ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 43
SB:ตอนที่ 43 เข้าขั้นวิกฤต
“เสียงปีศาจสวรรค์!”
นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของปีศาจ เสียงปีศาจมุ่งเป้าจู่โจมคู่ต่อสู้ทางจิตใจ ในขณะที่ย่ำราตรีร้อยวิญญาณมุ่งเป้าโจมตีทางร่างกายโดยเฉพาะ
กลยุทธ์การโจมตีแปลกมาก ยากที่คู่ต่อสู้จะป้องกันได้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมียุทธวิธีป้องกันที่แข็งแรงอย่างไร ก็ไม่สามารถยับยั้งการโจมตีของเสียงปีศาจได้
ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงปีศาจดังอยู่ ร้อยวิญญาณปีศาจก็เล่นงานระฆังทองคำอมตะไปด้วย ปีศาจเหล่านี้เหมือนได้รับสารกระตุ้น พวกมันร้องคร่ำครวญเช่นผี และร้องโหยหวนอย่างกับหมาป่า พุ่งเข้าใส่ระฆังทองคำทองคำอย่างไม่กลัว
ลู่หยางเห็นร้อยวิญญาณชั่วรายค่อยๆน้อยลงทีละตัว ทีละตัว แสงที่ปล่อยออกมาจากระฆังทองคำอมตะหรี่ลงไม่มาก และขณะที่ลู่หยางยิ้มกระหยิ่มภูมิใจนั่นเอง เสียงปีศาจได้เจาะทะลุผ่านระฆังทองคำอมตะและมาเข้าหูของลู่หยาง
“นั่นสียงอะไรน่ะ?!” “ หรือจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวอีกอย่างหนึ่ง!” ลู่หยางมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ต่อหน้าเสียงปีศาจ การป้องกันของระฆังทองคำอมตะเหมือนเป็นแค่ของเล่นอย่างหนึ่งเท่านั้น มันไม่มีประสิทธิภาพเลย
ลู่หยางรู้สึกว่าท้องฟ้าหมุน โลกหมุน ร่างกายของเขาทนเสียงปีศาจไม่ไหวแล้ว สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มเลือนราง และตัวเขาก็ใกล้จะล้มฟุบลง
วิญญาณชั่วร้ายยังคงพุ่งเข้าโจมตีระฆังทองคำอยู่รอบๆ ถึงตอนนี้ระฆังทองคำอมตะจะต้านทานได้อีกไม่นาน
สัตว์เลี้ยงสงครามด้านหลังเขารับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะเกิดกับเจ้านายของมัน แต่พวกมันก็ต้องทรมานกับเสียงปีศาจที่ดังอยู่เช่นกันถึงแม้ว่าการโจมตีของปีศาจนั้นไม่เป็นผลโดยตรงกับอสูรเหล่านี้ ถ้าพวกมันอยากช่วยลู่หยางจัดการกับพวกวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น พวกมันต้องมีพลังงานเหลือใช้อยู่บ้าง
แผนการที่ดีที่สุดน่าจะเป็นต้าเฮ่ยที่ระดับสายเลือดของมันสามารถยับยั้งพวกปีศาจได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งด้วยคุณสมบัติมืดของมันทำให้มันไม่ได้รับอิททธิพลจากยุทธวิธีของปีศาจ แต่ก็นั่นแหละ ถึงแม้ต้าเฮ่ยจะยืนคุ้มภัยตรงหน้าลู่หยางได้ มันก็ไม่สามารถหยุดวิญญาณชั่วร้ายที่มีจำนวนมากเช่นนั้นได้หมด
“เด็กน้อย ทีนี้เจ้ารู้ถึงพลังอำนาจของปีศาจอเวจีแล้วใช่มั้ย?” “อย่าดื้อรั้น มากับเราซะดีๆไปพบใต้เท้า ข้าอยากให้เจ้ามอบสารลับให้ท่านใต้เท้า!” ปีศาจปล่อยเสียงหัวเราะแปลกๆ แล้วร่างของมันก็กลายเป็นควันดำอีกครั้งลอยเข้ามาจะประชิดตัวลู่หยาง วินาทีที่ระฆังทองคำอมตะแตกสลายไปด้วยพลังย่ำราตรีร้อยวิญญาณนั้นเป็นเวลาที่เจ้าปีศาจจับลู่หยางได้
ในมุมหนึ่งที่ปีศาจทั้งคู่มองไม่เห็นนั้น ชายชราผมขาวโพลนผู้หนึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ เขาส่ายหัวแล้วพูดค่อยๆว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าปีศาจสองตนจะมาปรากฏตัวในเมืองเซียงหยางจริงๆ!”
“แต่ช่างเถอะ เจ้าเด็กน้อยนี่ไม่เลวทีเดียว เขาต้านทานปีศาจชั้นจักรพรรดิได้ตั้งนาน ดูเหมือนยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่เลย” ชายชราถอนหายใจ “อนาคตของแม่น้ำฉางเจียงช่างแตกต่างจากคลื่นลูกก่อนเหลือเกิน ถึงเวลาที่จะให้พวกคนหนุ่มสาวเหล่านี้ปกครองโลกเสียแล้ว” เมื่อเทียบกับน้องชายคนนี้แล้ว อู๋ซวงเด็กสาวนั่นทระนงตนเกินไป นี่อาจเป็นเพราะนางเย่อหยิ่งและดูหมิ่นพวกผู้กล้าเยาว์วัยในเซียงหยาง แต่นางหารู้ไม่ว่ามีคนที่แข็งแรง และเฉลียวฉลาดกว่านางเสมอ “ข้าแค่ไม่รู้ว่าน้องชายท่านนั้นมาจากครอบครัวไหน ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”
ไม่มีใครรู้ว่าชายชรานั้นเฝ้าแอบดูอยู่นานแค่ไหน เขาไม่ได้คิดจะสอดมือเข้าไปช่วย อาจเป็นเพราะเขาอยากเห็นยุทธวิธีของพวกปีศาจ หรืออยากรู้ว่าลู่หยางจะทำให้เขาประหลาดใจได้แค่ไหน
เมื่อแสงรังสีของระฆังทองคำอมตะหรี่ลงจนเกือบหมด เทพเจ้าปีศาจมืดและเพื่อนของมันตัดสินใจลงมือ
“ถ้าเราสร้างความวุ่นวายที่นี่ ตำแหน่งที่เราอยู่ก็จะถูกเปิดเผยล่ะสิ เราแค่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะจัดการยากเช่นนี้ เรามาจบเรื่องนี้ให้เร็วเป็นดีที่สุด เผื่อว่าเพื่อนเก่าบางคนออกมาเจอแล้วก่อเรื่องยุ่งยากให้เราอีก” ปีศาจมืดขมวดคิ้วและกล่าว
ปีศาจดำเข้ามาใกล้ระฆังทองคำอมตะ กรงเล็บของมันยื่นยาวออกมาเร็วปานสายฟ้าแลบจิกเข้าไปที่ระฆังทองคำอมตะ พลังด้านมืดปะทะเข้ากับระฆังทองคำอย่างรุนแรงดับแสงสุดท้ายของระฆังทองคำอมตะโดยสมบูรณ์
ตอนนี้ ลู่หยางหมดสติแล้ว ปีศาจมืดยิ้มและบอกกับลู่หยางว่า “เด็กน้อย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีวันนี้ ใช่มั้ย เมื่อเจ้าไปพบใต้เท้าแล้ว ไม่ว่าเทพเจ้าไหนๆในสวรรค์ชั้นฟ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
ขณะที่กรงเล็บปีศาจกำลังจะคว้าคอของลู่หยาง มือเหี่ยวแห้วใหญ่โตข้างหนึ่งมาจากไหนไม่รู้จับลงมาที่กรงเล็บปีศาจด้วยความเร็วที่ไวกว่า
ความเจ็บปวดแปลบพุ่งขึ้นมาจากที่แขนของมัน ด้วยกำลังที่รุนแรง ไม่เพียงแต่มันจะคว้าตัวลู่หยางไปไม่ได้ ตัวมันเองยังถูกเหวียงลอยออกไปแทน
ร่างของปีศาจดำลอยไกลออกไปหนี่งร้อยเมตร เมื่อมันมองกลับไปที่ลู่หยาง มันพบว่ามีชายชราคนหนึ่งอยู่ขางๆลู่หยาง ขณะเดียวกัน เพื่อนปีศาจอีกตัวลอยมาสมทบกับเพื่อนของมันด้วยสีหน้ามึนงง มันเข้าใจแล้วว่าต้องเป็นฝีมือชายชรานั่นที่ทำกับพวกเขา
“มันเป็นคนชนิดไหนกันนี่ที่มีพละกำลังรุนแรงเช่นนั้น!” ปีศาจดำร้องออกมา
“ปีศาจมืด สถานที่นี้ใกล้กับบ้านสกุลหลอ ชายชราผู้นี้น่าจะเป็นผู้กล้าของที่นั่น!”
แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้? ปีศาจอีกตัวถามขึ้นอย่างเร่งรีบ มันเริ่มกลัว
“ปีศาจทั้งสอง? ข้าไม่คิดว่าวันนี้บ้านข้าจะมีชีวิตชีวาอย่างนี้ เป็นความผิดของข้าเองที่ข้าไม่ได้ต้อนรับแขก ข้าไม่รู้ว่าแขกคนสำคัญมา แต่มันยังไม่สายถ้าข้าจะรับรองท่านตอนนี้” ชายชรากล่าว
แต่ตอนนี้ ปีศาจทั้งสองเริ่มกลัวแล้ว จากการถูกจู่โจมเมื่อสักครู่ เจ้าปีศาจมืดก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชราผู้นี้ อีกทั้งที่แห่งนี้เป็นเขตแดนของมนุษย์ พวกมันได้ก่อความวุ่นวายไปก่อนหน้านี้ทำให้มนุษย์ผู้กล้านี้ต้องออกมา ถ้าเขายังคงตามรังควานพวกมัน ความยุ่งยากก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ปีศาจมืดบอกกับเพื่อนของมันว่า “ดูเหมือนว่าเราจะทำภารกิจในวันนี้ไม่สำเร็จซะแล้ว เรากลับไปยอมรับโทษจากใต้เท้าเถอะ”
“ข้าก็ว่างั้น!”
เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ปีศาจทั้งสองก็รีบเร่งไปทันที ชายชรากล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเข้มขึ้นว่า “พวกเจ้าจะมาจะไปตามใจชอบ ไม่เป็นการดูถูกชายแก่ผู้นี้ไปหน่อยหรือ?”
“นี่แน่ะ ท่านผู้เฒ่าหลอ พวกเรารู้ว่าท่านเก่งกล้าสามารถมากและเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านถ้าเราเอาชนะท่านไม่ได้แล้วยังไงล่ะ ถ้าน้องข้าอยากจะหลบหนี ท่านผู้เฒ่าหลอยังจะให้เราอยู่ที่นี่เหรอ?” ปีศาจมืดหัวเราะหึหึ แล้วกลายร่างเป็นเมฆดำลอยออกไปอย่างเร็ว พริบตาเดียว มันอยู่ไกลออกไปจากเมืองเซียงหยางหนึ่งร้อยเมตร
คู่หูอีกคนของมันหลบหนีไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม พวกมันกลัวผู้เฒ่าหลอมาก ในเมื่อพวกมันคิดจะหลบหนี พวกมันไปคนละทางดีกว่า หากว่าผู้เฒ่าหลอคิดจะตาม เขาจะตามทั้งสองในเวลาเดียวกันไม่ได้
ผู้เฒ่าหลอมองตามกลุ่มควันทั้งสองก้อน เขายิ้ม พูดว่า “ไม่จำเป็นต้องสุภาพ”
ทันใดนั้นมือเหี่ยวแห้งทั้งสองยืดออกตรงหน้าเขา เขารวบรวมพลังมหาศาลมาไว้ที่มือเหี่ยวๆทั้งสองข้าง มือนั้นค่อยๆใหญ่ขึ้นๆด้วยพลังจิต แล้วยื่นออกไปบนท้องฟ้าอย่างเร็ว เร็วกว่าปีศาจทั้งสองหลายเท่า ในเวลาไม่กี่อึดใจ มือใหญ่ทั้งสองก็ตามทันเจ้าปีศาจ
“ท่าจะไม่ดีแล้ว!” “วิ่ง!” ปีศาจดำพยายามจะเพิ่มความเร็ว แต่สายไปแล้ว มือใหญ่เงื้ออยู่บนหัวของปีศาจ มันจับหลังของปีศาจมืดได้มั่น แล้วลากมันลงมา
ปีศาจมืดดิ้นสู้อยู่ในควันดำหลายครั้งก่อนที่จะหลุดเป็นอิสระจากมือยักษ์ มันตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง มันได้สูญเสียปริมาตรของควันดำไปหนึ่งในสาม ขนาดของมันหดเล็กลงแต่นั่นยิ่งทำให้มันทวีความเร็วขึ้น พริบตาเดียว มันลอยไกลออกไปหลายพันเมตร
ชายชราอยากตามต่อแต่เขาไม่มีโอกาส เขาส่ายหัวแล้วพูดกับตัวเองว่า “นี่ข้าแก่แล้วเหรอ หรือปีศาจพวกนี้มันเจ้าเล่ห์ แต่ช่างเถอะ กรงเล็บนี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้เจ้าปีศาจต้องพักไปสองหรือสามเดือน อย่าได้คิดว่าจะหายดี”
แน่นอนว่ากรงเล็บของชายชราไม่เพียงแต่สลายควันดำ แต่ยังทำให้ร่างของปีศาจมืดได้รับบาดเจ็บ มิเช่นนั้น ชายชราไม่ปล่อยให้มันหนีไปง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ชายชรารู้สึกพิศวงว่าปีศาจอเวจีที่ได้หายไปจากทวีปนี้มานานแล้วทำไมถึงจู่จู่มาปรากฏตัวในเมืองเซียงหยาง และมาบ้านของเขาตอนดึกดื่น
เมื่อคิดถึงตอนนี้ ชายชราหันไปจ้องลู่หยางที่อยู่ข้างๆและพูดกับตัวเองว่า “ปีศาจชั้นจักรพรรดิ์สองตัวยอมเสี่ยงชีวิตมาโจมตีเจ้า ดูเหมือนเจ้าต้องมีภูมิหลังเป็นแน่ แต่ตอนนี้กำลังเจ้าอ่อนแอมาก ในเมื่อข้าอยากรู้ความจริง คงต้องรอให้เจ้าฟื้นก่อนซินะ”
อสูรดุร้ายนับสิบตัวของลู่หยางได้กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงของเขาโดยอัตโนมัติตอนที่เขาสลบไป ภายใต้แสงจันทร์มีเพียงร่างของชายชรากับลู่หยาง ชายชราส่ายหัว เขาแบกลู่หยางไว้ข้างหลังและเดินตรงไปยังบ้านใหญ่หลังหนึ่งข้างหลังเขา
“อาฟุ!” “เปิดประตูที!” ที่หน้าลานบ้านของตระกูลหลอ ชายชราเคาะประตูพร้อมเรียกชื่อคนรับใช้เก่าแก่
ชั่วครู่หนึ่ง ประตูเปิดออก ชายชราผู้หนึ่งในชุดเสื้อผ้าลายดอกโผล่ศรีษะออกมา เมื่อเห็นชายชรา เขาตกใจถามขึ้นว่า “นายท่าน นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมนายท่านถึงยังอยู่ข้างนอกนี่!”
ชายชรากลอกตาขึ้นและดุว่า “เจ้าไม่เห็นรึว่าข้าออกไปช่วยคนมา!? เปิดประตูให้ข้าเข้าไปเร็ว!”
อาฟุเพิ่งจะเห็นตอนนั้นเองว่านายท่านได้แบกเด็กหนุ่มมาคนหนึ่ง เขาอดหัวเราะไม่ได้
ชายชราจ้องพร้อมกับดุอีก “เจ้าหัวเราะอะไร?! การที่ข้าแบกใครขึ้นหลังนี่มันตลกนักรึไง?”
“เปล่า เปล่า ไม่ใช่ ข้าแค่สงสัยเกี่ยวกับน้องชายผู้นี้ นายท่านออกไปช่วยเขาแล้วยังแบกเขากลับมาที่บ้านนี่อีก”
ขณะที่ชายชราเข้าบ้านมา เขาส่ายหัวอีกและกระซิบว่า “ไม่รู้ว่าข้าไปทำบาปกรรมอะไรไว้ อายุปูนนี้แล้วยังต้องมาแบกเด็กกลับเข้าบ้านตอนดึกๆดื่นๆนี่!”