึกเกินไปและเปิดเผยความจริงทั้งหมด
“ นี่คือความสามารถทางพันธุกรรมของผม ไม่ใช่ว่าวิญญาณไม่ต้องการโจมตีผม แต่เป็นผมปิดบังกลิ่นอาย ความคิดและเจตจำนงค์เอาไว้ ทำให้พวกมันไม่สามารถบุกเข้ามาในจิตใจของผมได้ พวกมันสามารถลอยไปข้างนอกได้เท่านั้น “
“ความสามารถทางพันธุกรรมอะไรกัน?” เฟอร็อตตั้งคำถามอย่างเข้มข้น “ความสามารถที่จะช่วยให้ผู้บ่มเพาะระดับสูงสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บท่ามกลางการโจมตีของวิญญาณ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับความสามารถทางพันธุกรรมที่พิเศษแบบนี้ และถ้าสิ่งนี้แพร่กระจายไปทั่วจักรวาล เผ่าวิญญาณก็คงไม่เป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติอีกแล้วสิ? “
ความคิดของเขาเต็มไปด้วยยาพิษ ในขณะที่เขายังคงตั้งคำถามในทุกคำพูดของเฟิงหลิน
“ถูกต้องถ้ามีความสามารถแบบนั้นจริงๆ มนุษยชาติก็คงไม่ถูกเผ่าพันธุ์วิญญาณโจมตีเหมือนเมื่อก่อน!”
“ไร้สาระ ความสามารถแบบนั้นจะมีอยู่จริงได้ยังไง?”
“คนทรยศ!”
…
คณะลูกขุนกระซิบกัน
“จำเลย เฟิงหลินคุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้หรือไม่? ความสามารถทางพันธุกรรมนั่นคืออะไรกันแน่” ผู้พิพากษาถามพร้อมกับแสดงแรงกดดันต่อเฟิงหลิน
แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนก
เฟิงหลินจ้องตรงไปที่ดวงตาของผู้พิพากษา เขาไม่กลัวและตอบว่า “ด้วยความเคารพ ความสามารถทางพันธุกรรมนี้เป็นสิ่งที่ผมมีมาแต่กำเนิดเพราะเส้นทางตำนานที่ผมสร้าง มันเรียกว่าการแปลงหิน มันสามารถแยกพลังงานที่บุกรุกเข้ามาทั้งหมดได้และป้องกันมันได้”
เขาสรุปความสามารถของการเปลี่ยนแปลงหินอย่างง่ายๆ แต่เขาไม่ได้เปิดเผยความลับของเขาเกี่ยวกับการเดินบนเส้นทางของซุนหงอคงหรือข้อมูลหลักใดๆเกี่ยวกับความสามารถด้านสมการทางพันธุกรรมของเขา
ทั้งหมดนี้เป็นความลับที่เขาจะไม่มีวันเปิดเผย
“การเปลี่ยนแปลงหินอะไรกัน?ด้วยความเคารพ ท่านอย่าไปเชื่อเขา แกบอกว่าแกได้สร้างเส้นทางในตำนานของแกเอง?แกคิดว่าแกเป็นอัจฉริยะที่สามารถครอบครองจักรวาลได้หรือยังไง?!” เฟอร็อตพูดแทรกเสียงดัง
“ถูกต้องแล้วสร้างเส้นทางในตำนานของตัวเอง นี่มันไร้สาระเกินไป!”
“ดูเหมือนว่าคนทรยศนี้ไม่สามารถโกหกได้อีกต่อไป”
“เราต้องรู้ก่อนว่าผู้ที่สร้างเส้นทางในตำนานของตัวเองในอาณาจักรผู้บ่มเพาะระดับสูงนั้นต่างก็จบลงด้วยการเป็นบุคคลสำคัญในจักรวาล แต่โอกาสของสิ่งนั้นคืออะไร? นี่เป็นสิ่งที่คนทรยศคนนี้ทำได้อย่างงั้นหรอ? “
…
คณะลูกขุนเริ่มคุยกัน
ผู้คนไม่เชื่อเฟิงหลิน
จากมุมมองของพวกเขาเฟิงหลินเป็นคนทรยศแน่นอน มันไร้ประโยชน์แม้ว่าเขาจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม
“หากคุณไม่สามารถนำหลักฐานที่เป็นรูปธรรมออกมาได้ ผมจะต้องตัดสินใจด้วยตัวผมเอง” เสียงของผู้พิพากษาดังขึ้นเหมือนเสียงสายฟ้าฟาด
เฟิงหลินไม่พูดอะไรเลย
เส้นทางในตำนานของซุนหงอคง และเส้นทางวิวัฒนาการเป็นความลับที่เขาต้องปกปิด
เขาไม่สามารถเปิดเผยได้ แม้สถานการณ์จะเลวร้าย
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ความสามารถด้านสมการทางพันธุกรรม!
หากพวกเขาบังคับให้เขาพูดความจริงออกมา แม้ว่าเขาจะบอกความจริงต่อศาลนี้ ทุกคนในจักรวาลจะต้องอยากได้ความสามารถของเขาและพยายามที่จะจับเขาไปทรมานเพื่อเค้นเอาความลับจากเขา
ในเวลานั้น ไม่ว่าจักรวาลจะกว้างใหญ่เพียงใด มันก็จะไม่มีที่สำหรับเขา
ภายใต้คำถามของเฟอร็อต เฟิงหลินรู้ว่าการพูดนั้นไร้ประโยชน์ ถ้าเขาต้องการที่จะปกป้องตนเอง
เฟิงหลินรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก แม้ว่าเขาจะพูดความจริงทุกคนก็จะรู้สึกว่าเขาโกหก
เพราะในใจของผู้พิพากษาและคณะลูกขุน พวกเขามีความคิดว่าเขาเป็นคนทรยศไปแล้ว พวกเขาจะไม่เชื่อที่เฟิงหลินพูด
หากเขาต้องการที่จะพลิกสถานการณ์ เขาสามารถทำได้เพียงเอาหลักฐานมาพิสูจน์เพื่อลบล้างความผิด
“การเปลี่ยนแปลงหินเป็นสิ่งเดียวที่ผมมี ผมสามารถเปิดใช้งานตอนนี้เพื่อแสดงให้ท่านเห็นได้” แม้ว่าเขาจะอยู่ที่ขอบหน้าผา เฟิงหลินก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เขากำลังคิดว่าจะพลิกสถานการณ์ได้ยังไง
“ด้วยความเคารพ คำพูดของคนทรยศนี้ไม่น่าไว้วางใจ เขาอาจใช้วิธีการอื่นเพื่อเลียนแบบผลลัพธ์ แต่เราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าความสามารถทางพันธุกรรมที่เขาเปิดใช้งานอยู่ในขณะนี้สามารถปิดกั้นการบุกรุกของเผ่าพันธุ์วิญญาณ” เฟอร็อตพูด
อย่างไรก็ตามผู้พิพากษาเงียบ เขามีวิจารณญาณในเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เราพิสูจน์ได้”
“อะไรนะ?” ผู้คนพากันตกใจ
“กระจกสองดินแดน!” ในเวลาต่อมาพลังวิญญาณอันทรงพลังก็พุ่งออกมาจากหน้าผากของผู้พิพากษา ล้อมรอบพื้นที่รอบเฟิงหลิน
เฟิงหลินรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมของเขาเปลี่ยนไป มันเหมือนกับว่าเขาถูกเคลื่อนย้ายไปยังอีกมิติหนึ่ง
มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อีกด้านหนึ่งของกระจก คนเหล่านั้นอยู่นอกกระจกขณะที่เขาอยู่ในนั้น
อากาศแปรปรวนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและเจตนาอันเย็นเฉียบก็แทรกซึม
เฟิงหลินจ้องมองด้วยความประหลาดใจ เขาเห็นปลาหมึกยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายวิญญาณลอยเข้าหาเขา
เผ่าพันธุ์วิญญาณ!
ผู้พิพากษาจับวิญญาณที่ยังมีชีวิตมาเลี้ยงดูอย่างงั้นหรอ? ช่างน่ากลัวจริงๆ!
คนที่นี่อุทานด้วยความตกใจ
ในขณะนี้เฟิงหลินอยู่ในมิติเดียวกับรูปแบบวิญญาณ ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้กลิ่นเลือดของเขาและรีบพุ่งไปทันทีอยากจะล้อมรอบเขา บรรยากาศน่ากลัวมาก เมื่อพวกมันเข้ามาเชื่อมต่อกับมนุษย์ ความอบอุ่นในร่างกายของมนุษย์จะถูกดูดซึมทันที มนุษย์จะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง
การเปลี่ยนแปลงหิน!
มือของเฟิงหลินประกอบท่าทางและความแวววาวราวกับหยกก็ปกคลุมผิวของเขาเพิ่มความสามารถในการทนน้ำและไฟให้สูงสุด เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของการเปลี่ยนแปลงหินอย่างเต็มที่
วิญญาณเหล่านั้นวนอยู่รอบตัวเขา สร้างเป็นลมแรง
อย่างไรก็ตามร่างกายที่ไร้รูปร่างของพวกมันดูเหมือนจะชนเข้าไปในกำแพงเหล็ก เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้เฟิงหลิน พวกมันเด้งกลับมาทุกครั้ง
“คำพูดของเขาจริงหรอ?!”
“การเปลี่ยนแปลงหินสามารถต่อต้านเผ่าวิญญาณได้จริงๆ!”
“คำพูดของเขาคือความจริง!”
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ใช่คนทรยศ?”
…..
ความจริงพิสูจน์ยากขึ้นเรื่อยๆ
เฟิงหลินแสดงการเปลี่ยนแปลงหิน มันเป็นหลักฐานที่สมบูรณ์แบบในความบริสุทธิ์ของเขา
เขานั่งอยู่ในกระจกเงาเป็นเวลาสิบห้านาทีเพื่อปกป้องตัวเองอย่างระมัดระวัง
รูปแบบวิญญาณเหล่านั้นปลดปล่อยความโกรธแค้นออกมา แต่พวกมันไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของเฟิงหลินได้
ดวงตาของผู้พิพากษาเปล่งประกายในขณะที่เขาจ้องมองเฟิงหลิน ดวงตาของเขาเหมือนเครื่องแสกนที่ต้องการจะมองทะลุเฟิงหลินอย่างสมบูรณ์และค้นหาความลับทั้งหมดของเขา
อย่างไรก็ตามกำแพงพลังวิญญาณที่มองไม่เห็นห่อหุ้มเฟิงหลินไว้ทำให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีข้อบกพร่องในการป้องกันทางร่างกาย จิตใจหรือจิตวิญญาณของเขาเลย
ไม่มีอะไรที่สามารถซึมผ่านสิ่งกีดขวางนี้ได้!
นอกจากการจ้องมองจากศาลทหารคนอื่น ๆ ก็มุ่งความสนใจไปที่เฟิงหลินและต้องการมองเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามความรู้สึกของพวกเขาทั้งหมดถูกปิดกั้น
ถอน!
ดวงตาของผู้พิพากษาหรี่แคบลง เขาเก็บอาณาจักรกระจกเงาของเขา รูปแบบของวิญญาณหายไปเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นทุกอย่างก็เงียบลง
เฟิงหลินใช้หลักฐานที่เป็นรูปธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา
“ด้วยความเคารพ ท่านต้องไม่เชื่อเขา! โปรดดูบันทึกนี้!” เฟอร็อตไม่ต้องการที่จะยอมแพ้และส่งบันทึกไปให้ศาลอีกครั้ง
ในฉากนั้นร่างทั้งร่างของเฟิงหลินเหมือนก้อนหินที่ถูกผนึกลอยอยู่ในอวกาศและทนต่อรังสีที่ไม่มีขอบเขตจากจักรวาล แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
“นี่เป็นฉากแบบไหนกัน?” เฟอร็อตพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ แม้ว่าด้วยความสามารถการเปลี่ยนแปลงหินของเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาจะสามารถอยู่รอดในอวกาศแบบนั้นได้ยังไง?นี่เป็นไปไม่ได้เลยเพราะมีเพียงผู้บ่มเพาะในอาณาจักรผู้ใช้ยีนระดับสูงเท่านั้นที่มีความสามารถแบบนี้”
(ในที่สุดเฟอร็อตก็เปิดเผยข้อบกพร่องแล้วสินะ?)
ดวงตาของเฟิงหลินเปล่งประกาย เขาค้นพบว่ามุมที่เกิดเหตุนั้นแปลกมาก ดูเหมือนว่าเครื่องบันทึกนั้นอยู่ใกล้กับเฟิงหลินมาก
ถ้าเฟิงหลินจำไม่ผิดในเวลานั้นมีเพียงรูปแบบวิญญาณเท่านั้นที่อยู่รอบตัวเขา!
เฟอร็อตบันทึกได้ยังไง?
“ผมยังมีบันทึกอีก ทุกคนโปรดดูด้วย” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟิงหลิน ในขณะที่เปิดใช้งานไมโครชิป
เสียงหัวเราะดังก้องขึ้น
“ฮ่า ฮ่าเฟิงหลินเราจะไปก่อน ถ้าเราหนีไปได้อย่างปลอดภัยเราจะไม่ลืมแกแน่นอน!” ในที่เกิดเหตุเฟอร็อตกระหน่ำหมัดทำลายอุโมงค์ ทำให้เกิดเศษหินกีดขวางทางปิดกั้นเฟิงหลินไม่ให้เข้าไปและขังเขาในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ที่ซึ่งเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยรูปแบบวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
“ ด้วยความเคารพ ท่านอย่าเชื่อเขา! เขากำลังพยายามใส่ความผม!” เฟอร็อตตกใจและโกรธมาก
เฟิงหลินพูดต่ออย่างสงบ“ ด้วยความเคารพแม้ว่าผมจะมีโอกาสเพียง 10% ที่จะบริสุทธิ์ แต่ก็หมายความว่าบันทึกของผมมีโอกาส 10% ที่จะเป็นความจริง หลังจากเฟอร็อตพยายามทำร้ายผม แต่ผมสามารถอยู่รอดได้ และเมื่อเห็นว่าแผนของเขาล้มเหลว เขาก็พยายามที่จะใส่ความให้ผมเป็นคนทรยศต่อมนุษยชาติ ในความเป็นจริงเขาดูไม่น่าสงสัยมากกว่าหรอกหรอ? ไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะบอกว่าเฟอร็อตมีโอกาส 10% ที่จะเป็นคนทรยศต่อมนุษยชาติ! “
เมื่อเสียงของเขาจางหายไป ความเงียบที่น่าตกใจก็ทำให้อากาศอึมครึม
หวด, หวด, หวด ~
สายตาที่จ้องมองนับไม่ถ้วนหันหาเฟอร็อตเหมือนเข็มแทงเข้าไปที่หลังของเขาทำให้เฟอร็อตตัวสั่นไหวด้วยความกังวล