ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 37
SB:ตอนที่ 37 พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งหมดนี้พุ่งเป้ามาที่เขา นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่เจ้าคนนี้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ หลังจากที่เห็นนายน้อยอู๋ ลู่หยางก็พอจะลำดับเหตุการณ์ได้ สำหรับฮานปิน มันก็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งแค่นั้น
ด้านหลังนายน้อยอู๋ ชายวัยกลางคนสองคนกำลังเฝ้ามองอยู่ พวกเขาเป็นผู้เก่งกล้าที่นายน้อยอู๋พามาด้วย แต่ละคนเป็นผู้คุมอสูรชั้นกลาง
เมื่อเห็นว่าลู่หยางไม่มีหนทางหลบหนี เขาหัวเราะขึ้นมาทันที “เด็กน้อย ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าข้ารับผิดชอบตำแหน่งผู้ตรวจการในเมืองเซียงหยาง หน้าที่หลักของข้าคือรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเมือง ใครกล้าก่อเรื่องภายใต้การควบคุมของข้า ข้าจะจับมันไปขังไว้ ช่างโชคร้ายนัก บริเวณถนนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่หยางได้ยินเรื่องการตรวจสอบ ตังปินก็เป็นหนึ่งในผู้ตรวจการ
“ท่านพี่ตังปินก็เป็นผู้ตรวจการคนนึง เขาทำให้ซางฉงกลัวจนฉี่ราดเลยถ้าคนผู้นี้เป็นผู้ตรวจสอบ สถานะของเขาอาจไม่ต่ำเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดว่าเขาควรจะยอมหรือไม่ ในทางกลับกัน เขาคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเอาชนะนายน้อยอู๋
เขาย่อมต้องสู้อยู่แล้วถ้าเป็นยามเมืองแค่ไม่กี่คน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับหน้าที่ของผู้ตรวจการแล้ว คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ถ้าเขาเอาชนะผู้ตรวจการท่านนี้ ผลที่ตามมาน่าจะรุนแรงทีเดียว
ลู่หยางทำเสียงฮึดฮัด “นายน้อยอู๋ ถ้าท่านอยากแก้แค้นจริงๆ ก็ออกมาสิ ท่านรู้จักแต่ทำตัวน่าอุบาทว์ ข้าละรังเกียจคนอย่างท่านที่สุด!”
“ดี!” “ ถ้าเจ้าต้องการสู้กันซึ่งซึ่งหน้า ข้าจะให้โอกาสเจ้า!” เขายกมือขึ้นโบก คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็ถอยหลังไปเหลือที่ว่างให้ทั้งสองได้สู้กัน
อู๋เย่ยิ้มหยียด “เรียกสัตว์เลี้ยงของเจ้าออกมาสิ ดูซิว่าอสูรชนิดไหนที่บ้านนอกอย่างเจ้าเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงสงคราม” “ ถ้าเอาชนะข้าได้ในยกแรก ข้าจะถือว่าเลยตามเลย แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องเข้าเรือนจำไป!”
อู๋เย่พูดอย่างน่ากลัวว่า “ข้าไม่ขังเจ้าไว้นานหรอก อย่างมากก็สองถึงสามเดือน”
สองถึงสามเดือนนั่นไม่นาน เฮอะ ลู่หยางหน้าเข้มขึ้นทันที
ขุนนางหนุ่มเหล่านี้ค่อนข้างใจแคบ พวกมันแต่ละคนล้วนชั่วร้ายและไร้ความปรานี
“ดี!” “ งั้นลงมือ!”
ลู่หยางถอยเท้าซ้ายแล้วค่อยๆย่อตัวลง เหมือนพร้อมแล้ว แต่เขายังไม่เรียกสัตว์เลี้ยงสงครามออกมา
“เจ้าจะเอาชนะข้าด้วยมือเปล่างั้นรึ?” “อยากจะสู้กับข้าเหมือนกับที่สู้กับไอ้โง่ซางฉงรึ?” “เจ้าช่างไร้เดียงสานัก” อู๋เย่หัวเราะเสียงดัง เขาโบกมือหนึ่งครั้ง ร่างของหมาป่าดุร้าย ตัวสูงใหญ่ก็มาปรากฏข้างหลังเขา
อู๋เย่ไม่ประมาท เขาเรียกราชาหมาป่าจันทราเงินออกมา มันกระโดดมาเผชิญหน้ากับเขาพร้อมกับส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องไปที่ลู่หยาง
ครั้งล่าสุดที่ลู่หยางเห็นเจ้าหมาป่าตัวนี้ ตัวมันไม่ใหญ่เท่านี้ รังสีของมันก็ไม่แรงเท่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นลู่หยางเห็นทองคำสุกใสอยู่บนหัวของมัน นี่เป็นสิ่งยืนยันถึงพละกำลังของมัน
แสงสีทองที่ส่องออกมานั้นยิ่งเข้มเท่าไหร่ กำลังก็ยิ่งแข็งแรงเท่านั้น ถึงตอนนั้นมันจะไม่เป็นราชาหมาป่าจันทราเงินอีกต่อไป มันจะเป็นราชาหมาป่าจันทราทอง ราชาหหมาป่าจันทราเงินเป็นอสูรสายเลือดชั้นยอด แต่ราชาหมาป่าจันทราทองนั้นแข็งแกร่งกว่าสิบเท่า มันเป็นอสูรสายเลือดชั้นจักรพรรดิที่แท้จริง
ลู่หยางนึกสงสัยว่า แม้อู๋เย่ไม่ได้ผลสีชาดไปเมื่อคราวที่แล้ว แต่ในช่วงเวลานี้ อู๋เย่ได้บังเอิญพบปะคนอื่นๆ หมาป่าจันทราเงินของเขาน่าจะถูกยกระดับขึ้นแล้วมาเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามระดับกลาง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าเกรงว่าลำพังกำลังของข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ลู่หยางคิดในใจ
พละกำลังของเขาในตอนนี้เพียงพอที่จะเอาชนะอสูรสายเลือดชั้นยอดระดับเริ่มต้นตัวไหนๆก็ได้ แต่ไม่ใช่อสูรชั้นยอดระดับกลาง ดังนั้นเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมาป่าตัวนี้
ขณะที่ลู่หยางกำลังคิด ราชาหมาป่าจันทราเงินยิ่งแผดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง อู๋เย่ตะโกนเสียงดัง “เจ้าเงินน้อย! ฉีกเจ้านี่ให้เป็นชิ้นๆ!”
ราชาหมาป่าจันทราเงินกลายร่างเป็นสายฟ้าสีเงินพุ่งไปที่ลู่หยาง เกิดลมกรรโชกแรงรอบๆตัวเขาล้อมเขาไว้ข้างในขณะเดียวกันก็มีแรงดึงมาจากทุกทิศทาง ทันทีนั้นเขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขานั้นถูกจำกัดและเขาก็เพิ่มความเร็วไม่ได้
“เวรเอ้ย นี่เป็นความสามารถเทวะเฉพาะตัวของราชาหมาป่าจันทราเงิน ซึ่งก็คือพายุจันทราเงิน”
“ ถ้าได้ตายภายใต้พลังที่แข็งแรงที่สุดของราชาหมาป่าจันทราเงิน เจ้าจะตายอย่างสงบสุข” อู๋เย่พูดเย็นชา
อู๋เย่ไม่เคยคิดจะปล่อยลู่หยางไปตั้งแต่แรกแล้ว เขาวางแผนจะฆ่าลู่หยาง และแม้ลู่หยางไม่ตาย เขาก็คงไม่รอดจากการโจมตีเช่นนี้
แต่ทว่าอู๋เย่ไม่เคยคิดว่าลู่หยางไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเห็น ถึงแม้ลู่หยางไม่ได้เรียกสัตว์เลี้ยงสงครามของเขาออกมา แต่กำลังของเขาไม่ได้อ่อนแอเลย แม้เขาจะเอาชนะราชาหมาป่าจันทราเงินระดับกลางไม่ได้ แต่จะเอาชนะเขาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
“ความสามารถเทวะเฉพาะตัวงั้นรึ?” ลู่หยางยิ้มอย่างลึกลับ ไม่มีวี่แววว่าจะกลัว “ช่างบังเอิญจริงๆ เจ้าไม่ได้มีวิชาเฉพาะตัวฝ่ายเดียว ข้าก็มี!”
อู๋เย่จ้องมองลู่หยางอยู่ จุดแสงสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าผากของลู่หยาง จุดแสงนั้นขยายใหญ๋ขึ้นทีละน้อยๆและท้ายที่สุดเป็นกระแสน้ำวนลึกสีดำ แยกออกมาจากหน้าผากของลู่หยาง
ลู่หยางคำรามขึ้น “งั้นมาดูกัน พายุจันทราเงินของเจ้า กับการกลืนกินมืดมิดของข้า อันไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
ทั้งอู๋เย่ กับราชาหมาป่าจันทราเงินต่างก็ตั้งรับไม่ทัน พายุหมุนเงินถูกกระแสน้ำวนดำเขมือบไปทันที
แรงดึงดูดที่แข็งแรงยังคงดึงร่างของราขาหมาป่าจันทราเงินไว้ทำให้มันตื่นกลัวสุดขีด มันดิ้นแล้วดิ้นอีกเพื่อให้เป็นอิสระจากการถูกดูดเข้าไปในกลืนกินมืดมิด
ขณะที่ลู่หยางควบคุมการกลืนกินมืดมิดอยู่ เขารอฉกฉวยเวลาที่เหมาะเจาะอยู่ด้วย เมื่อกระแสน้ำวนดำขึ้นมาถึงจุดสูงสุด ร่างของราชาหมาป่าจันทราเงินก็ขึ้นมาถึงขอบกระแสน้ำวนดำด้วย ณ เวลานี้ ลู่หยางยกเลิกการควบคุมทักษะการกลืนกินมืดมิดของเขาทันที เขากระโดดไปยืนที่ห่างออกไปสิบเมตร ทันทีที่การกลืนกินมืดมิดหลุดออกจากการควบคุม มันก็ไม่สามารถควบคุมพลังที่บ้าคลั่งของพายุจันทราเงินได้ เหมือนกับลูกโป่งสีดำกำลังจะแตกและจังหวะที่การกลืนกินมืดมิดสลายไป พลังที่น่ากลัวก็จะระเบิดขึ้นมาจากหลุมลึกของน้ำวน
นอกเหนือจากพลังงานมืดดำของการกลืนกินมืดมิดแล้ว ยังมีพลังของพายุจันทราเงินเองด้วย หลังจากที่ถูกกลืนกินโดยพลังงานมืดดำและยังไม่มีเวลาย่อยสลาย หลังจากสูญเสียการควบคุมมันจะระเบิดราวกับลูกระเบิด
ลู่หยางล่วงรู้ถึงผลลัพธ์นี้ดี ราชาหมาป่าจันทราเงินเป็นอสูรชั้นกลาง แม้ว่าความสามารถเฉพาะตัวของต้าเฮ่ยนั้นแข็งแกร่ง มันใช้ได้กับอสูรที่ระดับเดียวกันเท่านั้น อีกทั้งการกลืนกินมืดมิดไม่ได้มีกระเพาะใหญ่เช่นที่จะกลืนกินทั้งพายุจันทราเงินกับราชาหมาป่าจันทราเงินไว้ได้
โชคดีที่ลู่หยางล่วงรู้ถึงเหตุการณ์นี้ก่อน เขาจึงกระโดดออกมาก่อนที่มันจะระเบิด แต่ราชาหมาป่าจันทราเงินของอู๋เย่ไม่โชคดีเช่นเขา มันถูกแรงดูดจากการกลืนกินมืดมิดควบคุมไว้จนถึงขอบกระแสน้ำวน เมื่อพลังงานนั้นระเบิดราชาหมาป่าจันทราเงินก็เป็นลำดับแรกที่ถูกแรงระเบิด เจ้าอสูรที่น่าสงสาร
บาดแผลใหญ่บ้างเล็กบ้างที่เกิดจากพลังลมของพายุจันทราเงินปกคลุมเต็มทั่วร่างของมัน เลือดสดๆไหลย้อมขนสีเงินเป็นสีแดง มันนอนแน่นิ่งอยู่กับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของมัน
อู๋เย่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ การสู้รบจบในพริบตา ผลลัพธ์ช่างน่าสลดใจนัก อสูรชั้นยอดระดับกลางพ่ายแพ้ในสภาพที่ไม่มีโอกาสได้ขัดขืน
ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามที่อู๋เย่รักมากที่สุด เมื่อเห็นสภาพที่กำลังจะตายของเสี่ยวหยิน คลื่นความโกรธแค้นก็ประดังเข้ามาจุกอกอู๋เย่!
“ไอ้นี่! ข้าจะฆ่ามัน!” อู๋เย่ตะโกนอย่างเสียสติ เขากำหมัดแน่นขณะพุ่งเข้าหาลู่หยาง
หลังการสู้รบจบ ลุ่หยางบิดขึ้เกียจแล้วค่อยๆยกมือขวาขึ้น มุ่งไปที่อู๋เย่ ลูกบอลเพลิงแผดเผากลั่นตัวอยู่กลางฝ่ามือของเขา ก่อนที่อู๋เย่จะพุ่งเข้าหาเขา เขามุ่งเป้าไปที่หน้าอกอู๋เย่ก่อนแล้ว
ราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุขึ้นทุกเวลา หากอู๋เย่ก้าวเข้าหาเขาหนึ่งก้าว ก่อนที่กำปั้นจะชกเข้าที่ลู่หยาง หน้าอกของอู๋เย่คงถูกทะลุทะลวงด้วยลูกบอลเพลิงแผดเผานี้
อู๋เย่เคยเห็นการเคลื่อนไหวของลู่หยางมาก่อน พลังของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าลูกปืนใหญ่
อู๋เย่กลืนน้ำลายด้วยความกลัว เขาไม่กล้านึกภาพที่จะเกิดขึ้นถ้าเขาถูกซัดด้วยลูกบอลเพลิง เขาได้แต่ยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น จ้องลู่หยางด้วยดวงตาอันแดงก่ำแต่ไม่กล้าทำอะไร
“เจ้า… เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร?” อู๋เย่พูดตัวสั่น
ลู่หยางไม่แม้แต่จะมองอู๋เย่ เขาถามช้าๆว่า “ข้าจำได้ว่า ท่านบอกว่า เราจะสู้กันหนึ่งยก ถ้าข้าชนะ ข้าไปได้ ตอนนี้ท่านแพ้แล้ว ท่านจะทำอะไร?”
พอพูดจบ ลูกบอลเพลิงในมือของเขาก็ขยายเป็นสองเท่า เกือบๆจะชนใบหน้าอู๋เย่แล้ว ทำให้เขากลัวขนาดที่ต้องคุกเข่าลงตรงหน้าลู่หยางแล้วร้องขอ “ผู้ต่ำต้อยนี้มีตาแต่หามีแววไม่ ยกโทษให้ข้าครั้งนี้ด้วย!”
เมื่อเห็นอู๋เย่คุกเข่าต่อหน้าเขาราวกับสุนัขตัวหนึ่ง ลู่หยางยิ้มที่มุมปาก เขาโบกมือแล้วลูกบอลเพลิงในมือเขาก็กลายเป็นควันแล้วสลายไปต่อหน้าอู๋เย่
“ในเมื่อท่านร้องขอความปรานี ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป” “จำเอาไว้ จากวันนี้เป็นต้นไป อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอยู่ในเซียงหยางอีก ข้าเกรงว่าวันนึงถ้าข้าอารมณ์ไม่ดี แล้วเผลอทำลูกบอลเพลิงตกใส่ท่านแล้วมันจะไม่ดี”
อู๋เย่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น แต่ลู่หยางไม่ได้สนใจ เขาเดินไปตามถนนที่ว่างเปล่าปล่อยให้ผู้คนที่เหลือข้างหลังเขามองหน้ากันและกัน ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง
ครู่ใหญ่ๆ ฮานปินเอื้อมมือมาเช่นเหงื่อเย็นๆที่หน้าผากของเขาแล้วพูดว่า “คนคนนี้เป็นมนุษย์รึเปล่า? เขาเอาชนะราชาหมาป่าจันทราเงินด้วยมือเปล่า นี่เป็นราชาหมาป่าจันทราเงินเชียวนะ!”
“หัวหน้า แม้แต่นายน้อยอู๋ยังพ่ายแพ้แก่เด็กนั่น ข้าว่าเราควรลืมเรื่องความขุ่นแค้นของเราซะเถอะ มันไม่มีหวังแล้ว”
ฮานปินตบศรีษะลูกน้องแล้วพูดอย่างโกรธๆ “ไอ้โง่ ในภายหน้า เมื่อไรก็ตามที่เจ้านั่นโผล่มา ก็แค่ล้อมมันไว้ ได้ยินมั้ย ?”