ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 41
SB:ตอนที่ 41 ปีศาจก้นสมุทร
หลังจากที่อ่านคำนำของราชาหนอนเยือกเย็นแล้ว ลู่หยางตกใจเหมือนกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนตัวเล็กๆนี้จะมีพละกำลังเทียบกับอสูรดุร้ายชั้นกลางได้ และสามารถฆ่าพวกมันได้ทันที พลังของการแช่แข็งนี้เป็นเหมือนกับความสามารถเทวะเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหนอนจิตวิญญาณไม่ได้ถูกจัดเป็นสัตว์เลี้ยงสงคราม พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงไปโดยปริยาย ยิ่งไปกว่านั้นหนอนจิตวิญญาณไม่มีกระเป๋าบรรจุสัตว์เลี้ยง
ภายใต้สภาวะแวดล้อมปกติ ทุกๆคนมีหนอนจิตวิญญาณได้คนละหนึ่งตัว มิเช่นนั้น หนอนจิตวิญญาณจะกลายเป็นที่นิยมบนทวีปนี้
ลู่หยางมีหนอนจิตวิญญาณหนึ่งตัว หลังจากจัดเก็บลานบ้านแล้ว เขากอดเจ้าราชาหนอนเยือกแข็ง แล้วกลับเข้าห้องไปนอน
เขาฝันว่า เขาเห็นเทพีงดงามคนหนึ่งกำลังโบกมือให้เขา และยังเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะตาย เขาดึงแขนลู่หยางไว้แล้วพูดกับลู่หยางว่า “น้องชาย เจ้าสัญญากับข้าไว้ว่าจะส่งสารฉบับนั้นไปที่ตระกูลหลอแล้วมอบให้กับแม่นางอู๋ซวงใช่หรือไม่?”
“ไม่! ข้าไม่! ข้าสัญญากับท่าน แน่นอน ข้าไม่ลืม!”
ชายผู้นั้นมองลู่หยางด้วยใบหน้าซีดเผือดของคนตายซึ่งทำให้ลู่หยางกลัวจนเหงื่อแตก เขาพูดน่ากลัวว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ลืม งั้นทำไมเจ้าไม่มอบสารฉบับนั้นให้แม่นางอู๋ซวงล่ะ?”
“ข้าแค่…” “ข้าแค่…”
ถ้าเขาพูดมากเกินไป จะกลายเป็นข้อแก้ตัว ลู่หยางไม่ได้อยากหาข้ออ้างมากไป แต่ไม่มีสารฉบับนั้น เขาไม่ควรทำ ถ้าเขามา และเขาหาข้ออ้างให้ตัวเอง มันเหมือนทำหน้าไหว้หลังหลอก
ลู่หยางสะกดใจไว้พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ตระกูลหลอแน่นอน มอบสารฉบับนั้นให้แม่นางอู๋ซวง!”
ชายผู้นั้นเย็นลง เขาบ่นอุบอิบ “ดีแล้ว ดีแล้ว ข้าแค่ห่วงว่าเจ้าอาจลืม และเรามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว คนพวกนั้น ….พวกมันอาจค้นพบเจ้าแล้ว!”
เสียงนั้นดังตามร่างของชายผู้นั้นขณะเขาเดินห่างออกไปๆจากความฝันของลู่หยาง จนกระทั่งลับสายตาไป
ลู่หยางสะดุ้งตื่นจากความฝัน เพิ่งจะเที่ยงคืน และสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นพียงความฝัน แต่ลู่หยางเหงื่อกาฬแตกพลั่ก เปียกชุ่มไปถึงเสื้อผ้าและผ้าห่มของเขา
ลู่หยางซินรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
“ถึงแม้ว่าข้าไม่รู้ว่าความฝันนี้หมายถึงอะไร หรือคำพูดสุดท้ายของชายผู้นั้นหมายถึงอะไร ไม่มีเวลาแล้ว ข้าต้องไปตระกูลหลอเดี๋ยวนี้!” ลู่หยางกระโดดลงจากเตียง
เขารีบสวมเสื้อคลุมแล้ววิ่งออกจากบ้านไปภายใต้แสงจันทร์กระจ่างบนทางที่จะไปตระกูลหลอ
ครอบครัวหลอ ตังหลิ่ว และสามครอบครัวใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองเซียงหยาง แต่ละครอบครัวมีผู้เก่งกล้าและผู้เยี่ยมยุทธ์ที่โดดเด่นของตนเอง
กับชื่อเสียงของครอบครัวหลอในเซียงหยาง ลู่หยางแค่อยากถามว่าบ้านหลออยู่ที่ไหน ช่วงเวลานี้ลู่หยางยุ่งอยู่กับการเพิ่มกำลังให้ตัวเอง จึงทำให้เรื่องการส่งสารฉบับนั้นล่าช้าไป แต่หลังจากที่เขาฝันแปลกๆ เขาไม่มีความเชื่อมั่นแล้ว ยิ่งประโยคสุดท้ายที่ชายผู้นั้นพูดว่า พวกนั้นอาจหาลู่หยางพบแล้ว ยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ
“ค้นพบเหรอ?” “แต่เขาไม่ได้บอกว่าใครพบข้า” ลู่หยางครุ่นคิดอย่างสงสัย
เขาอยู่ในเมืองเซียงหยางเป็นเวลาสั้นๆ เขาไม่คุ้นเคยกับผู้มีอำนาจที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีศัตรูใดใด สัญชาตญาณของเขาบอกว่าถ้าเขาต้องถูกค้นพบจริงๆผลที่จะตามมาต้องเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก
“ข้าไม่คิดเรื่องไหนๆอีกแล้ว ตราบเท่าที่ข้าส่งมอบสารฉบับนั้นให้แม่นางอู๋ซวงแล้ว ข้าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลังจากนั้นอีกใช่มั้ย?”ลู่หยางบ่นอุบอิบขณะเดินทางอยู่ในความมืด
ชั่วขณะที่ลู่หยางออกจากประตูห้องไป มีเงาดำปรากฏขึ้นภายใต้แสงจันทร์พวกมันมาหยุดอยู่ที่ลานบ้าน เป็นชายสองคนสวมเสื้อคลุมยาวสีดำเดินราวกับลมพัดอยู่ในความมืดแล้วหายเข้าไปในบ้านของลู่หยางอย่างรวดเร็ว พวกมันค้นหาทุกห้อง ทีละห้อง และสุดท้ายมาหยุดอยู่หน้าห้องของลู่หยาง
“เป็นห้องนี้ ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าเด็กนั่นคงยังนอนหลับสบายอยู่” ชายชุดดำกระซิบบอกเพื่อนอีกคน
เสียงหัวเราะแปลกดังแทรกอากาศมา ขณะที่ชายชุดดำอีกคนพูดขึ้น “นี่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะคิดว่าเรามาเคาะประตูห้องมัน ถูกมั้ย?”
ชายชุดดำสองคนเข้าไปในห้องลู่หยาง ครู่หนึ่ง มีเสียงคำรามออกมาจากในห้องว่า
“บ้าฉิบ!” “อย่าบอกนะว่าไอ้สารเลวนั่นส่งสารฉบับนั้นไปแล้ว”
ถนนหลวงเมืองเซียงหยาง
ลู่หยางกำลังเดินอยู่ในความมืด แล้วเขาก็จาม “ใครกำลังคิดถึงข้าอยู่นะตอนนี้ เจ้าไม่ได้กำลังฝันถึงข้าอยู่ ใช่มั้ย?”
ลู่หยางส่ายหัว เขาขี้เกียจคิดต่อ เมื่อเขาเดินผ่านถนนเส้นนี้ไปแล้วเลี้ยวที่หัวมุม เขาก็จะเห็นบ้านหลอแล้ว อยู่แค่นั้นเอง ถนนตอนเที่ยงคืนมืดมิดไปหมด เมืองทั้งเมืองกำลังหลับอยู่ เขาไม่แน่ใจ ที่บ้านหลอ ใครจะเปิดประตูให้เขาตอนเที่ยงคืน
เขาถอนหายใจ” ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย ดูเหมือนข้าจะต้องรอที่หน้าบ้านจนกว่าหัวหน้าคนใช้จะเปิดประตู”
ลู่หยางเริ่มบ่นในใจ ทั้งหมดเป็นเพราะสหายที่ตายไปแล้ว เขาตายไปนานแค่ไหนแล้วถึงได้มาเข้าฝันเขาตอนกลางคืน และขอร้องเขาให้ส่งสารฉบับนั้นเดี๋ยวนี้
“ก็จริงนะ ใครจะนอนหลับตอนกลางวัน?” ลู่หยางพึมพำกับตัวเอง
มีทางเป็นไปได้แค่ทางเดียว เขาเป็นปีศาจ
ลู่หยางไม่คุ้นเคยกับพวกปีศาจ ครั้งแรกที่เขาพบคือ ปีศาจเจ้าเสน่ห์ที่โรงแรม ตอนนั้น ต้าเฮ่ยเพิ่งยกระดับสายเลือดขึ้นสู่ชั้นยอด และได้ปลุกความสามารถเฉพาะตัว การกลืนกินมืดมิด เมื่อมันปะทะปีศาจเจ้าเสน่ห์ มันกลืนเจ้าปีศาจเข้าไปในครั้งเดียว ครั้งที่สองเขาพบหลี่ยี่ เขาคิดไม่ตกว่าหลี่ยี่ไปเผชิญอะไรมาถึงได้มีปีศาจฉีบนตัวของเขา และยังเอาอสูรกระหายเลือดมาเป็นสัตว์เลี้ยงสงคราม แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาเอาชนะมันถึงตายด้วยหมัดเดียว แก่นผลึกของปีศาจนั้นให้ต้าเฮ่ยไปแล้ว
ลู่หยางคิดในใจ ในเมื่อบ้านหลอยังไม่เปิดประตู ลู่หยางก็เดินช้าลง ทันใดนั้นมีลมชั่วร้ายพัดมาจากทางด้านหลังของเขา มันเกือบจะพัดลู่หยางล้มลง เขากลับหลังหันทันทีและพบว่ามีชายชุดดำสองคนกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา
“พวกท่านเป็นใคร!” ลู่หยางกระโดดไกลออกไปสิบเมตรขณะตะโกนด้วยความโกรธ
เสียงหันเราะแปลกๆของปีศาจดังขึ้น “ไอสารเลว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเดาได้ว่าเรากำลังจะลงมือกับเจ้า โชคดี เราเจอเจ้าก่อน และจะหยุดเจ้าที่นี่!” “เป็นยังไงล่ะ มันยังไม่สายไปที่จะเอาสิ่งนั้นมาให้เรา”
“มันคืออะไร?” ลู่หยางถามอย่างสงสัยแต่มือของเขาจับที่หน้าอกของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
“สองคนนี้ต้องมาที่นี่เพราะสารฉบับนั้นแน่!” “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมข้าถึงฝันแปลกเช่นนั้น” ลู่หยางคิด
ร่างของชายชุดดำลอยสลับกันไปมาจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ต่อหน้าลู่หยาง แล้วค่อยๆล้อมเขาไว้เป็นวงกลม แล้วจู่โจมจากทั้งสองข้าง
เขาพูดอย่างน่ากลัวว่า “เจ้าอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีกว่า เรารู้แล้วว่าของสิ่งนั้นอยู่กับเจ้า!” “เราแค่อยากให้โอกาสเจ้า อย่าพยายามต่อต้าน พละกำลังของเจ้าไม่อยู่ในสายตาของพวกเรา!”
วินาทีหนึ่งพวกมันลอยราวกับก้อนเมฆ วินาทีถัดไป พวกมันเคลื่อนที่เร็วราวสายฟ้าฟาดสีดำ ลู่หยางติดอยู่ระหว่างกลางของพวกมันทั้งสองคน ความเร็วของพวกมันเร็วเกินกว่าที่ลู่หยางจะตอบโต้ทันเวลา
ขณะที่ชายชุดดำทั้งสองอยู่ในระยะสิบเมตรของลู่หยาง เสียงระบบดังขึ้นทันที
“ติ้ง!” “ค้นพบปีศาจกลืนกินวิญญาณสองตัว เป็นปีศาจระดับกลาง สายเลือดชั้นจักรพรรดิ์ทั้งสองตัว อยู่ห่างออกไปสิบเมตร!”
“ติ้ง!” “ค้นพบปีศาจกลืนกินวิญญาณ สองตัวเป็นปีศาจระดับกลาง สายเลือดชั้นจักรพรรดิ์ทั้งสองตัว อยู่ห่างออกไปสิบเมตร!”
“ติ้ง!” “ค้นพบปีศาจกลืนกินวิญญาณ สองตัวเป็นปีศาจระดับกลาง สายเลือดชั้นจักรพรรดิ์ทั้งสองตัว อยู่ห่างออกไปสิบเมตร!”
“…”
“อะไรนะ?!” “มันเป็นปีศาจอีกแล้วหรอ!?” ลู่หยางเกือบจะกรีดร้องออกมา แต่สิ่งที่ทำให้ลู่หยางประหลาดใจมากที่สุดคือพวกมันเป็นปีศาจระดับกลาง สายเลือดชั้นจักรพรรดิ์!
ปีศาจเจ้าเสน่ห์ที่เขาพบครั้งที่แล้วเป็นแค่ปีศาจระดับต่ำสายเลือดชั้นยอด ดังนั้นลู่หยางและต้าเฮ่ยเอาชนะมันได้ แต่ลู่หยางได้สัมผัสพลังของปีศาจมาก่อน มันอาจแข็งแกร่งกว่าอสูรที่ระดับเดียวกัน แต่ขณะนี้เขาพบปีศาจชั้นกลางสองตัว ด้วยกำลังของลู่หยางแล้วเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้มัน
ตอนนี้ปีศาจสองตัวลอยมาอยู่ตรงหน้าลู่หยางแล้ว เขากลัวมากจนเหงื่อแตก
ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ลู่หยางคิดอะไรไม่ออก เขาขบฟันพูดเสียงเย็นชา “ตอนนี้เราทำได้แค่ทำเหมือนว่ามันมีชีวิต! ข้าจะสู้กับเจ้า!” ราชาหนอนเยือกเย็นบินออกมาจากหัวไหล่ลู่หยางด้วยความเร็ว ไปที่ปีศาจกลืนกินวิญญาณสองตัวในชั่วอึดใจเดียว
สายฟ้าฟาดสีดำหยุดอยู่ในหิมะและน้ำแข็ง แช่แข็งมันสองตัวกลางอากาศ ลู่หยางพึ่งจะเห็นเสื้อผ้าของชายชุดดำทั้งสองชัดๆตอนนี้ ที่ปกเสื้อของมันมีเครื่องหมายหัวกะโหลกซีดๆ และตรงปลายปกของเสื้อคลุมของพวกมันมีรูปหัวผีอยู่
ลู่หยางเข้าใจว่าถึงแม้ น้ำแข็งของราชาหนอนเยือกเย็นจะแข็งแรง มันใช้ได้กับอสูรระดับกลางธรรมดาเท่านั้น ปีศาจกลืนกินวิญญาณสองตัวนี้อยู่ในระดับชั้นยอด ด้วยกำลังของราชาหนอนเยือกเย็นแช่แข็งมันได้พียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น
ในวินาทีนั้นลู่หยางไม่ได้ฉวยโอกาสคิดจะหลบหนี แต่เขากลับปล่อยพลังกระแสน้ำวนดำออกมาปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของเขา และขณะเดียวกันเขาเรียกต้าเฮ่ยออกมา